เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงอดสงสัยกันไม่ได้ว่าเหตุใดเจ้าอุปกรณ์ Kinect ของทาง Microsoft และ Wii U ของ Nintendo ถึงได้กลายเป็นอุปกรณ์เสริมและเครื่องคอนโซลที่ทำยอดขายได้ย่ำแย่สุด ๆ กระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางคุณ Reggie File-Aimé อดีตประธานของ Nintendo สาขาอเมริกา ก็ได้ออกมาตอบคำถามที่ว่าระหว่างที่กำลังโปรโมตหนังสือเล่มใหม่ของเจ้าตัวอยู่พอดี หลังจากที่โดนแฟน ๆ ส่งคำถามเข้ามารัว ๆ ค่ะ

โดยสำหรับอุปกรณ์ Kinect หรือกล้องจับการเคลื่อนไหวที่เคยเป็นคู่แข่งของเครื่อง Wii มาก่อนนั้น คุณ Reggie ได้เผยว่าสาเหตุที่เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ต้องพบกับความล้มเหลวมีอยู่ด้วยกันสามข้อ ข้อแรก เป็นเพราะอุปกรณ์ต่อพ่วงชิ้นนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนและไม่มีเนื้อหามารองรับเพียงพอ ทำให้เทคโนโลยีดี ๆ ต้องสูญค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ส่วนข้อสอง เป็นเพราะมันถูกวางจำหน่ายในรูปแบบของอุปกรณ์เสริม ทำให้ผู้คนมีความคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีมันก็ได้ ส่วนข้อสามก็คือ ต่อให้มันจะถูกนำมาขายพ่วงร่วมกับเครื่อง Xbox One คุณ Reggie ก็ยังคิดว่าคอนโซลชุดนี้มีราคาสูงเกินไปนั่นเองค่ะ

ส่วนสำหรับเครื่อง Wii U นั้น สาเหตุหลัก ๆ เลยคือในช่วงเวลาที่ตัวเครื่องวางจำหน่าย ดันไม่มีเกมดังเกมใดกลายเป็นเกมชูโรงเด่น ๆ ของตัวเครื่อง เหมือนอย่างที่เครื่อง NIntendo Switch มีเกม The Legend of Zelda: Breath of the Wild เป็นเกมเด่น ๆ ที่ทำให้ตัวเครื่องได้รับความนิยมเป็นจำนวนมหาศาล มิหนำซ้ำ ทางผู้ผลิตอย่าง Nintendo นั้นยังไม่มีเครื่องมือภายในที่เอาไว้ใช้พัฒนาเกมที่มีภาพระดับ HD ได้ ทำให้เกมต่าง ๆ มีคุณภาพโดยรวมด้อยกว่าเกมที่พัฒนาโดยใช้เอนจิ้นอย่าง Unreal หรือ Unity มาก ยิ่งเมื่อผนวกกับการที่เกมหลาย ๆ เกมถูกปล่อยออกมาค่อนข้างขาดตอนกันแล้ว ทำให้ความสนใจที่เหล่าเกมเมอร์มีต่อเครื่อง Wii U นั้นลดน้อยลงจนหายไปในที่สุดค่ะ

ใครที่สนใจคำตอบหรือคำอธิบายเพิ่มเติม ก็สามารถไปฟังสรุปแบบเต็ม ๆ ได้ในคลิปด้านล่างนี้เลย งานนี้ต้องบอกค่ะว่าไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะกระแสของ Kinect และ Wii U ในช่วงนั้นก็ถือว่าเงียบจริง ๆ…
ที่มา: Nintendo Wire / GoNintendo
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net