เกม Ghostwire: Tokyo จะมีให้เลือกปรับการแสดงผลกราฟิกได้มากถึง 6 โหมด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ทาง Tango Gameworks ผู้พัฒนาเกม Ghostwire: Tokyo ได้ออกมาเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของเกมดังกล่าวว่าจะมีโหมดแสดงผลบนเครื่อง PS5 ให้ผู้เล่นเลือกปรับได้มากถึง 6 โหมดด้วยกัน โดยแต่ละโหมดที่ว่ามีดังนี้ครับ

1. โหมด Quality - เฟรมเรตจะได้ที่ 30 FPS ส่วนภาพจะรันที่ระดับ 4K พร้อมกับรองรับการตกกระทบของแสงแบบ Ray Tracing ด้วย
2. โหมด Performance - เน้นเฟรมเรตที่ 60 FPS แต่ภาพจะดรอปลงจนไม่ถึง 4K ขณะที่ระบบ Ray Tracing จะถูกแทนที่ด้วยระบบแสงเงาแบบอื่นแทน
3. โหมด High Framerate Quality Mode - คล้ายโหมดในข้อ 1 แต่ปลดล็อคการจำกัดเฟรมเรต ทำให้ได้เฟรมเรตเพิ่มขึ้นมาในระดับ 40-50 FPS
4. โหมด High Framerate Performance Mode - เน้นเฟรมเรตขั้นต่ำที่ 60 FPS โดยไม่มีการล็อคเฟรมเรตแล้ว ทำให้เฟรมเรตสามารถเพิ่มได้มากกว่า 60 FPS ในหลาย ๆ ช่วง
5. โหมด High Framerate Quality Mode With V-Sync เหมือนโหมดในข้อ 3 แต่จะเพิ่มระบบ V-Sync เข้ามาทำให้เฟรมเรตเสถียรขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดอาการภาพขาด (Screen Tearing)
6. โหมด High Framerate Performance Mode With V-Sync เหมือนโหมดในข้อ 4 แต่จะเพิ่มระบบ V-Sync เข้ามาทำให้เฟรมเรตเสถียรขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดอาการภาพขาด (Screen Tearing)

หมายเหตุ - โหมดในข้อ 3 และ 4 นั้นทางเว็บไซต์ MP1st ได้รายงานว่ามีการพบปัญหาภาพขาด (Screen Tearing) อยู่ ซึ่งทาง Tango Gameworks ได้ทราบปัญหาดังกล่าวแล้วและจะมีการออกแพตช์แก้ไขในอนาคตอันใกล้ครับ

สำหรับตัวเกม Ghostwire: Tokyo จะวางจำหน่ายบน PS5 และ PC ในวันที่ 25 มีนาคมนี้ครับ โดยใครที่ซื้อเกมตัวที่เป็น Digital Deluxe Edition บน PlayStation Store จะสามารถเข้าไปเล่นได้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมเลย ซึ่งมีรายงานจากเว็บไซต์ Wccftech ด้วยว่าตัวเกมมีความยาวประมาณ 15 ชั่วโมง แต่ถ้าเก็บพวกเควสต์ย่อยด้วยจะกินเวลาราว ๆ 30-40 ชั่วโมงครับ

ที่มา: PlayStation Lifestyle

ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net