รีวิวเกม Horizon Forbidden West – สานต่อภารกิจกู้โลกกับสาวเอลอย

หายหน้าไปนานกันถึง 5 ปี และแล้วภาคต่อก็ออกมาเสียทีภายใต้ชื่อ Horizon Forbidden West โดยครั้งนี้ตัวเกมก็ได้นำพาผู้เล่นร่วมผจญภัยครั้งใหม่ไปกับ เอลอย สาวน้อยที่ยังมีหน้าที่ต่อยอดภารกิจกอบกู้โลกกลับคืนมาจากหายนะที่เกิดขึ้นมานานร่วมพันปีให้ได้ ซึ่งระยะเวลา 5 ปีจะนานสมการรอคอยของเพื่อน ๆ หรือไม่ ทาง Online Station มีคำตอบให้เพื่อน ๆ แล้วกับรีวิวนี้ครับ

แพลตฟอร์ม: PS5, PS4
ผู้พัฒนา: Guerrilla Games
วางจำหน่าย: 18 กุมภาพันธ์ 2022
แนวเกม: แอ๊กชั่น / RPG

ก่อนอื่นเลย ในภาคนี้ทางทีมงานได้เล่นบนเวอร์ชั่น PS5 และตัวเกมจะมีให้เลือกปรับโหมดการแสดงผลอยู่ 2 โหมดด้วยกัน โดยโหมดแรกคือเน้นด้านกราฟิกที่ระดับ 4K HDR แต่เฟรมเรตจะโดนจำกัดไว้ที่ 30 FPS กับอีกโหมดจะเน้นไปที่สมรรถนะของการรันที่เฟรมเรต 60 FPS แทน ตรงนี้ก็ต้องขออธิบายให้เข้าใจตรงกันว่าถ้าทีวีหรือมอนิเตอร์ของใครไม่ได้รองรับ 4K HDR ก็ให้เล่นโหมดเน้นเฟรมเรตไปดีกว่าครับ เพราะจะให้ประสบการณ์การเล่นที่ดีกว่ามาก

พล็อตของภาค Forbidden West จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังภาค Zero Dawn ไม่นานนัก โดยเอลอยได้ออกผจญภัยเพียงลำพังอีกครั้งหลังจากที่ตนเองไปพบกับโรคระบาดลึกลับที่เริ่มแผ่ขยายและทำลายบรรดาพืชพรรณและสิ่งมีชีวิตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีปมประเด็นที่ยังไม่ถูกไขจากในภาคที่แล้วค้างอยู่ ซึ่งการจะค้นหาความจริงและสานภารกิจกู้โลกนี้ได้ เธอจำเป็นจะต้องเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก หรือถ้าเทียบกับโลกความเป็นจริงก็คือละแวกรัฐเนวาด้าและรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกานั่นเอง

สิ่งที่ผู้เล่นน่าจะสัมผัสได้เมื่อเล่นเกมไปสักระยะคือพัฒนาการทางความคิดและอารมณ์ของตัวละครเอลอยครับ ด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ที่เธอประสบมาจากภาคแรกได้ทำให้เธอมีมุมมองและอุดมการณ์แรงกล้าที่จะกู้โลกให้กลับมาสู่สภาวะปกติเหมือนช่วงเกือบ 1,000 ปีก่อนได้ แต่ก็จะมีบางมุมที่ทำให้เราเห็นว่าเธอดูเป็นคนเย็นชาและพยายามปลีกตัวเองจากความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น ซึ่งประเด็นเหล่านี้เนื้อเรื่องจะค่อย ๆ คลายปมทีละน้อย พร้อมกับนำเสนอปมประเด็นใหม่ ๆ ให้ผู้เล่นได้คอยติดตามต่อเนื่องไปได้เรื่อย ๆ

ระบบเควสต์ในภาคนี้ นอกจากเควสต์หลักและเควสต์รองแล้ว จะยังคงมีเควสต์รับจ๊อบที่ไม่มีเนื้อเรื่องมาปน เควสต์ชาเลนจ์ รวมถึงเควสต์ตามเก็บความลับต่าง ๆ อยู่เช่นเดิม ทว่าจะมีเพิ่มฟีเจอร์จำพวกไอคอนบนแผนที่ที่โชว์ตำแหน่งถ้ำลับ หรือบางสถานที่ที่ต้องอาศัยเครื่องมือหรือสกิลบางอย่างของเอลอยในการเข้าไปให้ด้วย ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกเวลาที่เราต้องตามมาเก็บความลับพวกนี้ในภายหลัง ขณะเดียวกัน เครื่องมือหรือสกิลบางอย่างที่ต้องใช้เพื่อเข้าไปยังบางสถานที่เราจะได้มาเองตามเควสต์หลักอยู่แล้ว ทำให้ลักษณะของเกมจะเป็นเชิงชวนผู้เล่นทำเควสต์หลักและย่อยสลับกัน ยิ่งถ้าใครเป็นผู้เล่นแนวชอบเก็บความลับครบ 100% จะไม่รู้สึกเบื่อเกมไวนักและดูมีอะไรให้ต้องทำอยู่ตลอดเวลาดี

ใครที่กังวลว่าเกมจะสั้นหรือไม่ ก็ต้องบอกกันตรงนี้เลยครับว่ายาวจุใจผู้เล่นแน่นอน ลำพังแค่เควสต์หลักอย่างเดียวก็น่าจะกินเวลาไปร่วม 30-40 ชั่วโมงแล้ว หากใครจะเล่นแบบเก็บแพลตินัมโทรฟี่ พ่วงเควสต์ย่อย รวมทั้งเก็บความลับและชาเลนจ์ครบทุกอย่างในเกม มีผลาญเวลาชีวิตกันถึง 80-100 ชั่วโมงกันแน่นอน ซึ่งเควสต์รองในภาคนี้มีการนำเสนอที่ลุ่มลึกกว่าภาคแรกมาก และเกือบทั้งหมดจะเป็นการทำให้เราเข้าใจ Lore ของเผ่าต่าง ๆ ในดินแดนต้องห้ามฝั่งตะวันตก และทำให้ซึบซับนิสัยและตัวตนของเอลอยมากขึ้น สิ่งเหล่านี้มีผลทางอ้อมที่ให้เราเข้าใจเหตุผลที่เอลอยตัดสินใจกระทำเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้นด้วย

วกมาที่ด้านเกมเพลย์กันบ้าง โดยพื้นฐานแล้ว โครงสร้างของเกมเพลย์จะยึดระบบของภาค Zero Dawn เป็นแกนหลัก แต่จะไปเน้นตรงฟีเจอร์อื่นเข้ามาเสริม อาทิ ระบบการอัปเกรดหรือพัฒนาตัวละครที่แบ่งออกเป็น 6 สาย จากเดิมในภาค Zero Dawn ที่มีแค่ 3 สาย ซึ่งมีทั้งสายการต่อสู้ประชิดตัว สายการต่อสู้ระยะไกล สายเจาะเกราะ สายก่อกวนเครื่องจักร สายทำยา และสายกับดัก ทั้งนี้ ผู้เล่นสามารถนำสกิลพอยต์ที่ได้จากการเก็บเลเวลและทำเควสต์มาใช้อัปสกิล และเลือกอัปสายที่ตนเองต้องการก่อนหรือหลังได้ตามใจชอบ ตามแต่ความถนัดของตัวเอง

นอกจากนั้นแล้ว แต่ละสายก็จะมีท่าพิเศษ (หรือเรียกกันภาษาชาวบ้านก็คือท่าอัลติฯ) ให้อัปด้วย โดยที่แต่ละท่าก็จะช่วยเสริมความสามารถของเอลอยในด้านนั้น ๆ แบบก้าวกระโดดได้ชั่วขณะ ซึ่งท่าอัลติเหล่านี้หากเล่นในช่วงหลัง ๆ มักจะเป็นไพ่ตายที่ช่วยพลิกสถานการณ์ให้กับเราได้บ่อยครั้ง แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าลองทดสอบใช้งานครบทุกท่าแล้ว เพื่อน ๆ น่าจะมีท่าหากินในใจอยู่แค่ 3-4 ท่าที่เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่าเวิร์คแน่นอน ส่วนท่าอื่น ๆ นอกจากนี้ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจครับ

ความท้าทายในการสู้กับศัตรูในภาคนี้จะมีมากกว่าภาค Zero Dawn อยู่พอตัว กล่าวถึง AI ของศัตรูจำพวกมนุษย์จะมีความฉลาดมากขึ้น หากเราโจมตีด้วยท่าระยะประชิดซ้ำ ๆ แบบไม่เปลี่ยนไปใช้ท่าอื่นบ้าง มันจะจับทางได้และสวนเรากลับอย่างหนักหน่วงมาก รวมถึงภาคนี้จะมีศัตรูที่ขี่สัตว์เครื่องจักร (ขอเรียกสั้น ๆ ว่าหุ่นนะครับ) ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งการรับมือศัตรูลักษณะนี้ด้วยการยิงคนขี่หรือยิงที่สัตว์เครื่องจักรให้ตายก่อนก็จะเกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันด้วย

ขณะเดียวกัน ศัตรูประเภทหุ่นที่มักพบได้เยอะและบ่อยกว่าตามฉากแผนที่และดันเจี้ยนก็จะมีเพิ่มชนิดเข้ามา โดยหุ่นที่เคยโผล่มาในภาคแรกจะยังคงมีรูปแบบการโจมตีคล้ายของเดิมอยู่ ส่วนหุ่นที่เพิ่มมาใหม่ก็มีลูกเล่นแพรวพราว สามารถทำผู้เล่นรู้สึกตึงมือได้บ่อย ๆ ยิ่งถ้าเป็นหุ่นขนาดใหญ่ที่มีพลังชีวิตและพลังโจมตีมหาศาล บางตัวอาจใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำหากอาวุธของเรายังไม่แรงพอ

ในส่วนของระบบการอัปเกรดอาวุธชุดป้องกันจะมีการเพิ่มโต๊ะอัปเกรดเข้ามาให้ผู้เล่นได้อัปเกรดเป็นลำดับขั้น ซึ่งก็ต้องใช้ทรัพยากรที่เราหาเก็บได้ตามทางและจากการดรอปศัตรูมาอัปเกรด ซึ่งระบบติดตั้งคอยล์หรืออบิลิตี้เสริมความสามารถลงในสล็อตของอาวุธจากภาค Zero Dawn ก็ยังมีให้ใช้ในภาคนี้ แน่นอนว่าร้านค้าอาวุธ ชุดป้องกัน ยาฟื้นพลังก็มีให้บริการเช่นเคย แถมมีเพิ่ม NPC ที่รับเพนท์ใบหน้า บริการย้อมสีชุด และพ่อครัวที่สามารถทำอาหารเพิ่มบัฟให้เราตอนสู้ เป็นอีกสีสันและช่วยให้เรามีอะไรให้ทำในเมืองมากขึ้นด้วย

เราต่างทราบกันดีว่าหนึ่งในอาวุธหลักของสาวเอลอยก็คือธนูนั่นเอง และระบบของธนูในเกมนี้ก็มีการประยุกต์มาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Adaptive Triggers ของจอย DualSense แบบเต็มที่ การใช้ธนูปกติกับธนูใหญ่จะให้ความรู้สึกตอนกดเล็งด้วย L2 ที่แตกต่างกันชัดเจน โดยธนูใหญ่เวลาน้าวสายนั้น ปุ่ม L2 จะหนืดและสู้แรงนิ้วของเรามาก หรืออย่างอุปกรณ์จำพวกเชือกตรึงร่างของหุ่น เวลาหุ่นโดนตรึงจนล้มลงไปนอนกับพื้น ระบบ Haptic Feedback บนจอยก็จะสั่นตอบสนองตอนหุ่นมันดิ้นไปมาด้วยเช่นกัน ระหว่างเล่นจึงได้อรรถรสที่สมจริงราวกับได้สวมบทเป็นพรานสไตล์ Old School ด้วยอุปกรณ์กึ่งไฮเทคไปพร้อมกัน

และด้วยความที่สภาพพื้นที่ต่าง ๆ ในแมพ รวมถึงเหล่าดันเจี้ยนในภาคนี้มีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น เวลาเราดำเนินเควสต์หลักไปถึงแต่ละจุดก็จะได้รับอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายกว่าเดิม เช่น อุปกรณ์ช่วยร่อนลงมาจากที่สูงคล้ายร่มชูชีพ หรืออุปกรณ์ที่ใช้จุดระเบิดทำลายกำแพงในหลาย ๆ จุด เป็นต้น แลกมากับไอเทมและความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้น บางอย่างก็เป็นไฟล์ที่ช่วยให้เราทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตกาล ขณะที่บางอย่างก็เป็นไอเทมมีค่า สามารถนำไปขายหรืออัปเกรดอุปกรณ์ส่วนตัวของเราได้

ยิ่งไปกว่านั้น ระบบการปีนป่ายก็มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อผู้เล่นกดใช้โฟกัสที่เป็นหนึ่งในอุปกรณ์หลักจากภาคแรกที่บริเวณใกล้กับภูเขาหรือชะง่อนผา มันจะทำการสแกนพื้นผิวของหินให้เลยว่าตรงจุดไหนปีนได้หรือไม่ได้ ซึ่งช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมากโดยที่เราไม่ต้องไปวนหาทางปีนขึ้นเอาเอง อีกทั้งยังสแกนหาจุดที่เราสามารถใช้อุปกรณ์เปิดทางเข้าไปได้เช่นกัน ดังนั้นหากเล่นติดบริเวณไหน แค่อาศัยการสแกนด้วยโฟกัสแล้วคอยสังเกตไปรอบ ๆ บริเวณก็จะผ่านได้ไม่ยากเลย

งานอาร์ตของเกมนี้จัดว่าสวยและต่อยอดความงามของทิวทัศน์ในโลกที่อารยธรรมเสื่อมสลายนานหลายศตวรรษได้ดี สังเกตได้จากซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ ตลอดจนหมู่บ้าน เมือง และชุมชนที่กระจัดกระจายในแต่ละแคว้น ซึ่งแต่ละชุมชน แต่ละเผ่าก็จะมีสภาพสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้เรารู้สึกได้ว่าเกมมีมิติ มีชีวิตชีวาพอสมควร

พูดถึงเรื่องคัตซีนในเกมกันบ้าง หากใครยังจำกันได้ ในภาค Zero Dawn นั้นเวลาเข้าฉากที่ตัวละครสนทนากันจะใช้เทคนิคการตัดสลับไปมาตามฝั่งผู้พูดและซูมให้เห็นแต่ใบหน้าคู่สนทนา ว่ากันตามตรงมันก็ดูไม่น่าสนใจและไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ แต่ในภาค Forbidden West นี้จะมีการเปลี่ยนคัตซีนให้เราได้เห็นแบ็คกราวด์ และภาพรวมของวงสนทนามากขึ้นเหมือนเกมอื่น ๆ ราวกับชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเลย

แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังพบปัญหาในช่วงคัตซีนโดยเฉพาะช่วงที่เอลอยสนทนากับตัวละครจากเควสต์รองหรือเควสต์ย่อยอื่น ๆ อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือดวงตาของเอลอยจะดูลอย ๆ ไม่โฟกัสไปที่คู่สนทนา หรือเวลาหันไปทางคู่สนทนา ระดับสายตาที่เธอมองไปก็จะไม่สัมพันธ์กับส่วนสูงของคนที่เธอคุยด้วยเลย และระหว่างเล่นจะพบได้ค่อนข้างบ่อย ตรงนี้หากให้สันนิษฐานก็คาดว่าอาจมาจากการทำโมชั่นแคปเจอร์แยกตัวละครกัน โดยที่นักแสดงแต่ละคนอาจไม่ได้เจอหน้าและแสดงบทร่วมกันในสตูดิโอ ทำให้เวลาถึงช่วงที่ต้องมองหน้ากัน การ Eye Contact ระหว่างสนทนาจึงดูผิดปกติไป ซึ่งคาดว่าหลังเกมวางจำหน่ายทางผู้พัฒนาอาจจะมีออกแพตช์มาแก้ไขในส่วนนี้

เช่นเดียวกัน ภาค Forbidden West นี้ก็เป็นครั้งแรกของซีรีส์ที่มีการแปลภาษาไทยเต็มรูปแบบทั้งซับไตเติ้ลและเมนูคำสั่งต่าง ๆ โดยคุณภาพในงานแปลอยู่ในเกณฑ์โอเค ยังมีการแปลบทสนทนาที่ไม่ค่อยตรงบริบทหรือการเลือกใช้ศัพท์ที่ดูแปร่งไปจากความรู้สึกอยู่พอประมาณ ซึ่งคาดว่าที่มาของปัญหาก็คือทีมแปลน่าจะไม่ได้เห็นตัวเกมหรือไม่มีโอกาสได้เล่นเกมนี้ในขั้นตอนแปล จึงทำได้เพียงจินตนาการจาก Text บทสนทนาและข้อความเมนูเท่าที่ทางค่ายเกมมีให้ เอาจริง ๆ ปัญหาดังกล่าวก็พอเข้าใจและน่าเห็นใจทีมแปลครับที่ต้องทำงานแบบมีข้อจำกัด และหลายเกมที่มีการแปลไทยก็เจอปัญหาคล้ายกันในลักษณะนี้เยอะด้วย

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของ Forbidden West ยังคงเป็นเกมระดับ AAA ของ PlayStation Studios ที่เต็มไปด้วยคุณภาพ และมีการปรับปรุงต่อยอดในส่วนที่ยังขาดได้ดีระดับหนึ่ง จะแอบเสียดายบ้างก็ตรงที่เราไม่อาจจะได้เห็นอะไรที่เป็นการพลิกโฉมนวัตกรรมเกมเพลย์ใหม่ ๆ เท่าที่ควร จึงเป็นภาคต่อที่เน้นเพลย์เซฟด้านเกมเพลย์ แต่ก็ยังมีความหวือหวาอยู่บ้างกับแง่ของเนื้อเรื่อง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็นเกมที่น่าซื้อมาเล่นต้อนรับไตรมาสแรกของปี 2022 อยู่ดีครับ

คะแนน 9


หากเพื่อน ๆ สนใจพรีออเดอร์เกมนี้ในเวอร์ชั่นดิจิทัลดาวน์โหลด สามารถเข้าไปได้ที่ลิงค์ https://store.playstation.com/en-th/product/EP9000-PPSA01521_00-FORBIDDENWESTPS5


ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้