ก่อนที่เกม Gran Turismo 7 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 มีนาคมที่จะถึงนี้ ทางทีมงาน Online Station รวมถึงสื่อมวลชนสายเกมจากภาคพื้นทวีปเอเชียก็ได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์คุณคาซึโนริ ยามาอุชิ (Kazunori Yamauchi) ผู้กำกับเกมดังกล่าว และเขาคนนี้ก็ยังเป็นผู้ให้กำเนิดเกมซีรีส์ GT และทำหน้าที่กำกับเองมาทุกภาค ยาวนานถึง 25 ปีแล้วด้วย
ว่าแล้วเรามาชมบทสัมภาษณ์ที่ด้านล่างกันเลยดีกว่าครับ
Q: คุณเคยพูดว่าผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจในการพูดถึงเรื่องวัฒนธรรมของยานยนต์อีกต่อไปแล้ว นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมคุณและทีมงานถึงพัฒนาเกม GT7 มาในทรงนี้ พอจะบอกได้มั้ยว่าทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น?
A: ผมคิดว่าในรอบ 25 ปีหลังมานี้ สังคมได้เปลี่ยนไปพอสมควร ซึ่งก่อนหน้านั้นเวลาคุณซื้อรถมาสักคัน คุณจะมีช่วงเวลาที่รู้สึกว่าโลกนี้มันช่างกว้างใหญ่และขยับขยายเพื่อตัวคุณเอง มันเป็นประสบการณ์ที่คุณจะได้แชร์ร่วมกับผู้อื่นทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะกับพ่อแม่หรือบุตรหลาน หรือแม้แต่เพื่อน ๆ สมัยเรียนก็ตาม ถ้าเป็นเมื่อ 25 ปีก่อน เด็ก ๆ มักจะเล่นรถขนาดจิ๋วหรือฮอตวีลกัน แต่ ณ ปัจจุบัน คุณจะมีอะไรอย่างอื่นให้เลือกเล่นเยอะมาก เช่นสมาร์ทโฟนหรือวิดีโอเกม กลายเป็นว่าผู้คนพูดถึงรถยนต์กันน้อยลง แต่มันก็ยังคงมีสิ่งดี ๆ ที่เราควรให้ความสำคัญกับมันอยู่ครับ
Q: คุณไปได้แรงบันดาลใจในส่วนของคาเฟ่จากไหน? มันเป็นเรื่องน่าสนใจนะครับที่ผู้เล่นจะสามารถเข้าถึงคาเฟ่และสิ่งที่อยู่ในเมนูเพื่อมอบหมายหน้าที่แก่ผู้เล่น แถมมันยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแก่ผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเข้าไปเล่นใน Cafe ด้วย อย่างไรก็ดี ผู้เล่นหน้าใหม่จะพอมีโอกาสเข้าใจในส่วนของคาเฟ่และสนุกไปกับเกม GT7 ได้หรือไม่ครับ?
A: ตอนที่ผมร่างโปรเจกต์พัฒนาเกม GT ภาคแรกในปี 1992 ณ เวลานั้นเคยมีไอเดียของคาเฟ่รวมอยู่ด้วยนะครับ แต่กลับต้องรอเวลานานถึง 25 ปีกว่าจะนำไอเดียนี้มาใส่ในเกมได้จริง ๆ ก็ภาค 7 เลย แต่สมัยนั้นเป็นแค่เพียงดีไซน์เบื้องต้นเท่านั้น โดยลูกเล่นของคาเฟ่ก็คือเป็นสถานที่ที่ผู้คนจะมารวมตัวกันและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ เวลาเราแวะไปคาเฟ่ในกรุงปารีสก็จะเห็นเหล่าศิลปินมาพบปะพูดคุยกัน หรือถ้าแวะไปคาเฟ่ในกรุงเวียนนา (ออสเตรีย) ก็จะเจอนักดนตรีจับกลุ่มสนทนากันและคุยแต่เรื่องดนตรี ซึ่งพอเป็นคาเฟ่ในเกม GT7 ผู้เล่นก็จะได้มาเจอกันและเจอแต่เรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ให้ติดตาม ขณะเดียวกัน GT7 เป็นเกมขนาดใหญ่ที่มีระบบเกมค่อนข้างซับซ้อน ผู้เล่นสามารถลองฟีเจอร์ในเกมที่มีอยู่หลากหลายได้เต็มที่ และคาเฟ่ในเกมก็ถูกนำเข้ามาเพื่อตอบโจทย์ตรงนี้ และนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับผู้เล่น ทั้งเรื่องระบบเกมและวัฒนธรรมของรถยนต์ ที่แม้แต่ผู้เล่นก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้เช่นกัน
Q: คุณมีแผนที่จะเพิ่มคอนเทนต์หรืออัปเดตอะไรลงไปยังหน้าเมนูของคาเฟ่ในอนาคตหรือไม่ครับ?
A: มีแน่นอนครับ เราอยากจะนำเสนอวัฒนธรรมของรถยนต์จากมุมมองที่แตกต่างกันผ่านเมนูในคาเฟ่ ซึ่งเราอยากจะเพิ่มคอนเทนต์จำพวก DLC เข้ามาเรื่อย ๆ ในอนาคตหลังวางจำหน่ายไปด้วย
Q: แล้วเรื่องโหมด Music Rally ละครับ ด้วยความที่โหมดนี้มีเป้าหมายให้ผู้เล่นขับผ่านเช็คพอยต์และรักษาความเร็วไปเรื่อย ๆ เหมือนโหมด Time Trial หรือระบบเช็คเวลาแบบยุคสมัยเก่า อย่างนี้แล้วเกมมันก็จะไม่ชวนผ่อนคลายเท่าไหร่เลย คุณตั้งใจให้โหมดนี้เป็นอย่างไรกันแน่?
A: ในโหมด Music Rally จะมีเป้าหมายให้ทำน้อยครับ อย่างแรกเลยคือให้ผู้เล่นเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง อย่างที่สองคือเกมนี้มีสนามให้ลองขับมากมาย ผู้เล่นสามารถขับลองสนามในโหมดนี้ได้โดยไม่ต้องพะวงกับสถานการณ์ขับเคี่ยวความเร็วกันอย่างเอาเป็นเอาตาย นอกจากนั้นแล้วผู้เล่นยังนำเพลงไปใช้ประกอบรีเพลย์หรือแมตช์ที่ตนเองแข่งขันได้ด้วย จุดประสงค์ของโหมดนี้คือให้ผู้เล่นได้ขับรถพร้อมฟังเพลงไปจนจบ และโหมดนี้ก็ไม่ยากนักถ้าผู้เล่นเชี่ยวชาญเส้นทางของสนามนั้น ๆ เกมให้อิสระผู้เล่นมากมายในการขับ ไม่ว่าจะดริฟต์ หรือโลดโผนอย่างไรก็ได้ ซึ่งมันจะเหมาะกับผู้เล่นที่เป็นเด็ก รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ในซีรีส์นี้ เพราะมันเล่นง่ายแถมยังสนุกกับเสียงเพลงไปพร้อมกันได้ด้วย เกมนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 25 ปีแล้ว ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ตามเล่นมาตั้งแต่ภาค 1 ส่วนใหญ่ก็กลายเป็นพ่อคนกันหมดแล้ว เกมนี้จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะใช้สำรวจบุตรหลานของตัวเองได้ว่าพวกเขามีความรักชอบในเรื่องยานยนต์หรือไม่
Q: ว่าแต่โหมด Music Rally นี้จะเปิดโอกาสให้เหล่าสตรีมเมอร์หรือยูทูบเบอร์นำไปทำคอนเทนต์ลงช่องได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ เพลงทั้งหมดในโหมดดังกล่าวจะไม่ติดปัญหาด้านลิขสิทธิ์ใช่หรือเปล่า?
A: เพลงทั้งหมดในโหมดนั้นไม่มีติดปัญหาใด ๆ ครับ ผู้เล่นสามารถอัดรีเพลย์การเล่นบนทีวีแล้วเล่นเพลงเหล่านี้ในคลิปได้ตามสะดวกเลย
Q: ช่วงพรีเซนเทชั่นมีการพูดถึงระบบ Haptic Feedback และ Adaptive Trigger ของจอย DualSense บน PS5 เยอะมาก แต่ในด้านการควบคุมรถ ระบบที่ว่านี้จะมีมอบประสบการณ์อะไรที่เหมือนกับการควบคุมรถของจริงได้บ้าง?
A: แน่นอนครับ ถ้าคุณกำลังควบคุมรถอยู่ คุณจะได้รับความรู้สึกเหมือนได้ขับรถของจริงผ่านระบบนี้ ซึ่งคุณจะสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนจากจอยที่มาจากตำแหน่งที่เป็นล้อรถในเกมด้วย
Q: เห็นว่ามีรถบางคันที่ไม่เคยปรากฏในโลกความเป็นจริงมาก่อน ตรงนี้อยากทราบว่าคุณมีการทำงานร่วมกับบรรดาค่ายผู้ผลิตรถอย่างไรในการนำสเปค รูปลักษณ์ ตลอดจนข้อมูลเชิงเทคนิคของรถรุ่นนั้น ๆ มาใส่ในเกมได้ครับ?
A: ถ้าเป็นด้านภายนอกตัวรถ ทีมดีไซน์จะประกอบไปด้วยผู้คนจากค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่สามารถพูดคุยโดยตรงกับทีมที่ปั้นโมเดลรถเพื่อให้รถมีดีไซน์ออกมาตามที่ต้องการ เช่นเดียวกับภายในตัว รวมถึงสเปค ก็จะมีเรื่องของฟิสิกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงนี้ทางวิศวกรของเราที่มาจากค่ายผู้ผลิตรถยนต์และทีมคำนวณฟิสิกส์ก็จะพูดคุยสื่อสารกันโดยตรงเพื่อให้สมรรถนะของรถออกมาตรงตามที่หารือกันด้วย
Q: พอจะสามารถยืนยันถึงเรื่องการปรับปรุงพัฒนา AI บ้างมั้ยครับ และ AI ภาคนี้จะมีความท้าทายกว่าเดิมหรือเปล่า?
A: ความสามารถของ AI ในภาคนี้คือจะมีทักษะในการขับขี่ไล่เลี่ยกับผู้เล่นที่เป็นคนจริง ๆ ที่มีฝีมือพอตัว ถ้าคุณขับรถที่มีสเปคเดียวกับที่ AI ขับ ความยากของเกมก็จะสูง แต่ถ้าคุณเป็นผู้เล่นระดับที่ช่ำชองมาก ๆ คุณจะสามารถขับได้เร็วกว่า AI อยู่นิดหน่อยครับ
Q: อะไรคือเป้าหมายในใจของคุณ หลังจากรู้ตัวว่าเกมซีรีส์ GT ที่คุณสร้างขึ้นมากับมือได้มีอายุครบ 25 ปีแล้ว คุณรู้สึกยังไงบ้างเวลามองย้อนกลับไปดูเกมภาคแรก และมันสะท้อนให้เห็นอะไรบ้างหรือเปล่าครับ?
A: การพัฒนาเกมซีรีส์นี้ได้เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1992 หรือ 5 ปีก่อนที่เกมภาคแรกจะวางขาย เราทำงานร่วมกันในทีมนี้มานานถึง 30 ปี มันเป็นอะไรที่ผมรู้สึกชื่นชมเสมอมา ผมเองก็อยากขอบคุณผู้เล่นทุกคนที่ให้การสนับสนุนแฟรนไชส์นี้มาตลอด 25 ปี ถ้าไม่มีผู้เล่นเหล่านี้ ซีรีส์ GT ก็คงไม่อาจเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้เช่นกัน สุดท้ายแล้วผมอยากจะทำให้เกมนี้ได้นำเสนอความเป็นนวัตกรรมและประสบการณ์ที่สดใหม่ของยุคปัจจุบัน ผมรู้สึกพอใจมากที่เห็นเกมเป็นเช่นนั้น
เพื่อน ๆ ที่สนใจเกมนี้ สามารถพรีออเดอร์ตัวเกมเวอร์ชั่นดิจิทัลดาวน์โหลดได้ที่ https://www.playstation.com/en-th/games/gran-turismo-7/
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net