ย้อนไปในช่วงปี 2013 ณ ตอนนั้นวงการเกมคอนโซลกำลังจะมีการขับเคี่ยวครั้งใหญ่ระหว่างเครื่อง PS4 จากโซนี่และ Xbox One จากไมโครซอฟต์ครับ แต่ด้วยความผิดพลาดด้านการสื่อสารและโปรโมตในหลายจุดของทางไมโครซอฟต์เอง ก็ได้ทำให้สถานการณ์ของไมโครซอฟต์พลิกผันจากการเป็นผู้ชนะในเจเนอเรชั่นที่แล้ว มาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหลุดลุ่ยตั้งแต่ช่วงแรกของการวางจำหน่ายเครื่อง Xbox One กันเลยทีเดียว
โดยเริ่มจากตอนแรกที่ไมโครซอฟต์ไปประกาศในงาน E3 2013 ว่าตัวเครื่อง Xbox One จะต้องต่อออนไลน์ตลอดเวลาขณะเล่น รวมทั้งไม่สามารถเล่นแผ่นเกมมือสองได้ มิหนำซ้ำยังประกาศราคาขายเครื่องไว้ที่ 499 เหรียญสหรัฐฯ พร้อมบังคับพ่วงอุปกรณ์เสริมอย่าง Kinect เข้าไปด้วย ซึ่งแพงกว่าฝั่งคู่แข่งถึง 100 เหรียญเลยทีเดียว
You and us both, Dad.
— Xbox (@Xbox) January 8, 2022
พอประกาศไปเช่นนั้น กระแสผู้เล่นก็สวิงมายังด้าน PS4 แบบแลนด์สไลด์ และแม้ว่าไมโครซอฟต์จะยอมกลับลำ เปลี่ยนนโยบายเครื่องแบบ 180 องศา แต่ก็ไม่อาจเรียกกระแสที่เสียไปกลับคืนมาได้อีกเลย จนกระทั่งจบเจเนอเรชั่นด้วยยอดขายเพียง 51 ล้านเครื่อง หรือไม่ถึงครึ่งของยอดขาย PS4 ที่ทำไปได้ 116 ล้านเครื่องด้วยซ้ำ
แน่นอนครับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Xbox One ได้ทำให้บุคคลภายในองค์กรไม่แฮปปี้เป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าคุณ Seamus Blackley อดีตผู้สร้างเครื่องรุ่นแรกสุดเมื่อปี 2001 ได้ทวิตข้อความรำลึกความหลังกันตรง ๆ เลยว่า ณ ตอนนั้นเขายังกลัวเหมือนกันว่าตัวแบรนด์อาจจะถึงจุดจบแล้วก็เป็นได้
จากนั้นไม่นาน ทางทวิตเตอร์ทางการของ Xbox ก็ได้ตอบทวิตของคุณ Seamus ว่าไม่ใช่แค่ตัวเขาหรอกที่วิตก หากแต่พวกเราทุกคน (ในองค์กร) ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เป็นการเข้าใจหัวอกซึ่งกันและกันนั่นเอง
ที่มา: GamingBible / ScreenRant
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net