รีวิวเกม Far Cry 6 – การโค่นล้มเผด็จการที่เดือดมันส์ที่สุดครั้งหนึ่งของจักรวาลวิดิโอเกม

Play Video

Far Cry 6 ถือเป็นหนึ่งในเกม FPS บิ๊กเนมประจำปี 2564 ที่ผู้คนให้ความสนใจกันอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยชื่อชั้นดั้งเดิมของมัน การนำดาราชื่อดังอย่าง Giancarlo Esposito มารับบทตัวร้าย รวมถึงรูปแบบการโปรโมตอันจัดจ้านของทาง Ubisoft เองที่ก็หมายมั่นปั้นมืออย่างมากเพราะซีรีส์นี้ก็ถือเป็นหนึ่งในหัวเรือหลักของค่ายเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วมันจะคุ้มค่าความไฮป์และการรอคอยหรือไม่ มาว่ากันครับ

ก่อนอื่นเลยผมรู้สึกว่าภาคนี้มีคาริสม่าต่อคนไทยเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะสถานการณ์การต่อสู้ของเนื้อเรื่องในเกม หรือการที่มันเป็นภาคแรกของซีรีส์ที่ได้ถูกเพิ่มเติมซับไตเติ้ลและอินเตอร์เฟซภาษาไทยเข้าไปเต็มรูปแบบ แบบที่ถ้าย้อนกลับไปตอนภาคแรกออกใหม่ๆ แล้วบอกว่าเกมนี้จะมีภาษาไทยในภาคที่ 6 เราคงหัวเราะฟันร่วง ยังไม่รวมตัวอย่างหลายๆ อันที่ถึงขั้นมีพากย์ไทย ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากวัยรุ่นสยามประเทศได้เป็นอย่างดี พร้อมกู่ร้องกันเต็มโลกโซเชี่ยลว่าภาคนี้ฉันจัดแน่

อย่างไรก็ตามบางคนก็เลือกเผื่อใจไว้ก่อนเพราะเอาเข้าจริง Far Cry 6 ไม่ใช่เกมแรกที่มีภาษาไทยของ Ubisoft ถ้าหากคุณยังจำอากู๋ทรานสเลตของ Ghost Recon: Breakpoint ได้ แม้กระนั้นรอบนี้ก็อยากให้ได้เบาใจกันและพูดได้เต็มปากว่าบอกลาการแปลชวนส่ายหน้าแบบนั้นไปได้เลย

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นเพอร์เฟค เพราะการอธิบายเควสต์บางจุดยังอ่านแล้วงงจนต้องอ่านซ้ำอยู่บ้าง (ไม่ถึงขั้นไม่เข้าใจ) รวมไปถึงสรรพนามที่ใช้เรียกกันไปมาระหว่างตัวเอกอย่าง Dani และผู้พูดด้วยนั้นค่อนข้างแปลกๆ และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่มุมหนึ่งก็พอจะเข้าใจได้ในความต่างของระดับภาษาอีกทั้งพอเกมเลือกเพศตัวละครได้ภาษาไทยก็จะมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นอีก การที่คนแปลซับเลือกคำกลางๆ มาใช้ก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่ก็ส่งผลต่อความรู้สึกและลื่นไหลพอควร

อย่างไรก็ตามพวกบทพูดในเกมทำได้ดีมากๆ ระดับอารมณ์ที่แตกต่างกันก็มีให้เห็น คำหยาบ คำอุทาน ศัพท์วัยรุ่น หรือมุกไทยๆ ล้วนมาหมด ทำให้สรุปได้เลยว่าแม้จะยังติดขัดอยู่บ้างแต่ดีกว่า Breakpoint ราวๆ ล้านปีแสงเห็นจะได้

พอมั่นใจเรื่องภาษาในเกมที่อยู่ในระดับหายห่วงกันแล้วก็มาพูดถึงเนื้อเรื่องกับเกมเพลย์กันบ้าง ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็น Dani Rojas อดีตทหารมือดีที่อยากย้ายประเทศ แต่จับพลัดจับผลูต้องกลายมาเป็นมือเป็นเท้าให้ Libertad กองโจรนักปฏิวัติที่มุ่งโค้นล้มจอมเผด็จการแห่งยาร่า Anton Castillo ซึ่งมักจะมีโควตและคำพูดคุ้นๆ เหมือนเราเคยได้ยินได้ฟังจากคุณลุงท่านหนึ่งแถวๆ นี้แต่เรื่องนั้นช่างมันดีกว่า

ผู้เล่นในจะได้ออกผจญภัยต่อสู้กับกองทัพของยาร่าเพื่อลดอำนาจอิทธิพลกองทัพ สร้างเครือข่ายกองโจร และโหมกระพือไฟแห่งการปฎิวัติให้รุนแรงยิ่งขึ้น ผ่านรูปแบบเกมเพลย์โอเพ่นเวิร์ลที่ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก “ก็เกม Far Cry อ่ะนะ” มีทั้งบุกยึดสถานที่สำคัญ ถล่มด่านลอย ออกล่าสมบัติ แต่ดีหน่อยที่เหมือนพวกเขาจะรู้ตัวและไม่เอาภารกิจเปิดเสากลับมาแล้ว

แต่แม้มันจะมาพร้อมสูตรเกมเพลย์สไตล์เดิม พอเพิ่มเติมระบบและของใหม่ๆ เข้ามาก็ทำให้เกมมันสนุกอยู่ดี โดย Far Cry 6 หันไปเน้นกันเพลย์มากขึ้น เพราะนอกจากอาวุธปืนทั้งปกติและไม่ปกติหลายสิบแบบแล้ว ระบบของภาคนี้ยังถูกออกแบบมาไม่ให้สักแต่ยิง คุณพกอาวุธอะไรก็ได้ 3 ชิ้นก็จริง แต่การปรับแต่งอาวุธแต่ละชนิดก็มีความลึกมันอย่างเช่นรูปแบบกระสุน ซึ่งต้องเลือกใช้มันให้เข้ากับชนิดของศัตรูอีกที เป็นการเพิ่มความท้าทายขึ้นอย่างมาก อย่างกระสุนเจาะเกราะนี่ยิงพวกศัตรูตัวหนาๆ ได้ดีก็ใช่อยู่ แต่พอตัองเอาไปยิงสรรพสัตว์มหาภัยระหว่างทางนี่บอกเลยว่าตายยากกว่ากระสุนที่เอาไว้ยิงพวกไม่มีเกราะโดยเฉพาะอยู่บาน

และหากคุณคิดว่าน่าจะเจอคนเยอะกว่าสัตว์มหาภัยพวกนั้นก็อยากจะเตือนกันสักนิดว่า “ที่นี่ยาร่า” มีไอ้เข้ในทุกมุมตลิ่ง มีฉลามว่ายอยู่ในสระน้ำบ้าน และมีโคตรไก่อัดเสตียรอยด์ที่พร้อมฟัดข้ามรุ่นกับมนุษย์ในทุกๆ โอกาส (และเชื่อผมเถอะ ยิงคนง่ายกว่าไอ้พวกนี้เยอะ) สอดคล้องกับรูปแบบภารกิจที่นอกจากจะมีเล่นตามเนื้อเรื่องที่อารมณ์ชวนตึงเสียเป็นส่วนใหญ่ เควต์ย่อยๆ เควสต์รอง เควสต์หาสมบัติ เควต์ชาเลนจ์ และเควสต์ประเภทที่พาคุณไปเจอสถานการณ์ “เชี่ยไรเนี่ย!?” นั้นพร้อมถาโถมให้คุณได้เล่นไม่หวาดไม่ไหว มีความวาไรตี้หลายหลายอย่างมากจนต้องขอชื่นชม

ระบบเครื่องแต่งกายที่เพิ่มเข้ามา ขอบอกว่าไม่ใช่แค่แต่งเอาแฟชั่นนะครับ เพราะชุดมีสเตตัสพิเศษเมื่อสวมใส่ เช่นวิ่งเร็วขึ้น ทนระเบิด รีโหลดเร็วขึ้น อะไรแบบนี้ และมันจะบีบให้ผู้เล่นต้องเลือกระหว่างหล่อเท่แต่ไม่ตอบโจทย์หรือมิกซ์แต่ไม่แมทช์ทว่าพร้อมลุยทุกสถานการณ์ เป็นต้น และแฟชั่นที่แต่งไป คุณก็จะได้เห็นเมื่อเข้าฐานและมุมมองเปลี่ยนเป็นบุคคลที่ 3 รวมไปถึงในคัตซีนซึ่งอาจจะตัดส่วนหมวกออกไปบ้างเพื่อให้เห็นการแสดงอารมณ์ทางใบหน้าชัดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

อีกอย่างที่ผมค่อนข้างชอบมากๆ คือเจ้าแบ็คแพ็คติดหลังอย่าง Supremo และเหล่าอาวุธยาร่าประดิษฐ์ Resolver ที่เหมือนเข้ามาเติมเต็มความคลั่งของแอคชั่นและช่วยให้เรากลายเป็นวันแมนอาร์มี่ได้อย่างสมเหตุสมผล (ถึงแม้การคงอยู่ของมันจะไม่สมเหตุสมผลก็เถอะ) โดยเฉพาะการที่มันมีให้เลือกใช้หลายแบบ รวมไปถึงแนวทางการอัปเกรดที่เยอะมากๆ เป็นส่วนที่เพิ่มทางเลือกในการเล่นได้อย่างดี แน่นอนว่าเราต้องขอบคุณ Juan Cortez จริงๆ ในจุดๆ นี้

ในส่วนของโลกเกมนั้นยาร่ามีความกว้างใหญ่แต่ไม่ไร้รายละเอียด Ubisoft ยังคงเก่งด้านการสร้างโลกเหมือนเคย มีหลายภูมิทัศน์ให้ได้ไป ทั้งรีสอร์ท ป่า แหล่งเสื่อมโทรม เชลเตอร์หลบภัยสงคราม เมืองที่เต็มไปด้วยโฆษณาชวนเชื่อและการต่อต้านเชิงสัญลักษณ์ สมกับที่เป็นประเทศซึ่งโดนแช่แข็งมา 50 ปี

นอกจากนี้มันยังมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยมินิเกมป่วนๆ (อยากให้ลองตีไก่จริงๆ ระบบนี้ไม่ได้ทำลวกๆ เลย) และตอนแรกผมไม่แน่ใจนักว่าเกมจะโฆษณาเส้นทางเดินของกลุมต่อต้านไปทำไม ปกติถ้าไม่วิ่งถนนใหญ่ก็ขับรถตัดป่ากันอยู่แล้ว แต่พอได้เล่นจริงผมพบว่ามันเป็นระบบที่มีคนูปการต่อเกมเพลย์มากๆ เหมือนนำเสนอทางเลือกรองว่าคุณสามารถไปทางนี้ได้นะ อ้อมไปหน่อย แต่มันจะพาไปจุดที่ดีในการโจมตี นอกจากนี้มันยังเป็นทางที่แทบจะมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยไม่เจอทหาร เวลารีบๆ ไม่อยากโดนขัดก็ใช้ทางโจรได้เลย แจ่มมากๆ ต้องลองใช้เองกันนะ

ในตัวเทสต์ของสื่อมันเป็นบิลด์ของเกมซึ่งยังไม่โดนเดย์วันแพตช์ทำให้มีบั๊กอยู่บ้าง เกมผมฟรีซไปรอบหนึ่งหลังเปิดเกมติดต่อกันประมาณ 13 ชั่วโมง และก็อาจมีปัญหาการเดินของ AI อยู่บ้าง แรกดอลแปลกๆ บางจุด เข้าไปติดในที่ไม่ควรติด ซึ่งส่วนใหญ่แล้งเป็นปัญหาที่พบได้ในเกม Open World ทั่วๆ ไป ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ในขณะที่ในด้านของเพลงก็จะมาแนวละติน มีทั้งพื้นบ้านลามไปถึงเพลงแมสๆ ที่เคยผ่านหูกันมาบ้าง แต่ยอมรับว่ามันเข้ากับบรรยากาศสุดๆ ไปเลย (โมเมนต์ดวลมิสไซล์เฮลิคอปเตอร์ระหว่างที่เพลงริคกี้ มาร์ตินดังขึ้นนี่น่าจดจำจริงๆ)

Far Cry 6 แม้จะมีแก่นเกมเพลย์หลักๆ เหมือนเดิม แต่องค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ทั้งเปลี่ยนไปและถูกเติมเข้ามาก็ทำให้มันกลายเป็นเกมที่สมูธและลื่นไหลขึ้นอย่างมาก แอคชั่นกันเพลย์ฉับไวต่อเนื่อง เนื่อเรื่องเข้มข้น เควสต์รองบ้าบอ ตัวละครรายล้อมมีสเน่ห์และเปี่ยมความน่าสนใจ แม้กระทั่งสัตว์คอมเพเนี่ยนยังมีคาแรคเตอร์และสตอรี่บวมๆ ของตัวเอง และที่ลืมไม่ได้คือเพอร์ฟอร์แมนซ์อันสุดตีนของ Giancarlo Esposito ที่สวมบท Anton Castillo ได้อย่างถึงแก่นมากๆ เหล่านี้ล้วนประกอบร่างให้ Far Cry 6 คืออีกหนึ่งผลงานเกมแอ็คชั่นมันส์เดือดแห่งปีอย่างไม่ต้องสงสัย และคุณไม่มีเหตุผลที่จะพรีออร์เดอร์ช้าหรือผ่านเลยมันไปหากชอบเกมแอคชั่นเนื้อเรื่องยาวๆ เล่นนานๆ นี่คือการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอยของแฟนๆ จริงๆ ครับ


VERDICT

9/10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้