ถึงตอนนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้แล้วนะครับว่าเกม Skull and Bones หนึ่งในโปรเจ็กต์ใหญ่ของ Ubisoft นั้นตกอยู่ในสถานะ Development Hell ที่ประสบปัญหาระหว่างการพัฒนาจนมีอันต้องเลื่อนวางจำหน่ายครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จหรือมองเห็นวันวางจำหน่ายเลย
โดยนอกจากปัญหาเรื่องการเลื่อนวางจำหน่ายแบบไม่มีกำหนดแล้ว ก็ยังมีประเด็นหลุดมาเป็นระลอกว่าเกมอาจจะมีการรีบูตใหม่ มิหนำซ้ำภายใน Ubisoft เองยังถูกครหาว่าเป็นองค์กรที่มีการคุกคามทางเพศหรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมในหมู่บุคลากรด้วย กระทั่งมีรายงานล่าสุดจากสื่อเกมชื่อดังอย่าง Kotaku ออกมาระบุเพิ่มเติมถึงประเด็นเกมนี้ครับ
ในรายงานมีระบุว่าจนถึง ณ ตอนนี้ หรือเกือบ 8 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวมา เกม Skull and Bones ได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 120 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 3,950 ล้านบาท) เดิมในตอนแรกโปรเจ็กต์นี้ตั้งใจจะให้เป็นโหมดเสริมแบบมัลติเพลเยอร์ของเกม Assassin’s Creed 4: Black Flag โดยใช้ชื่อว่า Black Flag Infinite แต่หลังจากทบทวนโปรเจ็กต์กันอยู่นานทั้งในเรื่องคอนเซ็ปต์และโลเคชั่นของเกม สุดท้ายกระบวนการก็ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย ขณะที่งบประมาณก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะค่าใช้จ่ายนั้นมีอยู่ทุกเดือน (ลำพังแค่ค่าแรงพนักงานก็บานปลายแล้ว)
สถานการณ์ดูเหมือนจะย่ำแย่ขนาดที่ผู้พัฒนาเกมคนหนึ่งเผยว่า ในทีมไม่มีใครยอมรับเลยว่าพวกตนอับจนหนทางแล้ว โปรเจ็กต์นี้มันใหญ่เกินกว่าจะล้มเหลวได้ ส่วนอดีตผู้พัฒนาเกมอีกคนก็บอกว่า ถ้าเกมนี้เผชิญหน้ากับคู่แข่ง คงโดนเชือดคาเวทีเป็น 10 รอบเลยกระมัง ซึ่งปัญหาที่อยู่เบื้องหลังโปรเจ็กต์นี้ก็คือการขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และการบริหารงานที่ Toxic เต็มขั้น ฯลฯ
ล่าสุดทาง Ubisoft ก็ได้ออกมาแถลงว่ากระบวนการพัฒนาเกมนี้ได้ผ่านขั้นตอนอัลฟ่าไปเรียบร้อย แต่จะเผยรายละเอียดเมื่อพร้อมเท่านั้น และทีมกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้เกมมีคุณภาพตามที่ผู้เล่นคาดหวังให้ได้
ทางด้านตัวเกมจะมีกำหนดวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PS4, Xbox One และ PC ภายในปีงบประมาณ 2023 ครับ ซึ่งก็ยังคงเป็นปริศนาว่าหากเกมทำเสร็จและวางขายแล้ว ตัวเกมจะประสบปัญหาด้านเทคนิคหลาย ๆ ประการแบบเกมอื่น ๆ ที่ตกอยู่ในสถานะ Development Hell เจอเหมือนกันหรือไม่ ต้องลุ้นกันยาว ๆ ครับ
เครดิต: GamingBolt
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net/
