รีวิว Ratchet & Clank: Rift Apart – นี่สิเกมที่โชว์พลังของ PS5!

เรียกว่าเว้นว่างมานานถึง 5 ปีเลยทีเดียวครับกับซีรีส์ Ratchet & Clank ที่กำลังจะมีภาคใหม่ในชื่อ Rift Apart ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อจากภาค Into the Nexus และภาคปี 2016 โดยเกมตระกูลนี้เป็นหนึ่งในผลงานการพัฒนาโดย Insomniac Games ที่ผู้เล่นฝั่ง PlayStation น่าจะคุ้นเคยมาบ้างในฐานะที่เป็นผู้ทำเกม Marvel’s Spider-Man ด้วยนั่นเอง

ทีมงาน Online Station ขอขอบคุณบริษัท Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ ที่เอื้อเฟื้อโค้ดเกม Ratchet & Clank: Rift Apart สำหรับรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

แพลตฟอร์ม: PS5
แนวเกม: แอ๊กชั่น / แพลตฟอร์เมอร์ / ชู้ตติ้ง
ผู้พัฒนา: Insomniac Games
วันวางจำหน่าย: 11 มิถุนายน 2021

เนื้อเรื่องของภาค Rift Apart นี้จะเล่าถึง Ratchet (แรทเช็ต) กับ Clank (แคลงค์) คู่หูฮีโร่ที่ต้องออกมาปกป้องจักรวาลจากน้ำมือของ Nefarious (เนฟาเรียส) ศัตรูคู่อาฆาตของทั้งสองที่ต้องการทำลายล้างสรรพสิ่งให้หมดสิ้นไปโดยใช้ประตูมิติ ซึ่งในภารกิจนี้แรทเช็ตก็ได้พบกับ Rivet (ริเว็ต) ผู้นำกลุ่มต่อต้านจากอีกมิติที่ต่อกรกับเนฟาเรียสจากในมิติของตัวเองด้วยเช่นกัน แรทเช็ตกับริเว็ตที่ต่างก็เป็นเผ่าลอมแบ็กซ์คนสุดท้ายของแต่ละมิติเหมือนกันเลยต้องร่วมมือกันหยุดแผนร้ายของเนฟาเรียสให้ได้

พอพูดถึงริเว็ตที่เป็นลอมแบ็กซ์สาว ตัวละครหน้าใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวในภาคนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าทีมผู้พัฒนามีการวางคาแร็กเตอร์ของริเว็ตออกมาได้น่าสนใจและมีเสน่ห์ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องราวในเกมส่วนใหญ่จะเล่าผ่านคัทซีนและบทสนทนาแทบทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็นและสัมผัสอุปนิสัยและพัฒนาการของตัวละครได้อย่างใกล้ชิด และอินกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักได้ไม่ยาก

ริเว็ต ลอมแบ็กซ์สาว ตัวเอกหน้าใหม่ของภาคนี้

ตัวเกมมีการแบ่งพื้นที่ผจญภัยและเนื้อหาออกเป็นดาวต่าง ๆ โดยที่ดาวแต่ละดวงจะมีธีมและเอกลักษณ์แตกต่างกัน พร้อมกับผสมผสานในส่วนของช่วงที่บู๊กับศัตรูและช่วงที่ต้องสำรวจพื้นที่ได้อย่างลงตัว นอกจากนั้นแล้วการลุยในแต่ละดาวก็จัดว่ายาวใช่ย่อยอีกต่างหาก ยิ่งบางดาวมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลราวกับเกมกึ่งโอเพ่นเวิลด์ย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ ทำให้การสำรวจจึงค่อนข้างเพลิน หรือจะชมวิวพ่วงกับถ่ายรูปผ่าน Photo Mode ก็บันเทิงไม่แพ้กัน

ลูกเล่นของตัวละครหลักที่เพิ่มเข้ามาใน Rift Apart คือการใช้อุปกรณ์เปิดช่องมิติเพื่อเคลื่อนย้ายตัวเองไปอยู่จุดต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถเข้าถึงด้วยวิธีปกติได้ บางจุดเราอาจเห็นแพลตฟอร์มที่อยู่ไกลออกไปและไม่มีสะพานอะไรให้ข้ามเลย แต่ก็จะมีช่องมิติที่อยู่อีกฝั่งให้เราอาศัยจุดนี้แหวกข้ามไปได้ และอุปกรณ์ดังกล่าวยังใช้เปิดประตูมิติเพื่อเข้าดันเจี้ยนลับที่มีชิ้นส่วนชุดเกราะให้เก็บด้วย โดยถ้าเราเก็บชิ้นส่วนชุดเกราะแต่ละเซ็ตได้ครบแล้วนำมาสวมใส่ก็จะช่วยเพิ่มความสามารถของแรทเช็ตหรือริเว็ตได้เช่นกัน อาทิ เพิ่มค่าประสบการณ์ที่ได้จากการปราบศัตรู หรือเพิ่มพลังโจมตีด้วยอาวุธระยะประชิด เป็นต้น

อนึ่ง ช่วงที่เราต้องสำรวจพื้นที่ของดาวก็จะมีไอเทมและความลับต่าง ๆ ให้ตามเก็บมากมาย เกมจะมีบอกให้เราทราบว่าดาวที่เรากำลังอยู่หรือกำลังจะเดินทางไปนั้นมีไอเทมสำคัญอะไรให้เก็บบ้าง และมีจำนวนที่ต้องเก็บทั้งหมดกี่ชิ้น ซึ่งเมื่อเราเล่นไปถึงจุดหนึ่งของเกมจะสามารถระบุตำแหน่งของไอเทมที่เรายังขาดอยู่ได้ แต่ก็จะมีไอเทมสำคัญอีกบางประเภทเช่นตุ๊กตาหมีที่เราต้องอาศัยความช่างสังเกตค้นหากันเอาเอง

ทีนี้ บรรดาดาวที่เราไปลุยก็จะมีศัตรูระดับบอสให้เราปราบเป็นระยะครับ ซึ่งบอสแต่ละตัวจะมีท่าโจมตีและแพทเทิร์นในการเคลื่อนที่และโจมตีที่ไม่เหมือนกันก็จริง แต่การปราบมันดันไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เนื่องจากบอสแทบทุกตัวจะไม่มีจุดอ่อนเฉพาะที่ให้เราต้องเลือกเล็งเลย ทำให้การปราบพวกมันจะอาศัยเพียงแค่การยิงให้โดนที่ตัวมันจนพลังชีวิตหมดก็พอแล้ว จุดนี้เลยปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีส่วนที่ทำให้เกมขาดความท้าทายในช่วงบอสไฟต์ลงไปมาก และเมื่อเล่นไปไกลถึงระดับหนึ่งจะเริ่มรู้สึกว่าเกมมีการรียูสโมเดลบอสบางตัวบ่อยไปหน่อย กล่าวคือพอเจออีกตัวที่ดีไซน์คล้าย ๆ กันก็รู้ได้เลยว่ามันถูกเปลี่ยนสกินเฉย ๆ เท่านั้น

การปราบศัตรูในเกมและการทำลายลังหรือวัตถุประกอบฉากเราจะได้น็อตมา โดยน็อตเปรียบเสมือนเงินสำหรับใช้ซื้ออาวุธกับแม่ค้าในเกมครับ อาวุธในเกมนี้จะมีให้ใช้ทั้งหมด 20 ชนิด โดยบางชิ้นจะปลดล็อคให้เราซื้อเพิ่มได้เมื่อเราอัปเกรดอาวุธบางชิ้นจนถึงเลเวลที่กำหนดก่อน ส่วนบางชิ้นก็ต้องปลดล็อคจากการตามหา Spybot (สปายบอท) ให้ครบทุกตัว ขณะที่บางชิ้นจะมีให้ซื้อในการเล่นรอบถัดไป แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วอาวุธที่เราได้ใช้บ่อย ๆ ในสถานการณ์ส่วนใหญ่จะมีเพียง 7-8 ชนิดครับ ซึ่งอาวุธจะมีทั้งแบบที่เน้นทำดาเมจ เน้นดีบัฟศัตรู เน้นสวนกลับ หรือช่วยยิงสนับสนุน เป็นต้น 

ในจุดนี้อาวุธที่เจ๋งและเข้าท่า เวลาใช้งานก็ดูดีงามไปหมด อารมณ์ประมาณว่าใช้ปุ๊บรู้ได้ทันทีว่าเวิร์คแน่นอน กลับกันอาวุธที่แย่ก็มีอยู่ไม่น้อยและหาโอกาสที่เหมาะกับการใช้งานจริง ๆ ไม่ค่อยได้เลย หลัก ๆ แล้วอาวุธที่ดีส่วนมากจะเป็นอาวุธที่โจมตีศัตรูได้ครั้งละมากกว่า 1-2 ตัวขึ้นไป โดยอาวุธในเกมนี้เมื่อเราใช้งานบ่อย ๆ เลเวลอาวุธก็จะสูงขึ้น และจะปลดล็อคสกิลดี ๆ ให้เราอัปเกรดกับแม่ค้าเพิ่มได้

ขณะเดียวกัน หมวดการอัปเกรดอาวุธจะมาเป็นผัง หน้าตาคล้ายกับรวงผึ้ง การจะอัปเกรดความสามารถอาวุธแต่ละช่องจะต้องใช้แร่ Raritarium (ราริทาเรียม) ที่หาเก็บได้หลายวิธีทั้งการเก็บตามฉาก การปราบบอส หรือฟาร์มเอาจากการประลองในอารีน่า ซึ่งกว่าเราจะอัปเกรดความสามารถอาวุธสักชิ้นจนครบได้ก็ต้องใช้แร่ราริทาเรียมถึงหลายสิบชิ้นเลยทีเดียว

หน้าตาของเมนูอัปเกรดอาวุธ

อย่างที่กล่าวไปว่าอาวุธเกมนี้มีให้ใช้เพียบ แต่การเรียกใช้แต่ละอาวุธเราสามารถเซ็ต Shortcut สำหรับ 4 อาวุธที่เราคิดว่าใช้บ่อยที่สุดได้ หรือถ้าใครอยากเลือกอาวุธจากในวงล้อ เกมก็จะหยุดเวลาให้ชั่วคราวขณะที่เราเลือกอาวุธ ดังนั้นต่อให้อยู่ในช่วงชุลมุนก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

ยิ่งไปกว่านั้น อรรถรสของการผจญภัยและการต่อสู้ทุกช่วงจะเน้นที่ฟังก์ชั่นของจอย DualSense เป็นส่วนใหญ่ โดยระบบ Adaptive Triggers จะทำให้ความรู้สึกของผู้เล่นเวลาใช้แต่ละปืนมีความหนักแน่นและสมจริง ปืนที่มีพลังโจมตีที่หนักหน่วง ตัวไกปืนที่เป็นปุ่ม R2 จะสู้นิ้วมาก ออกแรงกดกันเหนื่อยหน่อย หรือแม้แต่การเดินไปมาในฉาก ระบบ Haptic Feedback ก็ยังทำให้จอยสั่นในฝั่งซ้าย-ขวาตามจังหวะการเดินเท้าซ้าย-ขวาของแรทเช็ตและริเว็ตแบบตรงกันเปี๊ยบ องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยให้เรารู้สึกเหมือนเราสวมบทบาทเป็นตัวละครที่เล่นอยู่ตลอดเวลา และรีดศักยภาพของ PS5 มาได้คุ้มค่ามาก

ทางด้านพัซเซิลในเกมนั้น หลัก ๆ จะมีสองช่วงใหญ่ ๆ ส่วนแรกก็คือตอนที่เราต้องทำการกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ด้วยหุ่นที่ชื่อว่า Glitch (กลิตช์) ซึ่งมีรูปร่างคล้ายแมงมุม โดยเราต้องบังคับกลิตช์คอยยิงไวรัสระดับลูกสมุน พร้อมกับทำลายรังของไวรัสให้ครบทั้งหมด ความยากของปริศนาในส่วนนี้คือต้องอาศัยความช่างสังเกตของผู้เล่นสูง เนื่องจากรังของไวรัสจะซุกซ่อนตามจุดอับของฉาก ผู้เล่นต้องเคลื่อนตัวกลิตช์ไต่ผนังหรือเพดานแล้วคอยมองหารังให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ยิ่งด่านหลัง ๆ เกมจะเพิ่มความยากเข้ามาด้วยการให้เราตามเหยียบสวิตช์เพื่อปลด Barrier (แบริเออร์) ที่คุ้มกันรังไวรัสเสียก่อนจึงจะทำลายมันได้

ถัดมาเป็นพัซเซิลที่เราจะเจอในช่วงที่เล่นเป็นแคลงค์ โดยเราจะต้องตามเก็บลูกบอลที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ ไปใส่ในช่อง เพื่อเปิดทางให้ขบวนแถวของแคลงค์ไปถึงประตูที่อยู่สุดทางให้ได้ ซึ่งพัซเซิลตรงนี้จะลับสมองกว่าแบบแรกและชวนหัวร้อนน้อยกว่า

อย่างไรก็ดี หากใครที่ปวดหัวกับพัซเซิลเหล่านี้และคิดว่ามันยากเกินความสามารถของตนเอง ตัวเองมีทางเลือกให้เรากด Skip ผ่านได้เลย และเกมจะยกประโยชน์ให้เราผ่านพัซเซิลโดยอัตโนมัติ ทว่าทีมงานเองยังไม่ได้ลองนะครับว่าการ Skip นั้นมีผลทำให้เราอดได้โทรฟี่หรือเปล่า เพราะคนที่เล่นและรีวิวเกมนี้เขาเล่นจนได้แพลตินัมโทรฟี่ไปก่อนที่จะได้ลองเสียอีก (ขิงหน่อย)

ล่าสุดก่อนที่รีวิวนี้จะเสร็จสมบูรณ์เพียงแค่ 2 วัน ทาง Insomniac Games ผู้พัฒนาเกมนี้ก็ได้ปล่อยแพตช์ใหม่ออกมาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเกมจำหน่าย โดยแพตช์นี้มีการเพิ่มโหมดการแสดงผลของเกมเป็น 3 โหมด โหมดแรกคือ Fidelity (ฟิเดลิตี้) ที่ล็อคเฟรมเรตไว้ที่ 30 FPS แต่จะได้ภาพคมชัดระดับ 4K และรองรับ Ray Tracing ถัดมาเป็นโหมดที่ 2 ที่มีชื่อว่า Performance RT ที่เน้นเฟรมเรต 60 FPS กับระบบ Ray Tracing แต่ความคมชัดของภาพจะลดลงมาในระดับที่จอ 1080p รันได้สบาย และสุดท้ายคือโหมด Performance ที่เน้นเฟรมเรต 60 FPS กับภาพคมชัดสูง แต่ปิดระบบ Ray Tracing ครับ

ซึ่งเท่าที่ทีมงานได้ลองเล่นหมดแล้วทั้ง 3 โหมดก็พบว่าโหมด Performance RT จะตอบโจทย์คนที่ยังไม่มีจอ 4K ได้ดีมาก ขณะเดียวกัน คนที่มีจอ 4K อยู่แล้วใครอยากเลือกแบบไหนก็แล้วแต่ความชอบเลย โดย Ray Tracing จากโหมด Fidelity จะมีคุณภาพที่ดีกว่าในโหมด Performance RT อยู่ระดับหนึ่งครับ

ภาพจากโหมด Performance RT
สังเกต Ray Tracing ผ่านเงาสะท้อนกระสุนที่ปรากฏในแววตาของริเวตได้ครับ

ด้านกราฟิกของเกมนี้จัดว่าสวยงามตามประสาเกม Next-Gen และพอผสมผสานกับพล็อตเรื่องและบรรยากาศในเกมเลยช่วยดึงอารมณ์ให้เรารู้สึกเหมือนได้ชมภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นเกรดดี ๆ เรื่องหนึ่งเลย และตลอดทั้งเกมที่ได้เล่นก็ไม่พบปัญหาโหลดเท็กซ์เจอร์ไม่ทัน และเวลาในการโหลดก็แทบไม่มี ทุกอย่างดูสมูธและไหลลื่นไปหมด ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าถ้าใครได้เล่นเกมนี้อยากให้ลองเปิดโหมด Performance RT ดู มันจะเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อมและลงตัวมาก ระหว่างเฟรมเรต ภาพที่ได้ และแสงเงาจาก Ray Tracing

จริง ๆ แล้วตอนที่ทีมงานได้ทดลองเล่นเกมในช่วงก่อนจะมีแพตช์ล่าสุด ตัวเกมมีบั๊กเยอะพอสมควร ทั้งบั๊กที่ทำให้เราติดอยู่ในฉาก ไม่สามารถออกไปจากพื้นที่ได้ ตลอดจนบั๊กที่ทำให้เกมค้างกันดื้อ ๆ เลยก็มี แต่หลังจากได้อัปเดตแพตช์ล่าสุดปุ๊บ ปัญหาทั้งหมดก็หมดไปทันตา ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็สบายใจได้เลย เพราะเมื่อคุณซื้อเกมมาและโหลดแพตช์ดังกล่าวก็จะไม่เจอปัญหาที่ว่านี้แน่นอน

เมื่อเราเล่นเกมจบไปแล้วรอบหนึ่งจะปลดล็อค Challenge Mode ซึ่งโหมดนี้ก็คล้ายกับ New Game+ ที่เรานำอาวุธที่เรามีในรอบที่แล้วมาใช้ลุยต่อได้ทันที โดยสิ่งที่เพิ่มมาก็คือศัตรูที่เก่งขึ้น และสามารถอัปเกรดอาวุธต่อยอดจากที่เคยเต็มแค่เลเวล 5 เป็นเลเวล 10 ได้ด้วย

กรณีของคนที่เป็นเกมเมอร์สายนักล่าโทรฟี่ เกมนี้เป็นตัวเลือกที่ดีในการเก็บถ้วยอย่างแรง เพราะไม่มีถ้วยที่เกี่ยวกับระดับความยาก ดังนั้นต่อให้คุณเล่นระดับ Easy ก็ยังสามารถแพลตได้อยู่ดี ขณะเดียวกัน ถ้วยที่มีให้เก็บส่วนใหญ่จะเป็นพวกการตามเก็บ Collectible ทั้งหลาย ตลอดจนถ้วยใช้อาวุธต่าง ๆ ปราบศัตรูตามจำนวนที่กำหนด ซึ่งการเล่นแบบชิล ๆ ก็สามารถแพลตได้ภายใน 3-5 วันด้วยซ้ำ

Ratchet & Clank: Rift Apart_20210606234925

ท้ายที่สุดแล้ว Ratchet & Clank: Rift Apart ก็ยังคงคุณภาพในฐานะที่เป็นเกมระดับ AAA เกมหนึ่งของฝั่ง PlayStation ไว้ได้เสมอต้นเสมอปลาย แถมยังยกระดับการเล่นให้มีลูกเล่นแพรวพราวมากขึ้น มิหนำซ้ำยังขยายเนื้อเรื่องและตัวละครให้มีความน่าสนใจจนอยากเล่นภาคต่อไปในอนาคตด้วย

สำหรับคนที่ยังใหม่กับซีรีส์นี้อยู่ หากมาเริ่มที่ภาคนี้เลยอาจจะมีงงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแรทเช็ตกับบางตัวละครอยู่บ้าง ซึ่งเมื่อเล่นภาคนี้จบแล้วอาจจะต้องไปตามหา Ratchet & Clank ภาคที่ลง PS4 เมื่อปี 2016 มาเล่นดูเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในส่วนของคนที่เป็นแฟนซีรีส์อยู่แล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่เล่นภาคนี้ครับ เพราะแทบทุกอย่างได้ถูกพัฒนาและยกระดับจากภาคปี 2016 ให้ดีขึ้นหมดแบบรอบด้าน ถือเป็นภาคที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

จุดเด่น

  • งานภาพ กราฟิก อนิเมชั่น การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของตัวละครทำออกมาได้สวยงามและเนียนตา อีกทั้งพล็อตก็มีการลำดับเนื้อเรื่องออกมาได้ดี น่าติดตาม ราวกับชมภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นเกรด A เรื่องนึงเลย
  • เฟรมเรตแทบไม่มีการร่วงหนัก ๆ ให้เห็นแม้จะเล่นในโหมด Fidelity ที่เน้นความคมชัดของภาพก็ตาม
  • โหมด Performance RT ดีงามมาก การที่ได้เล่นด้วยเฟรมเรต 60 FPS นิ่ง ๆ พร้อมกับประสิทธิภาพจาก Ray Tracing แม้ว่าจะเล่นบนจอ 1080p แต่ประสบการณ์ที่ได้รับทำให้รู้สึกว่านี่คือเกม Next-Gen จริง ๆ
  • เกมเพลย์ในช่วงผจญภัยมีความหลากหลาย แต่ละดาวจะมีรูปแบบในการลุยที่แตกต่างกัน ซึ่งครบทุกรสชาติทั้งบทบู๊ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และช่วงที่เป็นปริศนาก็ไม่ซับซ้อนเกินไปจนทำให้เกมขาดความต่อเนื่อง
  • แม้ว่าการเล่นในรอบถัดไปจะแทบไม่มีความลับใด ๆ ให้เก็บอีกแล้ว แต่ก็มีความท้าทายอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาทั้งความโหดของศัตรูและอาวุธที่อัปเกรดต่อยอดได้อีกเท่าตัว ทำให้มีคุณค่าในการเล่นซ้ำในระดับหนึ่ง

จุดด้อย

  • บอสไฟต์ของเกมค่อนข้างน่าผิดหวังและขาดความท้าทายไปหน่อย โดยบอสแทบจะทุกตัวมีวิธีการปราบเพียงแค่ว่ายิงให้โดนตัวมันจนพลังชีวิตหมดเท่านั้น

คะแนน 9


เพื่อน ๆ คนไหนที่อ่านรีวิวแล้วรู้สึกสนใจอยากหาซื้อเกมนี้มาเล่น สามารถพรีออเดอร์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

Standard Edition – https://store.playstation.com/en-th/product/HP9000-PPSA01476_00-RATCHETCLANKRIFT

Digital Deluxe Edition – https://store.playstation.com/en-th/product/HP9000-PPSA01476_00-RIFTDIGITALDELUX


ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net/

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้