FIFA 21 นั้นเป็นเกมที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม แต่ก็เป็นในเวอร์ชั่น Gen ปัจจุบัน ส่วนเวอร์ชั่น Next-Gen จะมีการอัปเกรดฟรีสำหรับผู้มีตัวเกมเวอร์ชั่นคอนโซลปัจจุบันในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ โดยการอัปเกรดข้างต้นนั้นมีทั้งเวอร์ชั่น PS5 และ Xbox Series X/S ส่วนเวอร์ชั่น PC นั้นไม่มีการอัปเกรดเพิ่มแต่อย่างใด การอัปเกรดจะมีเพียงเวอร์คอนโซลเท่านั้น ส่วนจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างนั้นมาดูกันเลย
เพิ่มความเข้มข้นของบรรยากาศในสนาม
เป็นฟีเจอร์แรกที่ทางทีมงานบอกว่าจะเพิ่มเข้ามา ซึ่งเอาเข้าจริงคือพอนึกออกแต่อธิบายไม่ถูก ฮ่าๆ อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าจะมีการจัดแสงแบบใหม ด้วยระบบที่อัปเกรดขึ้น ไม่ว่าจะแสงจากไฟ ดวงอาทิตย์ หรือการสะท้อนเพราะตกกระทบหญ้า นอกจากนี้ก็มีเรื่องของกองเชียร์ที่จะดูแอคทีฟขึ้น มีอารมณ์ร่วมกับเกมมากขึ้น เพิ่มฟีลลิ่งให้เหมือนกับการแข่งขันจริงๆ แม้มันอาจถูกมองว่าเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งยังจะมีเพียงแมตช์สำคัญๆ เท่านั้น ที่จะดึงเอาระบบนี้มาใช้ได้อย่างเห็นภาพ แต่ยังไงก็อดที่จะอยากเห็นแบบเต็มๆ ไม่ได้เหมือนกัน
มุมกล้องแบบใหม่
ระบบมุมกล้องเป็นอะไรที่เหมือนจะลงตัวมานานแล้ว โดยแทบทุกคนก็มักจะเลือก Telebroadcast เพราะความกว้าง และมุมมองที่องศาไม่เพี้ยนบังคับได้ง่ายกว่ามุมอื่น อย่างไรก็ดีใน FIFA 21 Next-Gen นี้จะมีมุมกล้องแบบใหม่ที่เรียกว่า GameCam เข้ามา โดยมุมมองแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการถ่ายทอดสดของจริง โดยเน้นสิ่งที่กำลังดำเนินไปทั้งบนพื้นสนามและข้างสนามซึ่งจะเป็นการโชว์บรรยากาศแบบใหม่ในข้อข้างต้นไปในตัว อย่างไรก็ตามมุมกล้องนี้ก็ยังจะช่วยในแง่ของเกมเพลย์ ที่จะช่วยให้เห็นพื้นที่ว่างหรือพื้นที่อันตรายได้เร็วกว่ามุมกล้องชนิดกว้างแบบปกติอีกด้วย
ปรับปรุงรูปลักษณ์นักเตะ
เพิ่มดีเทลให้กับตัวนักเตะดูมีความสมจริงสมกับเป็น Next-Gen หน้าตาก็จะดูเหมือนตัวจริงมากขึ้น เมื่อเล่นๆ ไปนักเตะก็จะมีเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าหรือหยดลงมาจากขนตา รวมไปถึงรอยยับจากเสื่อและมัดกล้ามที่ขาท็จะชัดเจนจนเห็นได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่สัมผัสกับลูกบอล อ่านเอาเหมือนจะนึกไม่ออกว่าต่างกันยังไง แต่ถ้าได้เห็นภาพจริงๆ จะรู้สึกได้เลยว่าไอ้ที่เล่นอยู่กับ Next-Gen นี่มันเหมือนคนละเกมจริงๆ
ปรับปรุงลักษณะอารมณ์ร่วมของนักเตะ
อารมณ์ของนักเตะจะถูกแสดงออกมาชัดเจนผ่านทางสีหน้าและการกระทำมากกว่าเดิม จะเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ชิลๆ กับคนที่ร้อนรน บางคนอาจออกอาการขี้เกียจ และเป็นสไตล์รอบอล ขณะที่บางคนอาจว่งเข้าหาบอลทุกขณะจิต เช่นเดียวกับการเหนื่อยล้าที่ก็จะแสดงผลมากขึ้น รวมไปถึงโมเมนต์เจ๋งๆ เช่นยิงประตูนาทีสุดท้าย หรือยิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งนักเตะจะแสดงออกถึงอารมณ์ที่รุนแรงและจะล้อไปกับบรรยากาศในสนามแบบใหม่ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
ฟีเจอร์จาก DualSense
เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้ที่เตรียมจะเล่นเกมนี้บน PS5 เพราะมีฟีเจอร์พิเศษที่เวอร์ชั่นของอีกเครื่องคู่แข่งไม่มีอยู่ และมันใช้ได้กับคอนโทรลเลอร์ DualSense เท่านั้น นั่นคือสัมผัสที่แตกต่างระหว่างเล่นจากระบบ Haptic Feedback เช่นเวลายิงบอลไปชนคานหรือโดนสไลด์สกัด ขณะที่ Adaptive Trigger ก็จะเข้ามามีส่วนเช่นกัน อย่างเวลากดวิ่งนักเตะตัวที่เหนื่อยนักก็จะทำได้ยากหน่อย เป็นต้น
อัปเกรดแล้วเล่นต่อได้บางโหมด แต่เล่นแบบครอสเพลย์ข้ามเจนไม่ได้
หลังอัปเกรดเกมเป็นเวอร์ชั่น Next-Gen ผู้เล่นสามารถสานต่อความคืบหน้าในโหมด Ultimate Team และ Volta ต่อได้เลย ยกเว้นแต่ในโหมด Career ที่ต้องเล่นใหม่ นอกจากนี้ตัวเกมยังออนไลน์เล่นกับตัวเกมแบบข้ามเจนไม่ได้ กล่าวคือถ้าจะเล่น FUT Co-op หรือ Pro Clubs ก็ต้องเล่นกับคนที่เล่นเกมในเวอร์ชั่นของคอนโซลเจนเดียวกันเท่านั้นครับ
จริงๆ ไล่อ่านมาทั้งหมดก็เหมือนอาจจะมีอะไรใหม่ไม่มากนัก แต่ผมในนามของ Online Station ได้รับเชิญเข้าไปชมตัวเกมเพลย์บิลด์ของ Next-Gen ก็รู้สึกว่ากำหมัดเลย เพราะมันเปลี่ยนไปมากจริงๆ สมกับเป็นเกมของเครื่องคอนโซลยุคหน้า ตัวผมที่เล่นบน PC เป็นหลักก็ไม่ไมีโอกาสได้สัมผัสในภาคนี้ นับว่าน่าเสียดาย แต่หากใครถามว่าควรอัปเกรดมั๊ย ผมก็ยืนยันว่าควรครับ ด้วยประการทั้งปวง เพราะมันดูดีมากจริงๆ
ข้อมูลประกอบ: https://www.ign.com/articles/fifa-21-6-differences-on-ps5-and-xbox-series-xs
