Assassin’s Creed Valhalla สนุกแต่ไม่สุด กับปัญหาหลายอย่างที่น่าทำได้ดีกว่านี้

Valhalla

แม้ Assassin’s Creed Valhalla จะเป็นเกมที่สนุกและน่าสนใจในช่วงต้น กับการเปิดประสบการณ์ใหม่ของนักฆ่าสไตล์ไวกิ้ง แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมมันกลับน่าเบื่อและซ้ำซากเมื่อเล่นผ่านไปจนถึงช่วงกลางเกมและท้ายเกมเป็นอย่างมาก วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าปัญหาของเกม Assassin’s Creed Valhalla นั้นมีอะไรบ้าง

Valhalla

การบังคับให้ Pledge เมืองเพื่อเปิดเนื้อเรื่องต่อ

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกมไม่ต่อเนื่องก็คือ ปัญหาด้านเนื้อเรื่องที่ถูกคั่นโดยเควสต์ Pledge เมืองต่างๆ แม้ในช่วงแรกจะสนุกและดูน่าตื่นเต้น เพราะตัวเนื้อเรื่องหลักนั้นยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่พอถึงจุดที่เนื้อเรื่องหลักเริ่มเข้าจุดพีคเราก็ไม่สามารถดำเนินเนื้อเรื่องหลักต่อได้เพราะต้องทำเควสต์ Pledge เมือง ซึ่งก็มีปัญหายิบย่อยชวนน่าเบื่อต่างๆ เช่น

เนื้อเรื่องเควสต์ Pledge เมืองทำออกมาดีแค่บางเมือง

เควสต์ Pledge เมืองนั้นมีดีแค่บางส่วนที่เกี่ยวโยงกับเนื้อเรื่องหลัก แต่บางเมืองก็เป็นเควสต์ที่แยกออกเหมือนประหนึ่งเหมือนกับ Side Quest แถมทำออกมาได้ชวนหลับยกตัวอย่างเช่น เควสต์ของเมือง Essexe ที่ให้เราไปนั่งแก้ปัญหาความรักของเทศมนตรีที่เมียอยากหนีกลับไปราชอาณาจักรแฟรงก์ ส่วนตัวเจ้าเมืองเองก็อยากกลับไปหาเมียเก่าเป็นต้น ซึ่งขัดอารมณ์อย่างมากในขณะที่เนื้อเรื่องหลักกำลังตื่นเต้น

Assassin's Creed Valhalla
เควสต์ Pledge ของบางเมือง ที่เนื้อเรื่องไม่ชวนตื่นเต้นแม้แต่น้อย

ภารกิจยึดเมืองตอนสุดท้ายที่ไม่ตื่นเต้น

สิ่งหนึ่งที่ควรน่าจะสนุกก็คือเควสต์สุดท้ายเวลา Pledge เมือง ซึ่งจะเป็นการตีปราสาทยึดเมือง แต่กลับกลายเป็นว่ามันดันไม่สนุกซะอย่างงั้น เพราะมัน “ไม่มีเงื่อนไขที่เราจะแพ้” (ถ้าไม่พลาดตายเสียเอง) แม้ว่าทหารจากฝั่งเราจะวิ่งไปตายมากขนาดไหนก็ไม่มีทางแพ้แน่นอน กลับกันในภาคเก่าอย่าง Odyssey ที่มี Conquest Battle ซึ่งหากเราเล่นไม่ดี ก็จะทำให้แพ้ศึกนั้นได้ทำให้มีเรื่องที่ชวนตื่นเต้นบ้าง แต่เรากลับไม่เจอสิ่งนั้นในภาค Valhalla แม้แต่น้อย

Valhalla

เกมเพลย์การอัพอาวุธที่ทำให้การเล่นไม่หลากหลาย

แม้ในภาค Valhalla จะเพิ่มเกมเพลย์การถืออาวุธสองมือที่สามารถเปลี่ยนได้อย่างอิสระทำให้ดูเหมือนจะมีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าเราแทบจะใช้อาวุธอยู่ชนิดเดียวตั้งแต่ช่วงกลางเกม หรือหลังจากที่หาอาวุธถูกใจได้แล้ว เหตุผลเพราะเกมเพลย์ที่เป็นการอัพเกรดอาวุธทำให้เราจำเป็นต้องใช้อาวุธที่เราอัพเกรดเป็นหลัก ซึ่งของที่ใช้อัพเกรดก็ไม่ได้หาง่ายมากพอที่จะทำให้เราอัพเกรดอาวุธแบบทิ้งขว้างได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Skill ที่จะมีสายของอาวุธนั้นๆ ที่เราเล่นอยู่ แม้ตัวเกมจะเปิดโอกาสให้เราสามารถรี Skill ได้เรื่อยๆ แต่การจะมานั่งเปลี่ยนสายบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องสนุกเช่นกัน (ยิ่งช่วงท้ายที่มีสกิลเยอะมากขึ้น การรีสกิลมาอัพใหม่เสมือนนรกดีๆ นี่เอง)

Valhalla

การเก็บของตามฉาก ที่ยุ่งยากจนน่ารำคาญ

ในแต่ละพื้นที่ของตัวเกมก็จะมีของให้เก็บอยู่มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้เก็บง่ายๆ เพราะต้องคอยหาทางเข้าบ้านหรือถ้ำต่างๆ อีกทั้งในพื้นที่หลังๆ ยังมีกุญแจที่ต้องหาเพื่อเปิดประตูหรือเปิดหีบอีกด้วย แม้ช่วงแรกๆ อาจจะรู้สึกสนุกกับการหาทางเข้า แต่หลังจากต้องหาทางเข้ากว่า 100 ครั้ง มันก็เปลี่ยนจากความสนุกกลายเป็นความน่าเบื่อได้ แถมในการเก็บหีบบางจุดเราอาจจะเจอกับทางผ่านที่จะเปิดก็ต่อเมื่อถึงจุดที่เนื้อเรื่องกำหนดเท่านั้น ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่บางทีก็สร้างความหงุดหงิดมากเช่นกัน

Valhalla
ในฉากหลังๆ ที่มีกุญแจเต็มไปหมด ทำให้ต้องเสียเวลาไปไล่เก็บก่อน เพราะเราก็ไม่รู้ว่ามันจะไว้เปิดกล่องหรือประตูที่ไหนได้

AI ที่ทำออกมาได้น่าเบื่อ และไม่พัฒนาจากภาคก่อน

แม้เรื่องของ AI ในซีรีส์ Assassin’s Creed จะไม่เคยเด่นเลยทั้งในด้านการต่อสู้และการลอบเร้น แต่ถึงกระนั้นเราก็คาดหวังว่าในภาคใหม่จะทำออกมาได้ดีขึ้น แต่ก็ผิดถนัดเพราะมันแทบไม่ต่างจากเดิมเลย ทั้งด้านการต่อสู้และด้านการลอบเร้น แถมศัตรูก็แทบจะไร้ความท้าทายเป็นอย่างมาก ยิ่งรวมกับปัญหาเรื่องของอาวุธที่ไม่หลากหลาย ยิ่งทำให้การสู้กับศัตรูช่วงหลังๆ กลายเป็นเรื่องชวนหาวเสียมากกว่า

Valhalla

Bug ของเกมที่เยอะมากๆ

แม้เกมสไตล์ Open World จะขึ้นชื่อเรื่องหนี Bug ไม่พ้น แต่ใน Valhalla ก็มีบัคต่างๆ เยอะแยะมากมายเกินกว่าที่ควรจะเป็น บางบัคอาจจะแค่ทำให้เกิดการหงุดหงิด แต่ก็มีบางส่วนที่ถึงขั้น Game Breaking เป็นอย่างมาก เช่น NPC ตามเนื้อเรื่องไม่ยอมเดิน, จอดำจนเล่นไม่ได้, บัคอาวุธหายเอาคืนไม่ได้ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ชวนเสียเวลาต้องคอยมาโหลดเซฟใหม่ตลอด ซึ่งมันไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเยอะๆ ในเกมระดับนี้แล้ว

valhalla

ทั้งหมดนี้ก็เป็นจุดใหญ่ๆ ที่ทำให้ตัวเกม Assassin’s Creed Valhalla ค่อนข้างน่าเบื่อในช่วงกลางเกมถึงท้ายเกมพอสมควร แม้ในช่วงต้นของเกมจะให้ความรู้สึกว้าวอยู่บ้าง แต่ปัญหาด้านการออกแบบเกมเพลย์ของตัวเกม ก็ทำให้ความรู้สึกนั้นค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเกมนี้ก็ยังเป็นเกมที่แฟนซีรีส์นี้ไม่ควรที่จะพลาดอยู่ดี

Assassin's

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้