Sackboy: A Big Adventure นั้นเป็นเกมสปินออฟของซีรีส์ LittleBigPlanet ที่ห่างหายไปนานถึง 6 ปีเต็ม ซึ่งการกลับมาของเจ้าถุงกระสอบน้อยหรือ Sackboy ในครั้งนี้ก็เป็นการเปิดตัวในฐานะเกมครอสเจนเกมแรก ๆ ที่ลงควบกันทั้ง PS4 และ PS5 ด้วยฝีมือการพัฒนาจาก Sumo Digital ที่เคยทำ LittleBigPlanet 3 มาก่อน แต่จะดีสมกับที่รอ 6 ปีหรือไม่ รีวิวนี้จะตอบคุณเองครับ

แพลตฟอร์ม: PS4, PS5 (ทีมงานรีวิวจากเวอร์ชั่น PS4)
แนวเกม: แอ๊กชั่น/แพลตฟอร์ม
ผู้พัฒนา: Sumo Digital
ขณะที่ค่าย Media Molecule ที่เป็นผู้สร้างซีรีส์ LittleBigPlanet เบนเข็มไปทำเกมที่ให้ผู้เล่นสร้างเกมในนั้นได้อย่าง Dreams ฟากของค่าย Sumo Digital ที่รับหน้าที่สานต่อยังคงมองเห็นโอกาสที่จะแตกไลน์ให้กับ Sackboy ที่เป็นหนึ่งในมาสค็อตของ PlayStation ให้มีพื้นที่ได้วาดลวดลายในแบบที่มีความเป็นตัวเองมากขึ้น
ตัวเกมมาในรูปแบบ 3D แพลตฟอร์มเมอร์ ที่พื้นผิวของสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ถูกดีไซน์ด้วยศิลปะของกระดาษลัง พื้นผ้า และวัสดุที่เหลือใช้จากงานฝีมือทั่วไป แล้วจับเอาเจ้า Sackboy มาผจญภัยในโลกนั้นเหมือนเกมแอ๊กชั่นแพลตฟอร์ม มีการจำแนกโลกของเกมเป็น World คล้ายเกมตระกูล Super Mario Bros. และด่านย่อยในแต่ละ World อีกนับสิบด่าน
ทั้งนี้ แต่ละด่านจะมีการออกแบบให้เราสามารถใช้ลูกเล่นหรือเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ตามจุดต่าง ๆ ในด่านเพื่อพิชิตแต่ละจุด อาทิ การกระโดดสูงโดยใช้แท่นเด้งดึ๋ง หรือคว้าฟองน้ำเพื่อให้ตัวเราเก็บของที่แปะอยู่บนนั้นได้ ซึ่งเมื่อเราเล่นไปถึงด่านหลัง ๆ เกมจะค่อย ๆ พัฒนาความยากที่ท้าทายสกิลกับไหวพริบผู้เล่นไปเรื่อย ๆ อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของทีมพัฒนาด้วย

ภาพลักษณ์ของเกมนี้ยังทำให้เรารู้สึกว่ามันยังมีกลิ่นอายของซีรีส์ LittleBigPlanet อยู่ เพียงแต่น่าเสียดายที่ดันตัดเอาระบบ Level Editor ออกไป โดยระบบดังกล่าวคือการให้ผู้เล่นสามารถเนรมิตด่านเองได้ตามใจชอบ และระบบนี้ก็กลายมาเป็นเอกลักษณ์หนึ่งประจำซีรีส์ ดังนั้นเกม Sackboy: A Big Adventure เลยกลายเป็นเกมแอ๊กชั่นที่ทุกอย่างถูกเซ็ตพีซไว้หมดแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ตัวเกมยังมีความกระชับในระดับที่สามารถเล่นจบได้ภายในเวลา 10-12 ชั่วโมง (นี่คือรวมเวลาที่ผู้เขียนมัวเถลไถล แอบสำรวจฉากหลาย ๆ ซอกมุมมาแล้วด้วย) ซึ่งแทบทุกด่านจะมีมุกเซอร์ไพรส์จากทีมงานให้เห็นเป็นระยะ ขณะเดียวกัน ตัวเกมจะมีความยากในระดับที่สมเหตุสมผล ทุกคนสามารถสนุกกับมันได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ถึงขั้นหัวร้อนปาจอยแน่นอน
ดังที่กล่าวไปข้างต้น เราอย่าไปคาดหวังว่าเกมนี้จะเหมือนเกมตระกูล LEGO ครับ เพราะลำพังศัตรูธรรมดาในด่านหลัง ๆ มันจะเก่งขึ้นขนาดที่ว่าควรหาทางเลี่ยง ไม่ไปเสียเวลากับมันจะดีกว่า แต่ถ้าใครรู้สึกว่าเกมนี้ยากเกินไป ก็ไปปรับใน Option ให้มีจำนวนชีวิตไม่จำกัดก็ได้เช่นกัน

เกมนี้จะมีความสนุกเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อเล่น Co-op ร่วมกับเพื่อน ๆ ตั้งแต่ 2-4 คน โดย ณ วันที่ทีมงานรีวิว ตัวเกมยังไม่มีโหมดออนไลน์มัลติเพลเยอร์ จึงไม่สามารถแจมกับผู้เล่นนอกประเทศเพื่อทดสอบระบบเซิร์ฟเวอร์หรือการหาห้องได้ ซึ่งจะมีแพตช์มาอัปเดตส่วนนี้ในอนาคตอันใกล้ และจะสามารถเล่นร่วมกันข้ามแพลตฟอร์มได้ด้วย (คนมี PS4 เล่นร่วมกับคนมี PS5 ได้)
เท่าที่ลองเล่น Co-op แบบ 2 คนดู พบว่าเราจะต้องมีทีมเวิร์คที่ดีระดับนึงเลยจึงจะผ่านได้ ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหานะครับ เพราะการเล่น Co-op แบบ Offline นั้นจะสะดวกตรงที่เราเจออะไรตรงหน้าก็คุยกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เราได้เลย สิ่งที่เป็นสีสันเพิ่มมาจากการเล่นร่วมกันคือความฮาในช่วงที่ต้องหาวิธีผ่านด่านด้วยกันนี่แหละ บ่อยครั้งที่จะเกิดโมเมนต์โบ๊ะบ๊ะจนขำตัวงอก็มี

เป็นที่ทราบกันดีว่าในไทยยังไม่มีการประกาศวันขายเครื่อง PS5 อย่างเป็นทางการ แต่ถึงจะหาเกมนี้มาเล่นบน PS4 เกมก็ยังรันได้ที่ 60 fps แบบสบาย ๆ ซึ่งทีมงานเล่นบน PS4 Pro ยังไม่เจอจุดที่เฟรมร่วงเลย และเท็กซ์เจอร์ของตัวละครก็ทำออกมาละเอียด ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นแม้กระทั่งปอยขนของใยกระสอบบนตัวของ Sackboy ที่พลิ้วไหวตามการเคลื่อนไหวด้วย
อย่างไรก็ดี ในส่วนของฉากคัทซีนจะมีบางจุดที่ไม่สามารถรันได้ถึง 60 fps นะครับ ถ้าใครโฟกัสที่เกมเพลย์เป็นหลักก็อาจจะรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้ว รวมถึงระหว่างเล่นอาจจะสังเกตเห็นจุดที่แอบโหลดไม่ทันอยู่บ้าง (คาดว่าปัญหาที่กล่าวมาน่าจะแทบไม่ได้เห็นถ้าไปเล่นบน PS5)

สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษหลังเล่นเกมนี้ก็คือ ในทุก ๆ ฉากเราจะเห็นถึงความตั้งใจของทีมงานที่อยากจะให้ผู้เล่นได้มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครในเกม ไม่เว้นแม้แต่ฉากไตเติ้ลเลือกเมนูที่เราสามารถบังคับเจ้า Sackboy วิ่งพล่านไปมา หรือจะโพสต์ท่าตลก ๆ ตลอดจนเล่นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กับโลโก้ของเกมที่แปะหราอยู่ด้านบนของจอก็ยังได้
จริงอยู่ที่เกมนี้อาจไม่ใช่เกมระดับ AAA ที่ใครต่างเฝ้ารอคอย แต่คุณภาพของเนื้องานที่เราสัมผัสได้จากเกมนี้เป็นอะไรที่เรามองข้ามไม่ได้เลย ถึงต่อให้เกมนี้เป็นแค่ภาคสปินออฟของซีรีส์ แต่ Sackboy ก็ยังเสน่ห์มากพอที่จะเป็นหนึ่งในบรรดามาสค็อตที่เชิดหน้าชูตาให้ฝั่ง PlayStation ได้สมศักดิ์ศรีของมันอยู่ครับ

ข้อดี
- แม้จะเล่นบน PS4 แต่ตัวเกมยังสามารถรันเฟรมเรตได้ที่ 60 fps และรายละเอียดเท็กซ์เจอร์ยังคงดูสวยงามน่าเล่น
- ดนตรีประกอบช่วยกล่อมเกลาให้ผู้เล่นเกิดความกระหายที่จะฝ่าฟันอุปสรรคตรงหน้าได้เป็นระยะ
- ทีมงานมีการออกแบบแต่ละด่านมาดี แฝงความลับซ่อนตามฉากไว้มากมาย รอให้เราไปพบเจอ
- ระบบการเล่น โดยเฉพาะการเล่นด้วยกันหลายคนช่วยเพิ่มความสนุกได้มาก ยิ่งเล่นมากคนยิ่งโบ๊ะบ๊ะ ฮากันทั้งวัน

ข้อเสีย
- ไม่มีโหมดออนไลน์มัลติเพลเยอร์มาตั้งแต่แรก ต้องรอแพตช์แก้ไขที่จะตามมาในภายหลังก่อน
- ตัวเกมได้ตัดเอาส่วนของ Level Editor ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นออกแบบฉากเองได้ออกไป ซึ่งน่าเสียดายมาก เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นเอกลักษณ์อย่างนึงของซีรีส์นี้เลย
- เนื้อเรื่องมีมิติเดียว ไม่มีซับพล็อต การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ อาจไม่ถูกใจผู้เล่นที่อยากเสพเนื้อเรื่องซับซ้อน หรืออยากเห็นกลวิธีการนำเสนอที่มีชั้นเชิง

สรุป
เกมนี้จะเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณกำลังมองหาเกมที่เล่นได้เพลิน ๆ ทุกเพศทุกวัย ชวนเพื่อนฝูงมาเล่นบนหน้าจอเดียวกันก็เฮฮา หรือถ้ารออีกหน่อยจนมีแพตช์ออนไลน์มัลติเพลเยอร์ก็ยิ่งแจ่ม เนื้องานแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่อยากให้ผู้เล่นเข้ามาสัมผัสกัน ลองมาบังคับเจ้าถุงกระสอบน้อยสักครั้งแล้วจะหลงเสน่ห์มันล่ะ บอกไว้ก่อน
คะแนน 8 / 10
เพื่อน ๆ สามารถหาซื้อเกม Sackboy: A Big Adventure แบบดิจิตอลดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
Standard Edition (PS4 & PS5) - https://store.playstation.com/en-th/product/HP9000-PPSA01292_00-SACKBOYADVENTURE
Digital Deluxe Edition (PS & PS5) - https://store.playstation.com/en-th/product/HP9000-PPSA01292_00-DIGITALDELUXE001
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net/