รีวิว WRC 9 เกมแข่งรถแรลลีที่ยกระดับความสมจริงไปอีกขั้น! by OS

รีวิว WRC 9 เกมแข่งรถแรลลีที่ยกระดับความสมจริงไปอีกขั้น!

ถือเป็นซีรีส์เกมแข่งรถที่อยู่คู่วงการเกมเมอร์มาอย่างยาวนาน ตัวเกมได้รับการต่อยอดและพัฒนามาต่อเนื่องยาวนาน และในภาคล่าสุดอย่าง WRC 9 ก็ถือว่าทาง KT Racing ผู้พัฒนาซีรีส์นี้ได้สร้างมาตรฐานล้ำไปอีกขั้น ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน Online Station จะมารีวิว WRC 9 เกมแข่งรถแรลลีที่ยกระดับความสมจริงมากยิ่งกว่าเดิม ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อมกันครับ WRC 9 ผู้พัฒนา: KT Racing ผู้จัดจำหน่าย: Nacon วันวางจำหน่าย: 3 กันยายน 2563 ข้อมูล: www.epicgames.com ราคา: 1,054.69 บาท (ราคานี้มีผลถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563) เกมเพลย์ที่ถูกปรับใหม่ให้ลงตัวกว่าเดิม สัมผัสแรกที่ได้เล่น WRC 9 นั้นต้องขอบอกว่าตัวเกมนั้นมีระบบการบังคับรถที่สมดุลกว่าภาคที่ผ่านมา ภายในเกมมีหลายโหมดที่น่าสนใจ เช่น Career Mode ที่จะต้องเป็นทุกอย่าง เช่น จัดทีมแข่ง เลือกทีมงาน นัดซ้อม หรือนัดวันแข่ง ทำให้เราได้รับประสบการณ์การเล่นที่หลากหลาย ไม่ใช่แข่งรถอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีโหมด Co-Driver สำหรับเล่นเป็นผู้ช่วยคนขับได้อีกด้วย โดยเราจะทำหน้าที่คอยบอกเส้นทางและบอกช่วงจังหวะในการขับขี่ว่าควรใช้ความเร็วเท่าไหร่ หากเพื่อนเราสามารถเข้าถึงเส้นชัยเป็นคนแรกก็ถือว่าชนะไป หากใครที่อยากจะสร้างรูปแบบการแข่งขันในแต่ลบะสนามขึ้นมาเอง แนะนำให้เล่นโหมด League ซึ่งก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมีโหมดอื่นๆ ให้เล่นอีกเพียบ ถือว่าทำให้ตัวเกมมีความหลากหลายใช้ได้ทีเดียวครับ สภาพแวดล้อมต่างภายในเกมถูกรังสรรค์ออกมาได้อย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็นสนามในประเทศสวีเดนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งที่ผู้เล่นจำเป็นต้องขับขี่อย่างระมัดระวัง สนามแข่งในประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็กการขับขี่ต้องใช้สมาธิอย่างสูง ไม่งั้นได้ชนกับสิ่งของข้างทางแน่นอน มีรถแข่งให้เลือกขับเพียบ! อีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกชอบภายในเกม WRC 9 คงหนีไม่พ้นการนำรถแบรนด์ดังระดับโลกมาใช้ขับขี่ภายในเกม เช่น Ford, Toyota, Hyundai, Citroën, Volkswagen และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีรถรุ่นเก่าที่สามารถนำกลับมาขับได้อีกด้วย ภายในเกมภาคนี้มีสนามแข่งมากกว่า 100 สนามจาก 15 ประเทศทั่วโลก และสนามใหม่ในประเทศเคนยา ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ด้วยทำให้ผู้เล่นได้แข่งขันรถแรลลีในหลากหลายสภาพแวดล้อม หลายรูปแบบ สะใจแน่นอน! กราฟิกและระบบเสียงที่แสดงรายละเอียดได้สมจริง ระบบกราฟิกภายในเกม WRC 9 ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ช่วยขับเคลื่อนให้ตัวเกมนั้นมีความสมจริง รายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบต่างๆ ของตัวรถ สนามแข่งแต่ละแบบ สภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศต่างๆ ที่ได้พบเจอในระหว่างการแข่งขันหรือระบบฟิสิกส์ ทางทีมพัฒนาก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เสียงเครื่องยนต์ เสียงโห่ร้องเชียร์จากผู้ชม เสียงบรรยายการแข่ง ก็ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกชอบมากๆ ก็คือ การแข่งรถในสภาพอากาศที่มีฝนตก WRC 9 นำเสนอบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเร้าใจ เช่น เสียงเม็ดฝนโปรยปรายลงบนกระจก เสียงการทำงานของที่ปัดกระจก เสียงคำรามของเครื่องยนต์เวลาเหยียบคันเร่ง เสียงล้อที่กำลังบดไปบนถนนลูกรัง แสงไฟที่ส่องไปบนพื้นถนน สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันสมจริงเหมือนเรานั่งหลังพวงมาลัยขับรถแข่งในสนามแข่งเลย ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมากๆ แม้ว่าตัวเกมจะมีรายละเอียดที่สวยงามสมจริง แต่ WRC 9 กลับไม่ได้กินสเป็คคอมพิวเตอร์มากนักคอมพิวเตอร์ในระดับปานกลางก็เล่นเกมนี้ได้อย่างเต็มอรรถรส และสำหรับใครที่มีเครื่องคอนโซลอย่าง PS4 ตัวเกมรองรับความละเอียดระดับ 4K เฟรมเรตอยู่ที่ 60fps (1 วินาทีของภาพเคลื่อนไหวนั้น มีจำนวนภาพนิ่งซ้อนอยู่ 60 ภาพ) ทำให้ภาพคมชัดและลื่นไหลกว่าเดิมอีกด้วย บทสรุป หลังจากได้เล่น WRC 9 ไปหลายชั่วโมงต้องขอบอกว่า ตัวเกมทำได้ดีในหลายๆ ด้าน สร้างความประทับใจและให้อรรถรสในการเล่นเกมแข่งรถได้อย่างเต็มเปี่ยมตัวเกมมีความสมจริงมากๆ ทั้งในเรื่องของการขับขี่ ระบบกราฟิก ระบบเสียง รวมถึงโหมดการเล่นที่หลากหลาย อาจจะติดตรงที่ตัวเกมนั้นมีรูปแบบการแข่งที่สมจริงดังนั้นการบังคับรถต้องมีสมาธิ เพราะรถนั้นเสียหลักง่าย เมื่อเข้าโค้งไม่ได้จังหวะ แต่กระนั้นโดยรวมแล้ว WRC 9 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเกมแข่งรถแรลลีวิบากที่น่าสนใจและควรหามาลองเล่นเป็นอย่างยิ่งครับ คะแนน 8.5 ความต้องการระบบ ขั้นต่ำ: หน่วยประมวลผล: Intel Core i3-2100 or AMD FX-4350 หน่วยความจำ: 6 GB ระบบปฏิบัติการ: Window 10 กราฟิก: Nvidia GeForce GTX 650, 1 GB | ATI Radeon HD 5870, 2 GB การ์ดเสียง: DirectX Compatible Soundcard พื้นที่ฮาร์ดดิสต์: 30 GB แนะนำ หน่วยประมวลผล: Intel Core i7-6700K or AMD Ryzen 5 1600X หน่วยความจำ: 6 GB ระบบปฏิบัติการ: Window 10 กราฟิก: Nvidia GeForce GTX 1650, 6 GB | ATI Radeon RX 590, 8 GB การ์ดเสียง: DirectX Compatible Soundcard พื้นที่ฮาร์ดดิสต์: 30 GB