PlayStation 5 vs. Xbox Series X สรุปข้อมูลสำคัญที่มีการเผยมาแล้ว
เหลือเวลาอีกเพียงราว 5-6 เดือนก็จะเข้าสู่ช่วงวางจำหน่ายของเครื่องเกมคอนโซลเจเนอเรชั่นใหม่อย่าง PlayStation 5 (PS5) กับ Xbox Series X แล้วนะครับ ซึ่ง ณ ตอนนี้ทาง Sony และ Microsoft ต่างก็เผยหน้าตาของตัวเครื่องมาให้เห็นกันเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงสเปคต่าง ๆ จะมีก็แต่ราคากับวันวางจำหน่ายที่แน่นอนเท่านั้นละครับที่ทั้ง 2 ค่ายยังคงอุบไว้ ไม่ยอมประกาศกันเสียที แต่ระหว่างที่เรารอการประกาศอัพเดตเรื่องถัดไป เราจะมาโฟกัสกับสิ่งที่ PS5 และ Xbox Series X ได้บอกให้เรารับทราบอย่างเป็นทางการแล้วครับว่าแต่ละเครื่องมีอะไรมานำเสนอบ้าง มาดูกันโลด
PS5
- ตัวเครื่องจะมีออก 2 รุ่น ณ วันวางจำหน่าย ได้แก่ รุ่นธรรมดาที่มีไดรฟ์ Ultra HD Blu-ray และรุ่น Digital Edition ที่ตัดเอาไดรฟ์ Ultra HD Blu-ray ออกไป ซึ่งรุ่น Digital Edition น่าจะมีราคาที่ถูกกว่าและตอบโจทย์คนที่เน้นเล่นเกมแบบดิจิตอลดาวน์โหลดล้วน ๆ โดยทั้ง 2 รุ่นจะแถมมาพร้อมกับจอย DualSense 1 อันในกล่อง
- SSD ของ PS5 จะเป็นรุ่นพิเศษที่มีความจุ 825 GB และมีอัตราความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงสุดที่ประมาณ 5.5 GB ต่อวินาทีสำหรับไฟล์ไม่บีบอัด และ 9 GB ต่อวินาทีสำหรับไฟล์บีบอัด ซึ่งด้วยความเร็วระดับนี้จึงสามารถรันเกมต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหลและรองรับเกมที่มีความละเอียดของภาพระดับ 8K ได้ด้วย ทั้งนี้ หากผู้เล่นมี SSD รุ่นที่ถูกใจกว่า ก็สามารถถอดเปลี่ยน SSD ได้เองโดยที่ไม่หลุดประกันครับ (เหมือนการเปลี่ยน HDD ของยุค PS3 และ PS4)
- ผู้เล่นสามารถเลือกติดตั้งข้อมูล “เฉพาะส่วน” ได้ เพื่อลดปัญหาระยะเวลาการดาวน์โหลด เช่นถ้าผู้เล่นอยากเล่นแค่เพียงโหมดมัลติเกมเพลย์ของเกมหนึ่ง ก็สามารถเลือกลงข้อมูลแค่โหมดมัลติเพลเยอร์ก็ได้ แทนที่จะต้องลงทั้งเกมเหมือนเมื่อก่อน
- ทาง Sony ยืนยันว่าระบบ Backward Compatibility บนเครื่อง PS5 จะทำให้สามารถเล่นเกม PS4 ได้เกือบทั้งหมด ซึ่งในบรรดาเกมเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะถูกเพิ่มศักยภาพของเกมด้วยชิพประมวลผลและ SSD ทำให้แทบไม่เสียเวลาโหลด พร้อมได้ภาพที่มีความคมชัดยิ่งขึ้น และเฟรมเรตดีขึ้นด้วย
- PS5 จะรองรับการเล่นควบคู่กับ PlayStation VR เช่นเดิม (แต่ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศว่าจะทำ PlayStation VR เจเนอเรอชั่นใหม่ที่อัพเกรดสเปคและรองรับเฉพาะ PS5 ด้วยหรือไม่)
- จอย DualSense เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดจาก DualShock อีกที โดยมีฟีเจอร์เด่นอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ Adaptive Triggers และ Haptic Feedback ที่จะเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะมีระบบสั่นที่ตอบสนองได้สมจริงกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่นเวลาเล่นเกมแข่งรถ แล้วรถของเราวิ่งบนพื้นโคลน หรือพื้นสนาม ความละเอียดของการสั่นก็จะแตกต่างกัน รวมถึงเกมแอ๊กชั่นที่ตัวละครต้องมีการใช้ธนู น้ำหนักที่เราลงไปยังปุ่ม L2 หรือ R2 (ปุ่มเล็งกับปุ่มยิง) ก็จะผันแปรตามความหนืดของปุ่มด้วย เสมือนเราได้ง้างธนูจริง ๆ เลย เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว ตัวจอย DualSense ก็ยังมีไมโครโฟนอยู่ในตัว ผู้เล่นจึงไม่ต้องเสียบหูฟังที่มีไมค์เข้ากับจอยเพื่อคุยกับเพื่อน ๆ อีกต่อไป คือคุยผ่านจอยได้เลย
- ล่าสุดก็มีการเผยข้อมูลมาแล้วว่าตัวเครื่องจะรองรับอุปกรณ์เสริมหลายอย่าง อาทิ หูฟัง Pulse 3D ที่รองรับระบบเสียง 3D Audio โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ไม่มีชุดเครื่องเสียงที่รองรับ 3D Audio รวมถึงกล้อง HD Camera รุ่นใหม่ ตลอดจนรีโมทคอนโทรลที่ใช้ควบคุมตัวเครื่อง (คาดว่าน่าจะใช้กับโหมดชมภาพยนตร์เป็นหลัก) ด้วย
- แม้ Sony จะประกาศแค่ว่าตัวเครื่องจะวางจำหน่ายช่วง Holiday 2020 แต่นั่นก็พอประเมินคร่าว ๆ ได้ว่าอาจจะประมาณเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคมปีนี้นั่นเอง ซึ่งเกมบน PS5 ที่มีการประกาศมาแล้วว่าจะวางจำหน่ายภายในปี 2020 แน่นอน ก็เช่น Spider-Man: Miles Morales, Deathloop, Godfall และ NBA 2K21 รวมถึงเกมที่ลงแบบ Cross-Platform พ่วงกับ PS4 ด้วยอีกเพียบ แถมยังมีเกม 3rd Party ระดับ AAA อย่าง Resident Evil 8 ที่จะวางขายภายในปี 2021 และ Gran Turismo 7 ต่อคิวรอลงให้กับ PS5 ในอนาคตอีกต่างหาก
- Bloomberg ที่เป็นสำนักวิเคราะห์สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการตลาดชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าเครื่อง PS5 น่าจะมีราคา “ขั้นต่ำ” อยู่ที่ประมาณ 470 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 14,600 บาท) ซึ่ง Bloomberg ตั้งข้อสังเกตว่ารายได้จากระบบสมัครสมาชิก (PlayStation Plus) ที่เพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำในช่วงหลายปีหลังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Sony มีสภาวะยืดหยุ่นได้มากในการตั้งราคาเครื่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราคงต้องรอการประกาศราคาอย่างเป็นทางการจาก Sony ดีกว่าครับ
- อย่างไรก็ตาม Sony ยังมีข้อได้เปรียบจากฐานความนิยมในภูมิภาคเอเชียที่สูงกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft มาก โดยเฉพาะการมีศูนย์บริการและบรรดาร้านตัวแทนจำหน่ายในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้การหาซื้อเกมเป็นไปได้โดยง่ายและสะดวก อีกทั้งราคาของเครื่องและแผ่นเกมก็เป็นราคากลาง ตลอดจนการรับประกันสินค้ากรณีสินค้ามีปัญหาก็สามารถส่งเคลมตามศูนย์ Sony ของไทยได้เลย (ฝั่ง Xbox ต้องส่งเคลมต่างประเทศสถานเดียว) และการรับประกันของ PlayStation จะเป็นแบบ Regional Warranty ซึ่งรับประกันครอบคลุมสินค้าที่ซื้อภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้เราจะซื้อเครื่องมาจากสิงคโปร์ มาเลเซีย หรือเวียดนาม เราก็ยังสามารถส่งซ่อมที่ศูนย์ไทยได้หมด
Xbox Serie X
- ตัวเครื่องถูกประกาศแล้วว่ามีขนาดหน้ากว้าง 15.1 ซม. หนา 15.1 ซม. และสูง 30.1 ซม.
- หากวัดกันที่สมรรถนะโดยรวมของฮาร์ดแวร์ Xbox Series X จะเหลื่อมกว่า PS5 อยู่หน่อย กล่าวคือเน้นความแรงที่ CPU กันเลย นอกจากนี้ SSD ของ Xbox Series X จะมีความจุ 1 TB แต่ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูลจะอยู่ที่ประมาณ 4.8 GB ต่อวินาที (ฝั่ง PS5 จะจุ 825 GB แต่มีความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 5.5 GB ต่อวินาที และสูงได้ถึง 9 GB ต่อวินาทีสำหรับไฟล์บีบอัด)
- มาตรฐานขั้นต่ำในการเรนเดอร์ภาพของ Xbox Series X คือตั้งไว้ที่ 4K และเฟรมเรต 60 FPS ซึ่ง Microsoft ได้กล่าวว่า CPU ของ Xbox Series X จะมีพลังมากกว่า Xbox One X (เครื่องรุ่น Hi-end ของ Xbox One) ถึง 4 เท่า และบางเกมจะสามารถรันได้ถึง 120 FPS เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นตัวเครื่องก็ยังสามารถแสดงผลของภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุดคือระดับ 8K เช่นเดียวกับ PS5 ด้วย
- ระบบ Backward Compatibility ของ Xbox Series X จะยังคงเล่นเกมของ Xbox, Xbox 360 และ Xbox One ได้ (เรียกได้ว่าย้อนหลังได้จนถึงเจเนอเรชั่นแรกสุด รวม Xbox Series X ด้วยก็เป็น 4 เจเนอเรชั่น) โดย Microsoft ตั้งใจจะให้ฟีเจอร์นี้มาพร้อมกับวันวางจำหน่ายเครื่องเลย ซึ่งเหล่าเกมเจนเก่า ๆ เมื่อถูกนำมาเล่นบน Xbox Series X ก็จะถูกปรับภาพให้ดีขึ้นด้วยระบบ HDR (High-Dynamic-Range rendering) อีกทีนึง ในขณะที่บางเกมก็จะได้เฟรมเรตที่ดีขึ้นเช่นกัน
- จอยของ Xbox Series X มีการออกแบบใหม่เพื่อให้เข้ากับมือผู้เล่นที่มีขนาดแตกต่างกันไป ส่วนการเล่นแบบไร้สายจะยังต้องใช้ถ่านขนาด AA จำนวน 2 ก้อนเหมือนเดิม แต่จะมีแบตเตอรี่แพ็คที่ชาร์จได้แยกขายต่างหากในฐานะอุปกรณ์เสริม โดยจุดนี้ Microsoft เคยทำการสำรวจและพบว่ากลุ่มผู้เล่นมีทั้งคนที่นิยมใช้ถ่าน และคนที่ไปซื้อแบตเตอรี่แพ็คมาใส่ในสัดส่วนที่แทบจะเป็น 50/50 เลย จึงตัดสินใจเลือกทำจอยมาตอบโจทย์ผู้เล่นทั้ง 2 กลุ่ม
- ฟิล สเปนเซอร์ ผู้บริหารของฝั่ง Xbox ยืนยันว่า Xbox Series X จะยังไม่มีนโยบายที่ให้ตัวเครื่องรองรับการเล่นแบบ VR ในทันที ณ วันวางจำหน่ายเครื่อง แต่เขาคาดหวังว่าในอนาคตจะทำให้การเล่น VR รองรับผ่านแพลตฟอร์ม Windows Mixed Reality ที่ผ่านระบบปฏิบัติการ Windows 10 อีกที ซึ่งประเด็น VR ยังไม่ใช่เป้าหมายหลักของ Microsoft ในขณะนี้
- บรรดาเกมต่าง ๆ ที่จะเป็นเกม 1st Party (พัฒนาโดย Microsoft Studios) ของ Xbox Series X ซึ่งจะวางจำหน่ายพร้อมตัวเครื่อง น่าจะมีการประกาศเร็ว ๆ นี้ในงาน Conference ของฝั่ง Xbox โดยคาดว่าอาจเป็นช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งแฟน ๆ Xbox ต่างก็คาดหวังว่า Microsoft จะเผยราคาของเครื่องหรือวันวางจำหน่ายออกมาก่อน แต่ศึกครั้งนี้เหมือนทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ยังกั๊กราคากันอยู่ (พออนุมานว่าใครเปิดราคาก่อนอาจจะโดนอีกฝ่ายลดราคาเพื่อเกทับได้)
- Xbox Series X จะยังเดินหน้าใช้ระบบสมาชิกเหมือนกับที่เคยทำกับ Xbox One ผ่านระบบ Xbox All-Access ซึ่งจะเก็บค่าบริการขั้นต่ำเป็นรายเดือนเหมือน Xbox Live Gold โดย Microsoft มีแผนที่จะรวมบริการ Xbox Game Pass เข้าไปด้วย เพื่อให้ผู้เล่นที่สมัครสมาชิกสามารถเข้าไปเล่นเกมในคลัง (Library) ของ Xbox ที่มีอยู่นับร้อยนับพันได้อย่างอิสระ
- ชื่อ Xbox Series X อาจฟังดูเหมือนจะยาว แต่ทาง Microsoft พยายามจะสร้างการรับรู้ต่อผู้คนด้วยการจะเรียกเครื่องรุ่นนี้ว่า “Xbox” เฉย ๆ เหมือนกับ Xbox ที่เป็นเครื่องเจเนอเรชั่นแรกสุดของแบรนด์นี้ ตรงนี้ก็ไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าเมื่อเครื่องวางจำหน่ายออกมาจริง ๆ ผู้เล่นจะเกิดความสับสนมากน้อยแค่ไหน เพราะค่ายนี้ค่อนข้างจะตั้งชื่อแบบอินดี้หน่อย ไล่มาตั้งแต่ Xbox, Xbox 360, Xbox One, Xbox One S (รุ่นสลิมของ Xbox One), Xbox One X (รุ่น Hi-end ของ Xbox One) จนกระทั่งมาถึง Xbox Series X
เครดิต
https://www.wired.com/story/exclusive-playstation-5/
https://www.pcmag.com/news/microsoft-teases-xbox-project-scarlett-tons-of-games-keanu
https://www.eurogamer.net/articles/digitalfoundry-2020-inside-xbox-series-x-full-specs
https://www.gamespot.com/articles/xbox-boss-phil-spencer-sets-the-record-straight-on/1100-6473539/
