รีวิว Resident Evil Resistance เกมสนุกแต่ต้องปรับปรุงอีกมาก
หากใครที่ซื้อเกม Resident Evil 3 Remake มา สิ่งที่คุณจะได้แถมมาด้วยก็คือโหมดมัลติเพลยเยอร์กับเกม Resident Evil Resistance ที่จะเป็นศึกระหว่าง Survivor 4 คน ที่จะต้องเอาตัวรอดจากการวางแผนซอมบี้ของ MasterMind โดยลักษณะก็จะคล้ายเกมแนวอย่าง Dead by Daylight หรือ Identity V เพียงแต่ใน Resident Evil Resistance ผู้ล่าจะเป็นคนที่คุมฉากทั้งหมด โดยสามารถเลือกวางกับดักหรือซอมบี้ตรงจุดไหนก็ได้ และยังสามารถควบคุมศัตรูหลักอย่าง G, MR.X ได้ด้วย
สารภาพตามตรงว่าในตอนแรกผู้เขียนไม่ได้มองเกม Resident Evil Resistance แม้แต่น้อย แต่พอเล่น RE3 Remake จบก็นึกว่าได้ เอ๊ะ.. มันมีแถมเกมนี้มาด้วยนี่นา จึงได้เริ่มทำการโหลดแล้วเข้ามาลองเล่นดู ก่อนที่จะได้พบปัญหาแรกเลยนั่นก็คือเรื่องของการหาห้องที่มีปัญหาและนานมาก หากเลือกเล่น Survivor อาจจะไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ โดยเฉลี่ยบางเกมก็ไว้ไม่ถึงนาที แต่ถ้านานหน่อยก็อาจจะเป็น 10 นาทีได้ แต่ปัญหาคือ MasterMind ที่หาห้องนานมาก เกมไหนที่หาไวถือว่าโชคดีมากๆ เพราะโดยเฉลี่ยรอเล่น MasterMind ด้วยเวลา 10 นาทีเสมอ (เวอร์ชั่น Steam)
แต่ถ้ามองข้ามการรอห้องที่นานแสนนานไป การเล่นในครั้งแรกๆ ก็สนุกไม่ใช่น้อย การเล่น Survival แม้จะชวนงงอยู่บ้าง ว่าเราต้องทำอะไรไปที่ไหน แต่เมื่อเล่นไปได้สักพักก็จะเริ่มเข้าใจว่าต่อให้ด่านจะต่างกัน แต่ทุกๆ ด่านจะมี 3 เลเวล ซึ่งทุกด่านจะมีรูปแบบการเล่นที่เหมือนกันดังนี้
ห้องเลเวล 1 – ห้องนี้เราจะต้องหากุญแจครบ 3 ดอก ซึ่งจะกระจายอยู่ทั่วแผนที่ หากหาครบก็ให้เอามาใส่ที่ประตูทางออกก็เป็นอันเรียบร้อย
ห้องเลเวล 2 – ห้องนี้เราจะต้องหาซอมบี้ที่จะมีคีย์การ์ดอยู่ เมื่อเก็บได้แล้ว คนที่เก็บจะต้องไปหาเครื่อง Security Device โดยจะต้องไปใส่รหัส 3 เครื่องเพื่อปลดล็อคประตูไปชั้นต่อไป
ห้องเลเวล 3 – ในห้องนี้จะมีแคปซูล Bio Core ซึ่งมี 4-5 จุดแล้วแต่ด่าน โดยเราจะต้องทำลายแต่ละจุดก่อนที่มันจะสุ่มเปิดให้ทำลายในจุดต่อไป เมื่อทำลายครบ 3 จุด จะสามารถเปิดประตูทางออก (ต้องรอ 30 วินาทีประตูถึงจะเปิด) ก็จะสามารถหนีออกได้ในที่สุด
ทีนี้ก็มาถึงปัญหากับ MasterMind ที่นอกจากจะหาห้องช้าหนักแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือถ้าคุณจะปลดทุกตัวละคร คุณจะต้องไล่เล่นจะตัวแรกให้ Rank 5 เพื่อจะปลดตัวละครที่สอง และต้องเล่นจนถึง Rank 5 เพื่อปลดตัวต่อไปด้วยเช่นกัน โดยจะมีตัวละครให้เลือกทั้งหมด 4 ตัว
สิ่งที่ทรมาณมากๆ ก็คือการเล่นตัวละครแรกให้ Rank 5 โดยสิ่งจำเป็นในการเล่นของ MasterMind จะมีสองอย่างนั่นก็คือ การปรับจุดซอมบี้และกุญแจในฉาก รวมไปถึงการปรับการ์ดสุ่มซอมบี้หรือกับดักต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งปัญหาคือมันจะปลดล็อคให้เราสามารถแต่งเองได้ก็ต่อเมื่อ Rank 5 ขึ้นไปเท่านั้น!
เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ทรมาณใจสุดๆ เพราะ Preset ที่ตั้งไว้ให้นั้นก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ทำให้เกมแรกๆ ถ้า Survivor ไม่ได้เล่นแย่เกินไปก็มักจะหนีได้เกือบทุกรอบ เรียกได้ว่ากว่าจะปลดครบทุกตัวก็เหนื่อยหอบเลยทีเดียว (ผสมกับการหาห้องเล่นที่นานมากๆ เรียกได้ว่าเปิดหาห้องแล้วไปทำอย่างอื่นรอได้เลย)
แต่เมื่อเล่นไปนานๆ และเริ่มเข้าใจระบบ กลับได้พบว่าเกมนี้บาลานซ์แย่มากๆ ใครที่เล่นใหม่ๆ อาจจะรู้สึกว่า Survivor นั้นเล่นยาก แต่ถ้าคุณเล่นเข้าใจตัวเกมในระดับหนึ่ง และไม่ได้มีระดับ Rank ที่ต่างกันมาก การเล่น Survivor สามารถเอาชนะ MasterMind ได้ง่ายมากๆ หากรู้ระบบของเกมโดยหลักๆ จะมีดังนี้
ซอมบี้กลายเป็นครื่องมือเพิ่มเวลาให้กับ Survivor
ในเกมที่วางรูปแบบมาให้เราวางแผนมีซอมบี้ป้องกันฉาก แต่กลับกลายเป็นว่าเหล่าซอมบี้พวกนี้กลายเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการเพิ่มเวลาให้กับเหล่า Survivor เพราะพวกมันส่วนใหญ่สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วและไม่เสียเวลามากนัก แต่กลับกันเมื่อ Survivor ฆ่าซอมบี้ได้ กลับได้เวลาบวกขึ้นมาเยอะมาก และนั่นส่งผลให้ Meta การเล่นที่มีโอกาสชนะเหล่า Survivor มากที่สุด กลายเป็นไม่เรียกซอมบี้แต่ใช้ป้อมปืนจากกล้องวงจรปิดยิงแทน ซึ่งมันดูผิดจากที่เกมควรจะเป็น
กระสุนและระเบิดสามารถหาได้ง่ายเกินควร
สืบเนื่องจากหัวข้อด้านบน ที่ซอมบี้กลายเป็นเครื่องมือเพิ่มเวลาก็เพราะไอเท็มสามารถหาได้ง่ายและไม่ยากมากนัก อาวุธส่วนใหญ่แทบจะมีเหลือใช้ตลอด ทำให้ไม่ค่อยเกิดแรงกดดันจากฝั่ง Survivor ในเรื่องของที่จำกัดสักเท่าไหร่ และด้วยของที่หาง่ายเหล่านี้ก็ทำให้การแก้ทาง G, Mr.X และ Yateveo Plant ทำได้ง่ายมากอย่างเหลือเชื่อ ขนาดคนที่ไม่ได้มาเป็นทีมและไม่ต้องสื่อสารกันมากก็สามารถแก้ทางได้หากเข้าใจตัวเกม จนแอบสงสัยว่าใครเป็นคนล่าใครกันแน่ ฮา
การตายของ Survivor ที่ไม่ค่อยส่งผลกระทบเท่าไหร่
ในเกมแนวนักล่ากับคนหนีแบบนี้ การที่ MasterMind สามารถจัดการฆ่า Survivor ได้หนึ่งคนควรจะเป็นเรื่องที่ช่วยให้ชนะมากขึ้น แต่เปล่าเลย การล้ม Survivor ได้ ทำให้แค่เสียเวลา 30 วินาทีเท่านั้น (บวกเวลาที่ Survivor คลานก่อนจะตายนิดหน่อย) แถมถ้าฝั่ง Survivor ชุบคนล้มได้ ก็จะได้เวลาคืน +15 วินาทีอีก กลายเป็นว่าในหลายๆ สถานการณ์แทบจะไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตไปชุบเลย ปล่อยให้ตายแล้วไปเกิดฐานแล้ววิ่งกลับมาดูจะเป็นทางเลือกที่ดีมากกว่า ถึงขนาดที่ห้องสุดท้ายแม้ MasterMind จะฆ่า Survivor ได้พร้อมกันหมด แต่ถ้าเวลามีมากกว่า 3 นาที ก็แทบไม่มีประโยชน์อยู่ดี
จุดอ่อนของเหล่าบอสที่สามารถแก้ทางได้ง่ายเกินไป
สืบเนื่องจากกระสุนและระเบิดที่หาได้ง่าย ทำให้การแก้ทางบางบอสเช่น G (ระเบิด Flash) หรือ Yateveo Plant (ระเบิดไฟ) สามารถทำได้ง่ายมาก ถ้าคนในทีมนัดแนะกันดีสลับกันปาระเบิดเวลามีคนโดนจับก็สามารถแก้ทางบอสเหล่านั้นได้อย่างสบายๆ ที่หนักสุดก็คงเป็น Mr.X หากเจอด่านที่มีประตูเยอะๆ ก็เตรียมตัวซับน้ำตาได้เลยถ้าเจอคนรู้ว่าสามารถวิ่งหลบสวน Mr.X เวลาผ่านประตูได้ง่ายมาก จนการเรียกบอสบางทีเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายของ MasterMind เสียมากกว่า
จัดของในฉากได้ แต่ก็ทำได้จำกัด
ในฐานะ MasterMind เราสามารถจัดรูปแบบห้องเลือกให้กุญแจ หรือประตูไหนจะล็อคได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำได้จำกัดไม่ได้อิสระเหมือนการวางซอมบี้ ซึ่งถ้าเจอ Survivor ที่เล่นมาในระดับหนึ่งก็จะรู้ได้ทันทีว่าของในฉากนี้สามารถอยู่ตรงไหนได้บ้าง อีกทั้งในพื้นที่สุดท้าย Bio Core ที่ต้องปกป้องก็เป็นการสุ่มจุดทั้งหมด ซึ่งนั่นก็สร้างความยากให้กับตัว MasterMind ด้วยเช่นกัน ที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะต้องป้องกันจุดไหนก่อนหลัง
AI ยังไงก็คือ AI
ต่อให้เราจัดวางซอมบี้แบบเจ๋งขนาดไหน แต่สุดท้ายซอมบี้เหล่านั้นก็ถูกควบคุมด้วย AI ซึ่งไม่ได้ตอบสนองในทางที่เราต้องการตลอด (ยกเว้นเราจะเข้าไปคุมซอมบี้นั้นด้วยตัวเอง) นั่นก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อยมาก เช่นซอมบี้เดินติดมุมฉาก หมาซอมบี้กระโดดมั่วไม่โดนศัตรู และอื่นๆ อีกมากที่ชวนขัดใจสุดๆ เวลาเราเล่นเป็น MasterMind
ยังมีอีกหลายทริคมากในการเล่น Survivor ที่จะทำให้เราสามารถชนะ MasterMind ได้ ไม่ว่าจะเป็นการยืนขวางประตูไม่ให้ล็อคได้ หรือจะเป็นการใช้มุมกล้องบุคคลที่สามเนียนยิงกล้องติดปืนโดยที่กล้องไม่สามารถยิงคืนได้และอื่นๆ อีกมากมาย จนในตอนนี้หากเจอ Survivor มาเป็นทีมและเข้าใจระบบเกมทั้งหมด แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ MasterMind จะเอาชนะได้ ทำได้เพียงแค่ยื้อเวลาเล่นเท่านั้น
แม้เกมจะเข้าขั้นไม่บาลานซ์แบบสุดๆ แต่ Resident Evil Resistance ก็ถือเป็นเกมที่สนุกในการเล่นช่วงแรก ถ้าคุณได้เกมนี้มาจากการซื้อ Resident Evil 3 Remake อยู่แล้ว การเข้ามาเล่นก็ไม่เสียหายอะไรนัก แต่ถ้าคุณหวังจะซื้อ RE3 Remake เพื่อมาเล่น Resistance โดยเฉพาะ ก็ไม่แนะนำเสียเท่าไหร่ เพราะแค่ปัญหาเรื่องหาห้องเล่นก็หนักหนาพอสมควรแล้ว ซึ่งงานนี้ก็ต้องมารอดูกันว่าทาง Capcom จะมีการปรับแก้บาลานซ์ให้ดีขึ้นหรือไม่นะครับ ในตอนนี้ใครที่เล่นอยู่ก็มาเล่นในลักษณะเก็บเลเวลเป็นหลักไปก่อน (เผื่ออนาคตจะดีขึ้น) แต่ถ้าคิดจะเล่นเอาจริงจังกับเกมนี้ ถ้าตัวเกมยังไม่มีการปรับแก้ไขอะไรอาจจะยังไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าในอนาคต Resistance ควรแยกออกจาก RE3 Remake ไม่อย่างนั้นยอดผู้เล่นจะน้อยลงไปเรื่อยๆ แน่ และจะทำให้การหาห้องยิ่งยากไปกว่าเดิม
