Mount & Blade II: Bannerlord – 5 สิ่งที่ทำให้เกมน่าสนใจ

Mount & Blade II: Bannerlord – 5 สิ่งที่ทำให้เกมน่าสนใจ

 

 

Mount & Blade II: Bannerlord ผ่านมาแล้วราวๆ 1 อาทิตย์ของช่วง Early Access นะครับ แต่ระหว่างนี้ก็ยังมีคนเข้าเล่นเกมต่อวันอยู่เป็นจำนวนมาก เล่นจบไปแล้วก็มีจำนวนไม่น้อย แม้จะยังเป็นช่วงทดลองและมีปัญหาเยอะแยะก็ตาม แต่ก็อย่างที่เห็นว่าหลายๆ คนไม่ได้หยุดยั้งการเอาตัวเข้าไปใช้ชีวิตในโลกยุคกลางกันเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าเกมนี้มันต้องมีความดีงามที่สามารถดึงดูดให้ผู้เล่นอยู่กับมันได้อย่างติดหนึบ ซึ่งผมที่ประสบมากับตัวเอง ก็พอจะสรุปออกมาได้ประมาณนี้ครับ

 

Mount & Blade II

 

รสชาติที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

Mount & Blade ก็คือ Mount & Blade เป็นตัวของตัวเองและไม่อาจเป็นใคร ไม่ว่าจะผ่านมานานสักเท่าไหร่ Mount & Blade ก็ยังคงเป็นเกมเดียวที่มีลักษณะการเล่นและรสชาติของเกมประมาณนี้ ยังคงไม่มีใครที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ หรือทำเกมในแนวที่ออกมาใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย โดยเกมในแนวแบบ Mount & Blade ก็คือการที่คุณจะได้ Role-Play เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ในโลกสมมติซึ่งอยู่ท่ามกลางสงครามและการปล้นฆ่าของเหล่าโจร สิ่งที่คุณต้องทำคือการพยายามมีชีวิตในแบบของตัวเองในโลกนี้ ไม่ว่าจะไปเป็นพ่อค้า, ฝากตัวรับใช้นาย, กลายเป็นขุนนาง, นักรบ หรือกระทั่งการแยกตัวไปตั้งอาณาจักรเอง ดังนั้นแล้วเกมเพลย์ที่คุณต้องเจอระหว่างสร้างเนื้อสร้างตัวจึงหลายรสชาติมากๆ ไม่ว่าจะเป็นแอคชั่น, วางแผน, RPG, ผจญภัย หรือกระทั่งในแง่ของการบริหารเมืองและทรัพยากรบุคคล ทำให้ Mount & Blade II: Bannerlord ยังคงเป็นเกมที่ให้ความสนุกแบบจำเพาะอยู่มาก แบบว่าถึงคุณอาจจะไม่ชอบเกมนี้ แต่รสชาติที่ได้จากมันคือหาจากที่ไหนไม่ได้เลยอยู่ดี มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลายคนจึงรอคอย และจึงไม่ยอมออกห่างจากเกมนี้เสียที

 

Mount & Blade II

 

สนามรบลุ้นระทึก นอนกองได้ทุกเมื่อ

แม้ว่าโมชั่นในส่วนแอคชั่นของเกมนี้อาจจะไม่สามารถเทียบเคียงกับเกมแอคชั่นสายตรงเกมอื่นได้ แต่บรรยากาศความเป็น “สงคราม” ของมันนั้นไม่อาจหาใครเหมือน โดยเฉพาะกับอารมณ์ “ตายได้ทุกเมื่อ” เพราะไม่ว่าคุณจะไต่เต้าจนเป็นขุนศึกมีชื่อเก่งฉกาจขนาดไหนหรือมีเลเวลสูงปานใด ความตายของคุณอาจมาพร้อมกับหอกในมือชาวนา คราดในมือชาวสวน หรือลูกธนูที่ลอยมาจากมือธนูรากหญ้าสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความยากระดับ Realistic ที่แค่ถูกฟันเพียงครั้ง หรือธนูปักเบาๆ ใส่สักดอกก็สามารถร่วงลงไปจูบพื้นได้แล้ว ดังนั้นแล้วในสนามรบเราจึงต้องระวักตัวเสมอ ไม่ออกไปลุยเดี่ยวๆ  หรือหากจะดวลเดี่ยวก็ต้องมั่นใจว่าคุณจะโฟกัสกับมันโดยไม่หลุดสมาธิครับ เพราะเพียงขาดสมาธิแค่ครั้งเดียวก็เช่นเดิม คุณลงไปกองได้เช่นกัน

 

Mount & Blade II

 

เผาเวลาได้ยอดเยี่ยม

ในบทความก่อนหน้าผมพูดถึงในแง่ที่ว่ามันอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่มีเวลาชีวิตไม่มาก ทว่าในช่วงนี้คิดว่าน่าจะเป็นข้อดีมากกว่ากับการที่เราต้องเก็บตัวอยู่บ้านไม่ไปไหน (ซึ่งก็น่าจะดำรงชีวิตแบบนี้กันไปอีกพักใหญ่ๆ) ดังนั้นแล้วแทบทุกคนก็จำต้องพยายามหา กิจกรรมเผาเวลาในแบบของตัวเอง บางคนเลือกที่จะดูหนังดูซีรีส์ บางคนเลือกจะอ่านหนังสือ หลายคนเสาะหาเครื่อง Switch มาเล่น Animal Crossing แต่ผมขอแนะนำ Mount & Blade II: Bannerlord ครับ ไม่ใช่แค่ว่าเพราะกำลังเขียนถึงเกมนี้อยู่ แต่เพราะมันเผาเวลาได้จริง เล่นทีก็ลืมวันลืมเวลา กว่าจะจบรอบหนึ่งก็ยาวนานการันตีไม่มีตํ่ากว่า 20 ชั่วโมงแน่ๆ เว้นแต่คุณตายเร็วแล้วรีบเล่นใหม่ เช่นนั้นแล้วหากต้องการเกมฆ่าเวลาแล้วไม่มีเครื่องคอนโซลอื่นใด เกมนี้บน Steam นี่แหละที่อาจเป็นคำตอบที่ใช่ของคุณ

 

Mount & Blade II

 

ความรู้สึกของการได้เติบโต แข็งแกร่งขึ้น มีอำนาจมากขึ้น

การเล่นเกมแนวๆ Role-Play ส่วนหนึ่งของความอิ่มเอมที่ได้จากเกมแนวนี้ก็คือการได้เห็นตัวละครที่คุณประคบประหงมปลุกปั้นนั้นค่อยๆ เติบโตขึ้น จนกลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพล เป็นเจ้าคนนายคน สามารถชี้ขาดชะตาในโลกของเกมได้อะไรเทือกนั้น บางคนอาจใช้มันเพื่อทดแทนหรือปลดปล่อยความขุ่นข้องที่ชีวิตจริงมันอาจทำไม่ได้ง่ายๆ ดังในเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Mount & Blade II: Bannerlord ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ไต่เต้าจากการเป็นรากหญ้ามหาจนสุดโดดเดี่ยว ให้กลายเป็นยอดพ่อค้า, เป็นมหาโจรที่โลกครั่นคร้าม, ยอดนักรบที่ทั้งอาณาจักรต้องยอมสยบ, เป็นแม่ทัพใหญ่คุมกำลังนับร้อยนับพัน หรือกระทั่งกลายเป็นราชันแห่งอาณาจักรใหม่เสียเอง นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อง หรือระบบครอบครัวที่เปิดโอกาสให้คุณได้หาเมียแล้วสร้างครอบครัวอีกด้วย บอกเลยว่าระบบ Mod เปิดเมื่อไหร่ ก็รอจีบสาวๆ สวยเช้งมาแต่งเมียได้เลย!

 

Mount & Blade II

 

ผู้พัฒนาขยันจัดออกแพตช์แก้ไขเกมแบบแทบจะรายวัน

ผมเขียนไปในบทความเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าเกมยังมีปัญหาค่อนข้างมากเพราะยังเป็น Early Access อยู่ แต่ประทานโทษเถอะ! นับจากที่ลงบทความไปวันนั้น ทีมพัฒนาก็รัวแพตช์แก้ไขออกมาแบบรายวันจนแทบไม่ได้นับแล้วว่ากี่ตัว ถึงแม้ว่า Build ล่าสุดจะยังขจัดปัญหาได้ไม่หมด แต่เกมที่ปราศจากปัญหา 100 เปอร์เซ็นต์มันก็แทบไม่มีในโลกอยู่แล้ว อีกทั้งการที่ทีมงานทำแบบนี้ก็ยังเป็นการทำให้ผู้เล่นที่ซื้อเกมของเขามาต่างเห็นถึงความตั้งใจของพวกเขา ซํ้ายังทำให้มั่นใจได้อีกว่าปัญหาที่ประสบพบเจอก็มีสิทธิ์ถูกแก้ไขได้ในเร็ววัน ทีมพัฒนาขยันและจริงจังกับผลงานของตัวเองกันแบบนี้ พูดตรงๆ ว่าควรสนับสนุนพวกเขาจริงๆ นะครับ

 

Mount & Blade II

 

Mount & Blade II: Bannerlord – 5 สิ่งที่ทำให้เกมน่าสนใจ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้