รวมมุกที่เหล่าผู้พัฒนาเกม ใส่ไว้ในเกมเพื่อให้เล่นได้นานขึ้น
สำหรับคนที่ทำเกมทั้งหลาย ส่วนใหญ่ก็มักจะทำเกมเล่นได้นานๆ นอกจากจะให้ผู้เล่นอย่างเราๆ ได้เล่นอย่างคุ้มค่าคุ้มราคาแล้ว มันก็ยังเป็นการสร้างฐานคอมมูนิตี้ของเกมเหล่านั้นให้เติบโตเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยทั่วไปก็จะมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ เข้ามาให้ผู้เล่นได้เล่นกัน รวมไปถึงรูปแบบการเล่นของเกมที่แตกต่างกันออกไป เรามาดูกันดีกว่าว่าเหล่ารูปแบบการเล่นที่ทำให้ผู้เล่นอยู่กับเกมนั้นนานขึ้นมีอะไรบ้าง
การฟาร์มหาของเทพ!
การฟาร์มหาของเทพนั้น ส่วนมากจะเห็นในเกมสไตล์ MMOPRG เป็นหลัก หรือเกมที่ต้องเน้นหาของประเภทแนว Shooting อย่าง Destiny 2 หรือ Division 2 เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เกมแนวนี้หลังจากจบเนื้อเรื่องจะเข้าสู่ช่วง End Game ซึ่งเป้าหมายหลักก็จะเป็นการฟาร์มของให้ตัวของเรานั้นเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมกับเหล่าศัตรูที่เก่งขึ้น และก็มาในรูปแบบ Raid ที่จะต้องรวมกลุ่มกันผ่านบอสที่ยากมาก ซึ่งถ้าผ่านมาได้ก็จะได้ของดีๆ มา แต่อนิจจา ของเหล่านั้นมักจะไม่ดรอปมาให้ผู้เล่นอย่างง่ายๆ บางคนอาจจะต้องฆ่าบอสบางตัวเป็นหลายสิบรอบเพื่อของเทพชิ้นเดียวก็มี ฟาร์มบอสวนไป!
เกมอย่าง Monter Hunter World ก็ใช้เวลาในการฟาร์มหาเพชรเทพเช่นกัน
ของตกแต่งเพื่อแฟชั่นและการถ่ายรูป
นอกจากการฟาร์มหาของเทพแล้ว การหาของตกแต่งเพื่อแฟชั่น ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมให้หลากหลายเกมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งที่ใส่ชุดของเราเอง หรือจะเป็นของตกแต่งบ้านในหลากหลายเกมออนไลน์ เช่น Final Fantasy XIV หรือ Phantasy Star Online 2 รวมไปถึง Monster Hunter: Iceborne ที่เราสามารถหาของแต่งบ้านให้เพื่อนมาเข้าชมได้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เหล่าตากล้องภายในเกมชื่นชอบกันมากเลยทีเดียว
เกม Final Fantasy 14 ก็เป็นอีกเกมที่มีระบบแต่งตัวและถ่ายรูปเยอะมาก
ระบบ Rank พร้อมของรางวัล
ในหมวดเกมที่ใช้ทักษะในการเล่นหรือเกมแนว Esports ก็มักจะมีระบบ Rank เพื่อวัดฝีมือระหว่างผู้เล่น เช่น PUBG, CS:GO, Dota 2, RoV และอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยดึงผู้เล่นให้อยู่กับเกมนานขึ้น ซึ่งการมี Rank ก็เป็นเหมือนการวัดความคืบหน้าของเราไปในตัว รวมไปถึงยิ่ง Rank สูงก็จะได้ของตอบแทนหลังจากจบที่ดีขึ้น งานนี้ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแบบ Solo หรือไปเป็น Team หาก Rank ใกล้จะขึ้นก็ต้องมีการลุยกันต่ออีกเกมแน่นอน บางทีเผลอๆ ก็เล่นกันจนลืมนอนก็มี ขออีกตาแล้วกัน!
เกมสไตล์ MOBA ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่มี Rank ให้ผู้เล่นอยู่เล่นกันยาวๆ เช่นกัน
New Game+ เพิ่มระดับความยากสุดท้าทาย
หัวข้อที่กล่าวมาข้างต้นส่วนมากจะอยู่ในเกม Online ซะส่วนใหญ่ แต่สำหรับเกมที่เน้น Offline ก็มีเทคนิคดึงผู้เล่นให้อยู่ด้วยเช่นกัน เช่น Sekiro, Dark Souls ที่หลังจากเกมก็จะมีการเลือกเล่นใหม่แบบ New Game+ ที่ศัตรูจะเก่งขึ้น รวมไปถึงของสำคัญบางอย่างก็อาจจะสลับที่แตกต่างกันไป ซึ่งก็เปลี่ยนบรรยากาศการกลับมาเล่นซ้ำให้สดใหม่ได้เสมอๆ
Sekiro แม้ตัวเกมจะยากอยู่แล้ว แต่ใน New Game+ เรายังสามารถคืนเครื่องรางเพื่อให้เกมยากกว่าเดิมได้อีก
ฉากจบหลากหลายแบบไม่จำเจ
นอกจาก New Game+ ที่ทำให้รูปแบบการเล่นยากขึ้น สิ่งที่ทำให้เกม Offline มีคนกลับมาเล่นซ้ำหรือเล่นนานๆ ก็เป็นเรื่องของสไตล์เกมที่มีฉากจบหลากหลายแบบ หรือหลายเส้นทางให้เราเลือกเดิน เช่น Detroit: Become Human, Until Dawn, The Walking Dead (Telltale) ที่เราสามารถกลับมาเล่นใหม่และเลือกในเส้นทางอื่นๆ ที่ต่างจากเดิม เพื่อเห็นฉากจบที่แตกต่างออกไปได้อีกด้วย
Detroit: Become Human เป็นอีกหนึ่งเกมที่ย้อนกลับมาเล่นได้เรื่อยๆ ด้วยทางเลือกที่หลากหลายและฉากจบที่แตกต่าง
Mod ต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบของเกม
ในหัวข้อนี้อาจจะต่างออกไปเพราะไม่ใช่ผู้พัฒนาใส่เข้ามาเอง แต่เป็นเหล่าผู้เล่นที่ชื่นชอบในเกมนั้นๆ พัฒนา Mod ให้ตัวเกมสามารถย้อนกลับมาเล่นได้เรื่อยๆ ไม่ใช่จะเป็น Mod ตลกๆ หรือ Mod ที่พัฒนาให้เกมดีขึ้น จนไปถึง Mod 18+ ก็มี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ ก็จะเป็น Skyrim ที่แม้จะเป็นเกมเก่ากว่า 10 ปี แต่ก็มีคนย้อนกลับมาเล่นเรื่อยๆ พร้อมกับ Mod ที่พัฒนาให้ตัวเกมมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
Skyrim กับ Mod ที่เหล่าผู้เล่นช่วยกันพัฒนาจนทำให้เกมยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน