รีวิว Wolcen: Lords of Mayhem เกม Action RPG ของดีสายอินดี้ เล่นรอ Diablo 4 ได้เลย
เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เหมือนจะมีกระแสเกมแนว Action RPG ตัวนึงโผล่ออกมาให้เห็นกันบ้างเล็กน้อยครับกับเกมที่ชื่อว่า Wolcen: Lords of Mayhem เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยทั้งที่ตัวเกมมันอยู่ในช่วง Beta Test มาหลัก 2 ปีได้แล้ว รวมไปถึงช่วง Early Access บน Steam ก่อนหน้านี้ที่ขายในราคา 300 กว่าบาท จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการในราคา 400 กว่าบาทไทยเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเกมอินดี้จากสตูดิโอที่ชื่อเดียวกับเกม WOLCEN Studio แต่ยอดผู้เล่นจากช่วงเบต้าที่มีหลักพันกว่าคน พุ่งทะยานสู่ 100,000 คนในทันทีจนเซิร์ฟเวอร์เดี้ยงไปหลายวัน หลายคนที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อดีมั้ย วันนี้มีรีวิวประกอบการตัดสินใจมาฝากกันครับ
Wolcen: Lords of Mayhem จะให้เราได้รับบทเป็น 1 ในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารโหดแห่ง Castagath ที่ถูกช่วยเหลือโดย Grand Inquisitor Heimlock จนมีเหตุให้เกี่ยวข้องกับกองทัพ ถูกฝึกพร้อมกับเพื่อนในวัยเด็กอย่าง Valeria และ Edric และออกผจญภัยจากเมือง Stormfall และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ operation Dawnbane ผ่านรูปแบบเกมแนว Action RPG มุมมองแบบ Isomatric หรือถ้าจะให้เทียบง่ายๆ ก็คือสไตล์เดียวกับพวก Diablo, Path of Exile, Torchlight อะไรพวกนี้ครับ ซึ่งตัวเกมจะมีบรรยากาศที่ออกไปทางดิบกว่า D3 ครับ (มีปรับออพชั่นให้แสดงผลเลือดสาด/ไม่สาด Gore Effect เพื่อลดความรุนแรงได้)
สิ่งที่น่าสนใจของ Wolcen: Lords of Mayhem ก็คือเรื่องของการ Build ตัวละครครับ เกมนี้ไม่มีสายอาชีพ ไม่มีสายเฉพาะเจาะจง ทุกตัวละครสามารถเล่นได้ทุกสกิล ทุกอาวุธ ทุกชุดเกราะ ไม่มีการจำกัดด้วย stat สวมใส่ครับ เราสามารถใส่ชุดเกราะหนัก 2 ชิ้น เกราะเวท 2 ชิ้น เกราะเบา 3 ชิ้น พร้อมถือปืนและดาบได้ เป็นต้น ส่วนตัวสกิลเองจะเป็นการใช้สกิลตามประเภทอาวุธที่ถือ บางสกิลสามารถใช้ได้ตอนถือคทาหรืออุปกรณ์เวท บางสกิลใช้ได้ตอนถือปืนหรือธนู บางสกิลก็ใช้ได้ตอนถือมีดหรืออาวุธระยะประชิด ทำให้เราสามารถผสมผสานสกิลต่างๆ ได้อิสระครับ และในตัวสกิลเองก็ยังสามารถเก็บเลเวลเพื่อปรับแต่งความสามารถของสกิลให้แตกต่างกันได้ด้วย บางสกิลเปลี่ยนรูปร่าง บางสกิลเพิ่มจำนวน บางสกิลเปลี่ยนธาตุ เพื่อให้เข้ากับการเล่นของเรามากขึ้น
ส่วนที่ปวดหัวที่สุดสำหรับทุกคนที่เล่นช่วงแรกก็คือระบบที่เรียกว่า Gate of Fates นั่นเองครับ ถ้าให้เรียกง่ายๆ ก็คือตารางอัพ Passive ตัวละครนั่นเองครับ ทุกๆ จุดจะเป็นการเพิ่มความสามารถต่างๆ โดยแต่ละจุดจะใช้การอัพ 1 แต้ม ณ ปัจจุบันมีได้สูงสุด 89 แต้มที่เลเวล 90 ครับ ดังนั้นเราจะต้องเลือกอัพตามสายตามความสามารถที่เราต้องการให้ดี ถ้าแยกง่ายๆ เบื้องต้น จุดสีแดงก็จะเป็นพวกประชิด สีเขียวก็จะเป็นพวกธนู มีด สีม่วงก็จะเป็นพวกเวท แต่การอัพครอสข้ามสายก็ไม่ใช่เรื่องผิดครับ เพราะการผสมสกิลมีความหลากหลายอยู่แล้ว อย่างตัวผมเองก็จะอัพสีม่วงผสมเขียวเจียดไปแดงนิดหน่อย เพราะมันเป็นจุดที่ค่อนข้างมีผลกับสายการเล่นที่ผมเลือกเล่น เป็นต้น โดย Gate of Fates จะถูกแบ่งออกเป็น 3 วงครับ การที่เราจะอัพวงที่ 2 ได้ต้องมีจุดเชื่อมที่เชื่อมจากวงแรกถึงจะอัพวงที่ 2 ณ จุดนั้นได้ และแต่ละวงเองก็สามารถหมุนวงล้อเพื่อให้จุดเชื่อมสายมาอยู่ตรงที่เราต้องการได้ครับ เอาจริงๆ ก็จะมีการอัพจุดเยอะๆ แบบนี้เหมือน PoE นั่นแหละ แต่เกมนี้จะ Build ง่ายกว่า เข้าใจง่ายกว่า (เพราะจุดมันน้อยกว่า)
สำหรับใครที่ถามถึงเรื่อง End Game Content หลังจากที่เนื้อเรื่องของเกมเองจะมีเพียงแค่ 3 Act ใช้เวลาในการเล่นจบไม่นานมากนัก ตัวเกมก็จะ End Game ให้ทำอยู่ด้วยกัน 3 อย่างครับ
Mandates Board - เป็นเหมือนการลงดันเจี้ยนไปทำภารกิจ มอนสเตอร์ในนี้จะมีเลเวลเท่ากับตัวละครของเรา เหมือนเอาไว้ฟาร์มหาของทองทั่วไปที่เลเวลเท่ากับเราเพื่อมาใส่ในเบื้องต้น
Expedition - น่าจะเป็น End Game ที่ท้าทายที่สุด ดันเจี้ยนนี้จะมีทั้งหมด 3 ชั้น ตอนแรกจะมีแค่ระดับ Adept เท่านั้นให้ลง (มอนจะเลเวล 40) ภายในก็จะเป็นการให้สังหารมอนสเตอร์ให้ครบจำนวนแล้วก็ไปสังหารบอสในฉากก็จะสามารถไปชั้นถัดไปได้ ระหว่างนี้สามารถออกเมื่อจบแต่ละชั้นได้ครับ แต่ถ้าลงครบ 3 ชั้นก็จะได้รางวัลดีสุดและการลงครั้งแรกก็จะปลดระดับความยากต่อไปมาให้ และในดันเจี้ยนนี้เองก็จะมีการดรอปแผนที่เพื่อที่จะเอามาใส่โหมดนี้เพื่อปลดล็อคเนื้อหาบางอย่าง รวมไปถึงการปรับความยากของระดับมอนสเตอร์ การเพิ่มออพชั่นดันเจี้ยนบัฟมอนสเตอร์ให้ยากขึ้นเพื่อรับอัตราการเพิ่มของดรอปต่างๆ เป็นต้น ครับ
Building - ใช่แล้วครับ นี่คือโหมดการสร้างเมือง จะเป็นการเอาเงิน เอาแต้มสกิล เอาแต้มค้อนที่ได้จากการลงดันเจี้ยน 2 โหมดข้างบนมาใช้ในการอัพเกรดเมืองครับ หลักๆ ก็จะให้ผลประโยชน์ต่างๆ กับไอดีเรา การเปิดเนื้อหาใหม่ๆ หรือสิ่งที่หลายคนจะทำกันเป็นอันดับต้นๆ อย่างการเปิดช่องสกิลช่องที่ 5 ก็อยู่ในโหมวดนี้เช่นกันครับ
ใครที่คิดว่าเกมแนวนี้การแต่งตัวก็จะสะเปสะปะชุดไม่สวย ไม่ต้องกลัวไป Wolcen: Lords of Mayhem มีระบบแฟชั่นให้ครับ เราสามารถกด B เพื่อเข้าหน้าต่าง Cosmetic Inventory เพื่อเปลี่ยนสกินของอุปกรณ์สวมใส่ที่เราเคยเก็บเข้าตัวมาได้แบบแยกชิ้น สีที่ดรอปตามทางมาแล้วกดใช้ก็จะมาอยู่ในนี้ให้เราได้ย้อมอุปกรณ์กัน โดยการเปลี่ยนชุดต่างๆ ก็จะใช้เงินในเกมครับ เท่าที่เคยเปลี่ยนทั้งชุดก็จะอยู่ราวๆ หมื่นกว่าๆ ถือว่าเบื่อก็สามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆ จ้า
ปัญหาของเกมตอนนี้ก็คือระบบออนไลน์ที่ค่อนข้างย่ำแย่พอสมควรครับ ด้วยความที่ว่าตัวเซฟออนไลน์และออฟไลน์มันแยกกัน (ทาง dev บอกในทางที่ว่า ตัวออฟไลน์จะทำอะไรกับตัวละครก็ได้ แต่ตัวออนไลน์เซฟจะอยู่บนคลาวด์เท่านั้น) ทำให้ออฟไลน์มีไว้เป็นที่ลองสายต่างๆ ของหลายๆ คน แล้วไปเล่นจริงในออนไลน์เอา แต่ยอดผู้เล่นดันพุ่งเกินเป้าที่ dev วางไว้อย่างมาก เซิร์ฟมันก็เลยรองรับไม่ไหว ช่วงนี้ก็ต้องรอแก้ต่อไปนั่นแหละ กับอีกเรื่องคือสารพัดบั๊คของเกมที่พึ่งหลุดออกจากช่วง early access มียิบย่อยต่างๆ มากมายที่ถ้าใครรับไม่ค่อยได้ก็จะหงุดหงิดไปเลยก็มี แต่ถ้าเทียบกับราคาที่จ่ายไปก็รู้สึกได้ว่ามันคุ้มค่าคุ้มราคาดีครับ แถมใครที่ชื่นชอบเกมแนวนี้ก็น่าจะสนุกไปกับมันได้ง่าย เล่นรอระหว่างเกมใหญ่ออกก็ได้ ใครที่สนใจ Wolcen: Lords of Mayhem ก็สามารถเข้าไปซื้อกันได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างเลยจ้า