Dragon Ball Z Kakarot จากอนิเมะสู่การเล่าเรื่องแบบฉบับเกมที่ทำให้รู้สึกอายุ 14 อีกครั้ง

Dragon Ball Z Kakarot จากอนิเมะสู่การเล่าเรื่องแบบฉบับเกมที่ทำให้รู้สึกอายุ 14 อีกครั้ง

Dragon Ball00

   Dragon Ball Z Kakarot ผลงานใหม่ล่าสุดจาก Bandai Namco ที่ได้ประกาศทำ Dragon Ball Z Kakarot ตั้งแต่ยังชื่อ Project Z เหล่าเด็กโข่งทั้งหลายต่างก็ยินดีปรีดาและเฝ้าคอยการสัมผัสตัวเกมนี้กันอย่างมาก ยิ่งตอนที่ปล่อย OP ออกมาให้ได้ดูกันมันทำให้นึกถึงวันวานสมัยตื่นเช้าเสาร์-อาทิตย์มานั่งดูช่อง 9 การ์ตูน ตอนเด็กๆ จนกระทั่งในที่สุดตอนนี้ Dragon Ball Z Kakarot ก็ได้ออกมาให้เกมเมอร์ทั่วโลกได้สัมผัสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าทาง Online Station เองก็ไม่พลาดที่จะนำมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

Dragon Ball Z Kakarot

ผู้พัฒนา – CyberConnect2
ผู้จัดจำหน่าย – Bandai Namco Entertainment
วันวางจำหน่าย 17 มกราคม 2563

เต็มอิ่ม ครบทุกเรื่องราวในภาค Z

Dragon Ball Z Kakarot01

 เป็นสิ่งแรกที่ผมคาดหวังอย่างมากเลยสำหรับเกม Dragon Ball Z Kakarot หลังจากที่รู้ว่าตัวเกมจะเป็นเกมแนวเล่นคนเดียว Single Player เน้นไปที่การเล่าเรื่องเป็นหลัก และเมื่อได้ลองเล่นจริงๆ แล้วก็ต้องบอกเลยครับว่า ผมรู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง ทั้งการเล่าเรื่องที่เริ่มต้นตั้งแต่ชาวไซย่าที่เหลืออยู่ที่ชื่อว่า ราดิช ได้บุกลงมายังโลกเพื่อตามหาน้องชายหรือพระเอกของเรื่องอย่าง โกคู (หรือเด็กโข่งหลายคนจะเรียกว่า โงกุน) ยิงยาวไปจน เบจิต้าและนัปปะบุกโลก ออกไปดาวนาเม็ก พบกับกองทัพฟรีซเซอร์ กลับโลกมาเจอกับกลุ่มเรดริบบ้อน เหล่ามนุษย์ดัดแปลง การปรากฏตัวของเซลล์ ไปจนกระทั่งจบเนื้อเรื่องจอมมารบู เลยทีเดียวครับ และเท่าที่ลองคำนวณคร่าวๆ หากเราเล่นแบบเป็นเส้นตรงโดยไม่แวะเถลไถลที่ไหนเลย (ซึ่งตัวเกมก็จะยากขึ้นเพราะไม่ได้ทำสกิลมาใช้ ไม่ได้หาไอเทมมาช่วยเสริมพลัง) ก็จะตกอยู่ราวๆ 30-40 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ ระหว่างการเล่าเรื่องเองก็จะไม่ได้มีการใช้ CG พิเศษอะไรขนาดนั้น จะเป็นการคัทอินเข้าฉากที่ไม่สามารถเร่งบทพูดได้แต่ยังใช้กราฟิกแบบในเกมเฉยๆ ซึ่งไอ้ตรงพวกนี้แหละ มันทำให้เหมือนเราได้ดูการ์ตูน Dragon Ball Z ในฉบับรีเมคก็มิปาน ที่สำคัญตัวเกมทั้งหมดมีภาษาไทยรองรับ แถมแปลไม่แย่ด้วย โอเคมากเลยหล่ะ เห็นว่าหลายส่วนก็มาจากอนิเมะด้วยนะ ทำให้ไม่เสียอรรถรสในการเสพเนื้อเรื่องอย่างแน่นอน เป็น 1 ในเกมที่สายกดข้ามเนื้อเรื่องอย่างผมอ่านเนื้อเรื่องทุกกระเบียดนิ้วเลยจริงๆ ครับ จะมีข้อแตกต่างนิดหน่อยก็ในเรื่องของรายละเอียดเล็กน้อยของพวกตัวประกอบหรือบทยิบย่อยตามเนื้อเรื่องที่จะถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างอย่างเช่น ลูกน้องฟรีซเซอร์ที่มายิงยานบลูม่าเปลี่ยนไป ชุดตอนโกคูไปสอบใบขับขี่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง เป็นต้นครับ

การควบคุมที่เล่นง่าย เล่นได้ทุกคน

Dragon Ball Z Kakarot02

 Dragon Ball Z Kakarot จะมาในรูปแบบเกมแนว Action RPG หากจะเทียบความใกล้เคียงของภาคที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็คงจะเป็นภาค Xenoverse นั่นเองครับ แต่ตัวกราฟิกถูกปรับเปลี่ยนให้ดูเป็นสไตล์อนิเมะมากขึ้น เพื่อสอดคล้องกับการเล่าขานตำนาน Dragon Ball Z  การควบคุมก็เลยจะเป็นในรูปแบบควบคุมทิศทาง 360 องศา และใช้การกดปุ่มเพื่อออกคำสั่งต่างๆ สามารถใช้ท่าไม้ตายได้ด้วยการกดปุ่มคู่กัน เรียกได้ว่าเป็นการควบคุมที่ง่าย มาจับๆ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เล่นเป็นแน่นอน เอาจริงๆ มันก็พัฒนาต่อยอดมาจาก Xenoverse เลยแหละ แต่ถูกปรับแต่งให้ง่ายขึ้น แอ็คชั่นมากขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น ถ้าเล่นดีๆ แล้วจะได้ฟีลรู้สึกเหมือนในอนิเมะเลยทีเดียว

ออกสำรวจโลกดราก้อนบอลแบบ Open World

Dragon Ball Z Kakarot03

 สำหรับคนที่กลัวว่าจะได้เล่นตามเนื้อเรื่องเดิมที่ก็รู้เรื่องกันดีอยู่แล้วจะน่าเบื่อมั้ย ไม่ต้องกลัวไปครับ เพราะว่า Dragon Ball Z Kakarot นั้นจะมีความเป็น Open World ผสมอยู่ด้วยครับ ก็คือจะมีพื้นที่ต่างๆ ภายในโลกของดราก้อนบอลให้เราได้ออกสำรวจกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านของโกคูในหุบเขา บ้านของบลูม่าที่เป็นแคปซูลคอเปอเรชั่น หรือบนดาวนาเม็กต่างๆ มากมาย รอบหมู่บ้านที่ในการ์ตูนไม่เคยโผล่มาให้เราดู ซึ่งก็ทำออกมาได้เหมาะสมดี และภายในการเล่นแบบ Open World ก็จะมีสิ่งต่างๆ ให้ทำมากมายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บลูกแก้วหรือไอเทมตามฉากเพื่อเอาไว้อัพสกิลให้ตัวละครเก่งขึ้น ไม่ก็เป็นท่าเรียนใหม่ หรือวัตถุดิบที่เอาไว้ใช้ทำอาหารเพื่อเพิ่มความสามารถก่อนจะต่อสู้กับบอสยากๆ รวมปถึงพวกภารกิจเสริมต่างๆ ก็จะมีปะปนอยู่ตามฉากเช่นกันครับ ซึ่งในระหว่างที่เราสำรวจโลกอยู่ก็จะมีศัตรูเบี้ยบ้ายรายทางคอยขัดขวางอยู่ด้วย ตัวธรรมดาไม่เท่าไหร่ จะมีพวกที่เป็นออร่าสีแดงๆ ปะปนด้วย พวกนั้นจะเป็นศัตรูที่เก่งกว่าปกติมาก ต้องระวังให้ดีด้วยครับ และสุดท้ายสำหรับระบบใน Open World ก็คงจะไม่พ้นชื่อเรื่องคือการตามหา ดราก้อนบอล ในแผนที่ต่างๆ เมื่อรวบรวมครบ 7 ลูกแล้วเราก็จะสามารถขอพรได้ด้วยครับ

เสริมพลังให้ตัวละครด้วยระบบสกิลและคอมมูนิตี้

Dragon Ball Z Kakarot04

  สิ่งที่เป็น RPG Element นอกจากเรื่องของความเป็น Open World แล้ว ก็คือเรื่องของการเสริมความสามารถตัวละครในด้านต่างๆ ครับ อย่างแรกก็คือเรื่องของการอัพสกิลต่างๆ ที่จะต้องใช้ลูกแก้วสีที่เก็บมาตามแผนที่เพื่ออัพสกิลให้มีเลเวลที่สูงขึ้น รุนแรงขึ้น บางสกิลก็จะต้องเข้าสู่จุดที่เรียกว่าการฝึกฝน (ในเกมจะมีการสอนไว้) ที่จะต้องต่อสู้กับ AI ที่เป็นร่างโคลน (ในนี้จะเรียกว่าอิมเมจเทรนนิ่ง) เมื่อชนะแล้วถึงจะได้ท่าใหม่มา แม้ว่าจะมีท่าให้เรียนหลายท่าก็จริง แต่ว่าสามารถพกไปต่อสู้ได้เพียงแค่ 4 ท่าเท่านั้นครับ และนอกจากนี้ก็จะมีสิ่งที่เรียกว่า คอมมิวนิตี้ ที่จะเป็นการเก็บเหรียญโซลเอมเบลมที่ได้ตามเนื้อเรื่องหรือเควสต์ต่างๆ มาสวมใส่ตามหมวดที่แยกไว้ในกระดานคอมมิวนิตี้เพื่ออัพเลเวลในหมวดต่างๆ พอระดับดาวถึงก็จะได้รับโบนัสตามหมวดนั้นๆ ไปครับ 

Dragon Ball Z Kakarot05

 คร่าวๆ ก็จะประมาณนี้สำหรับ Dragon Ball Z Kakarot ถือว่าทำออกมาได้ใจแฟน Dragon Ball Z อย่างมากเลยหล่ะครับ แม้ว่าระบบการต่อสู้จะดูเดิมๆ ไปหน่อย แต่มันก็เป็นมิตรกับผู้เล่นทุกเพศทุกวัยที่ไม่ได้เป็นสายนี้ และสามารถดึงความเป็นอนิเมะออกมาผ่านการต่อสู้ได้ดี เพลงประกอบหรือจุดเล็กน้อยอย่างตอนเปลี่ยนช่วงที่มีเทพเจ้ามังกรขึ้นมารอบจอทำให้ผมรู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจริงๆ ยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกว่าเหมือนได้ดูอนิเมะฉบับรีเมคที่เรามีปฎิสัมพันธ์ระหว่างเล่าเรื่องได้ด้วย แต่ก็มีหลายๆ ช่วงเหมือนกันที่รู้สึกว่าเกมดูเนือยลงหน่อย อาจจะเพราะต้องการเป็นช่วงพักผ่อนจากเนื้อเรื่องหลักให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจโลกของดราก้อนบอลก็เป็นได้ครับ สรุปก็คือใครที่เป็นแฟนดราก้อนบอลไม่ควรพลาดอย่างแน่นอนจ้า

Dragon Ball Z Kakarot จากอนิเมะสู่การเล่าเรื่องแบบฉบับเกมที่ทำให้รู้สึกอายุ 14 อีกครั้ง

คะแนน 9/10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้