รีวิว Pokemon Sword and Shield การขึ้นเจน 8 ที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้น by OS

รีวิว Pokemon Sword and Shield การขึ้นเจน 8 ที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

จะเรียกว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของเหล่าเทรนเนอร์ทั่วโลกก็คงจะไม่ผิดครับสำหรับการมาของ Pokemon Sword and Shield ซึ่งเป็นภาคที่เปิดศักราชใหม่ของโปเกมอน Gen 8 ที่มาพร้อมกับกราฟิกที่ดูสวยงามขึ้นสำหรับการเป็นภาคหลัก และระบบใหม่ๆ มากมาย รวมไปถึงเรื่องของดราม่าก่อนวันวางจำหน่ายจำนวนมากที่โผล่ให้เห็นในโลกโซเชี่ยลทั้งหลาย วันนี้หลังจากที่ทีมงาน Online Station เล่นบุกป่าฝ่าดงกันมาได้ซักพัก ก็จะมารีวิวกันถึงภาคนี้ว่าในแต่ละส่วนเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ

*บางภาพอาจมีการสปอยล์เนื้อเรื่อง

Gen 8 กับกราฟิกบนเครื่อง Nintendo Switch

สิ่งที่น่าตื่นเต้นสิ่งแรกสำหรับผมเองในตอนประกาศ Pokemon Sword and Shield ก็คือเรื่องของการเปิดเจนใหม่และการลงให้กับเครื่องล่าสุดอย่าง Nintendo Switch ครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าภาคหลักของ Pokemon เองมักจะลงให้กับเครื่องพกพาเสมอมาตั้งแต่ภาค Red Green Blue จวบจนภาค USM แม้ว่าเจ้า Nintendo Switch จะสามารถเป็นเครื่องพกพาได้ก็จริง แต่เราก็สามารถต่อออกเล่นจอใหญ่ได้ ทำให้มีประสบการณ์การเล่นโปเกมอนภาคหลักจอใหญ่แบบ Official เป็นครั้งแรกก็ว่าได้

ทีนี้เรามาดูเรื่องกราฟิกกันบ้าง จากที่เห็นดราม่าก่อนหน้านี้ กราฟิกเป็นจุดหนึ่งที่แฟนๆ หลายคนไม่โอเคลากยาวไปจนถึงเรื่องอนิเมชั่นของโปเกมอนด้วย เอาเรื่องกราฟิกก่อนละกันครับ ผมเชื่อว่ามันเป็นกราฟิกที่ถูกเกลามาจากภาค Let's Go อีกทีหนึ่ง จากดูมนๆ ก็จะดูมีขอบ มีอะไรมากขึ้น สภาพอากาศและบรรยากาศทิวทัศน์ต่างๆ ทำออกมาได้ดูสวยงามมากๆ เลยทีเดียว (ผมตื่นตาแรกกับฉากที่เข้าป่าหมอกข้างหมู่บ้าน) แต่ถ้าดูดีๆ รายละเอียดต่างๆ ก็จะยังเหลี่ยมๆ หยาบๆ อยู่มาก ถ้าให้เดาก็คงเป็นเพราะเรื่องของประสิทธิภาพเครื่องที่ถ้าหากทำภาพดีกว่านี้ในมุมมองกว้างแบบนี้ Frame Rate อาจจะร่วงแบบหนักๆ จนเล่นไม่สนุกก็ได้ ส่วนตัวผมพอใจกับกราฟิกที่ออกมานะ เพราะคงไม่ได้ไปนั่งเพ่งความมนหรือจำนวนของโพลีก้อนอยู่แล้วหล่ะ ส่วนอนิเมชั่นเท่าที่ลองใช้มาจนถึงตอนนี้ ราวๆ 80% ของท่าที่ใช้ถูกเปลี่ยนเอฟเฟคต์ให้ดูสวยงามขึ้น แต่บางอันก็เพิ่มมานิดหน่อยแบบเพิ่มประกายแสงไรงี้ ดราม่าที่โผล่ออกมาว่าอนิเมชั่นไม่ดี ทำแย่ๆ ผมก็เห็นมา 1-2 ท่าเอง (แต่เรื่องนี้เราก็บ่นกันมาตั้งนานจนเริ่มชินชากันแล้วมั้ง)

กลับสู่ยิมแบทเทิลที่มีชีวิตชีวา และการมุ่งสู่แชมป์ลีคที่ตรงเกินไป

หลังจากที่ภาค Sun Moon ได้เปลี่ยนไปเป็นระบบการต่อสู้ผู้นำเกาะกันไป Pokemon Sword and Shield ได้นำระบบการต่อสู้แบบ Gym Battle กลับมาภายใต้ภูมิภาคกาลาร์ที่มีเกาะผู้ดีอังกฤษเป็นต้นแบบ ทำให้ธีมของการต่อสู้ภายในยิมครั้งนี้ถูกหยิบยกกีฬาสุดโด่งดังไปทั่วโลกอย่างฟุตบอลมาเป็นธีมครั้งนี้ครับ โดยก่อนที่เราจะได้ต่อสู้กับหัวหน้ายิม ก็จะต้องผ่านการทดสอบในรูปแบบต่างๆ ที่ระหว่างทางก็มีเทรนเนอร์ประจำยิมให้สู้ด้วยเหมือนเดิ่ม เพิ่มเติมคือการแก้ไขปริศนา ทว่าในส่วนนี้ช่วงยิมหลังๆ ดูค่อนข้างจืดลงเรื่อยๆ ไม่ต้องทดสอบใดๆ แล้ว เน้นต่อสู้ไปเรื่อยๆ ก็ถึงหัวหน้ายิมได้แล้ว ทีนี้การต่อสู้กับหัวหน้ายิมถ้าตามภาคเดิมก็จะสู้แบบเหงาๆ ตัวต่อตัว แต่ภาคนี้คือเราจะเข้าสู่สเตเดี้ยมของหัวหน้ายิม มีอัฒจันทร์ มีคนดูเป็นแผ่นกระดาษส่งเสียงเชียร์เป็นระยะ และระหว่างสู้กับหัวหน้ายิม (หรือพวกตัวละครสำคัญ) ก็จะมีการตัดฉากบทสนทนาขึ้นมาเพิ่มเติม ทำให้การต่อสู้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ด้วยความที่ว่าภาคนี้ค่อนข้างโฟกัสกับการมุ่งหน้าสู่ Champion League เป็นหลัก แม้ว่าจะมีการเล่าเรื่องตำนานเกี่ยวกับ วันแห่งความมืดมิด ผู้กล้าดาบ ผู้กล้าโล่ และภาพปริศนาที่เนินเขา แต่บางส่วนก็ดูเบาบางลงอย่างเช่น Team Yell ที่ดูไม่ได้มีบทบาทกับเนื้อเรื่องแบบสไตล์พวก Team Flare หรือพวกแก๊งค์ Rocket หรือการเดินเนื้อเรื่องที่มุ่งเน้นการเอาชนะยิมต่างๆ หรือตัวละครบางตัวที่ดูเหมือนจะสำคัญแต่ก็ดันมีบทน้อยกว่าที่คิด เป็นต้น ยังดีที่ช่วงท้ายยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับปรากฎการณ์วันแห่งความมืดมิดมาให้ตื่นเต้นช่วงหนึ่ง และเนื้อเรื่องหลังจบที่ดูเกี่ยวพันกับเรื่องนี้และ NPC ตัวใหม่เพิ่มเติม เฉลี่ยการจบเนื้อเรื่องจะอยู่ที่ราวๆ 14-20 ชั่วโมงครับผม

ระบบใหม่ Dynamax, Wide Area และการตั้งแคมป์

ภาคหลักทุกภาคของโปเกมอนมักจะมีระบบใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นทางเรื่องเกมเพลย์เพิ่มเติม หรือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้โปเกมอนที่ภาคนี้ได้ใส่ระบบ Dynamax (หรือ ไดแม็กซ์ในภาษาญี่ปุ่น) ที่จะเป็นการขยายร่างร่างโปเกมอนขนาดยักษ์ได้เป็นเวลา 3 เทิร์น นอกจาก HP จะเพิ่มขึ้นจำนวนมากแล้ว ท่าต่างๆ ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นท่าประจำธาตุหรือท่าประจำประเภท (อย่างเช่น Max Guard) และมีโปเกมอนบางตัวที่จะสามารถเปลี่ยนร่างใหญ่อีกขั้นได้ที่เรียกว่า Gigantamax (หรือ เคียวไดแม็กซ์ในภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งรูปร่างจะเปลี่ยนไปตอนขยายใหญ่ และจะมีท่าพิเศษประจำตัว 1 ท่าให้ด้วย เราสามารถเพิ่มระดับ Dynamax ได้ด้วยการกินลูกอม Dynamax Candy เพื่อเพิ่มระดับร่างใหญ่ให้มี HP มากขึ้นได้สูงสุด 10 ระดับครับ

อีกระบบใหม่ระบบหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของภาคนี้เลยก็คือ Wide Area ครับ ให้เรียกง่ายๆ ก็คือเป็นโซนกว้างที่มีอาณาเขตติดต่อกัน ภายในนี้จะมีโปเกมอนหลากหลายรูปแบบอยู่ภายในสวนนี้ให้จับ ความหลากหลายของโปเกมอนขึ้นอยู่กับฤดูของแต่ละเขตด้วย ทำให้เป็นสถานที่ที่มีโปเกมอนให้จับเยอะมาก เท่านั้นยังไม่พอในนี้จะมีเสาที่เป็น Max Raid Battle ซึ่งเป็นเสาสีแดงๆ อยู่ด้วย เป็นการต่อสู้กับโปเกมอนป่าร่าง Dynamax และ Gigantamax แบบสุ่ม โดยเราจะสามารถร่วมต่อสู้กับเพื่อนได้สูงสุด 4 คน เมื่อสู้เสร็จเราจะมีโอกาสจับโปเกมอนตัวนั้นได้ (มักจะมีค่า IV ดีกว่าที่จับตามป่าเสมอ) และได้ไอเทมที่จำเป็นในการใช้งานต่างๆ อย่างพวกสกิลต่างๆ เบอรี่ ของเอาไว้ขายร้านเอาเงิน ลูกอมเพิ่ม EXP เป็นต้น มันเป็นระบบใหม่ที่ทำให้ตัวเกมดูมีลูกเล่นมากขึ้น มีระบบเอนด์เกมมากขึ้น สามารถเล่นกับเพื่อนๆ ได้มากขึ้น แต่กลับกันมันก็กลายเป็นระบบที่สร้างความน่าเบื่อให้กับผู้เล่นบางกลุ่มเพิ่มขึ้นเพราะมันเป็นระบบที่เราต้องฟาร์มอยู่กับมัน ต้องหาท่า หาเบอรี่ หาลูกอม ฟาร์มวนอยู่กับมันเพิ่มเติมนั่นเอง

ระบบการตั้งแคมป์นี่ก็ถูกพัฒนามาจากภาค Let's Go ที่คราวนี้เราจะสามารถตั้งแคมป์ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ (ที่ไม่ใช่ในบ้าน) นอกจากเราจะสามารถเล่นกับโปเกมอนเพื่อเพิ่มความเชื่องได้แล้ว ก็ยังมีการทำอาหารเพื่อฟื้นฟู HP และทำให้โปเกมอนในแคมป์ได้รับ EXP เพิ่มขึ้นด้วย เป็นอีก 1 ลูกเล่นที่สาวๆ น่าจะชื่นชอบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

จบเกมคือเริ่มต้นสำหรับสาย Hardcore

เป็นปกติของโปเกมอนภาคหลักเลยครับหลังจากที่เราเล่นเนื้อเรื่องจบทั้งหมดแล้ว ตัวเกมจะมีคอนเท้นท์ End Game ให้เล่นอยู่บ้างถ้ามองเป็นเกมทั่วไปอาจจะดูไม่เยอะ และอาจจะดูซ้ำซากเดิมๆ กับภาคก่อนนั่นก็คือการเริ่มปั้นตัวโปเกมอนที่จะไปต่อสู้กับผู้เล่นอื่น ทั้งการหานิสัยให้ตรง การปั้น IV EV และอื่นๆ อีกมากมายในเชิงลึกที่เรียกว่าการ Breeding โดยในภาคนี้การปั้นตัวจะมีความง่ายขึ้นในความซับซ้อนที่เท่าเดิม ก็คือจะมีทุกอย่างเหมือนเดิมแหละ แต่มีปัจจัยเสริมให้ปั้นตัวง่ายขึ้นอย่างเช่น การมีไอเทมเปลี่ยนนิสัยเพิ่มเข้ามา การเช็ค IV EV ที่ง่ายขึ้น เป็นต้น เพื่อรองรับเหล่าผู้เล่นใหม่ที่คิดอยากจะลองจริงจังกับเรื่องนี้ดูบ้างให้ได้สัมผัสง่ายขึ้น แต่ก็จะมีเหล่าฮาร์ดคอร์แฟนที่ออกมาบ่นไม่พอใจกับสิ่งนี้เช่นกัน นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องการไต่หอคอยเพื่อหาแต้ม BP เอาไว้ใช้ซื้อไอเทมพิเศษท้ายเกม กับระบบ MAx Raid Battle เข้ามาอย่างที่บอกไว้ข้างต้นด้วยครับ

ระบบออนไลน์ที่ดูแย่เกินกว่าปี 2019

น่าจะเป็นเรื่องที่ผมอยากติเตียนมากที่สุดสำหรับ Pokemon Sword and Shield เลยครับ ในภาคนี้เราสามารถเล่นออนไลน์เพื่อทำการเทรด หรือ Max Raid Battle กับผู้คนทั่วโลกได้ แต่ว่ามันมีหลายเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกระบบออนไลน์มันค่อนข้างแย่อยู่มากๆ อย่างเช่น ผมอยากเทรดโปเกมอนกับเพื่อนออนไลน์ ผมไม่สามารถเลือกเพื่อนที่อยู่ใน Friend List ได้ แต่ต้องใส่รหัส 4 ตัว แล้วก็ให้เพื่อนใส่รหัส 4 ตัวเพื่อให้มันจับคู่คนที่ใส่รหัสเลข 4 ตัวเหมือนกัน ดูเหมือนจะมีโอกาสซ้ำยาก แต่ผมซ้ำแทบทุกครั้งที่เทรดกับเพื่อนเลย ทำให้เราอาจจะเทรดผิดได้ง่ายถ้าไม่ได้สื่อสารกับเพื่อนให้ดี หรือระบบการสร้างห้อง Max Raid Battle ที่เราไม่สามารถเชิญเพื่อนเข้าห้องโดยตรงได้ สามารถได้แค่ใส่พาสเวิร์ดล็อคห้อง 4 ตัวเหมือนเดิม กับเปิดห้องสุ่มใครที่อยู่ใน Wide Area เดียวกันหรือแอด Friend List กันไว้ก็จะสามารถเห็นได้ ก็ดูเหมือนจะโอเคในตอนแรกว่าก็กดตามที่มันโชว์ได้นิ แต่ตัวเกมมันไม่ค่อยจะ Refresh ตามเวลาเท่าไหร่นัก ทำให้บางทีก็มีปัญหาในการเข้าห้องเพื่อนมากๆ เลยทีเดียว ไม่รู้ว่าในอนาคตจะสามารถปรับปรุงเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหนกัน

คร่าวๆ ก็น่าจะประมาณนี้ครับสำหรับ Pokemon Sword and Shield โปเกมอนภาคใหม่ภาคแรกบนเครื่อง Nintendo Switch ที่ตัวเกมก็ยังคงความเป็นโปเกมอน เพื่อนสมัยเด็กที่เรารู้จักกันมาเป็นอย่างดี เรื่องโปเกมอนที่เหลือแค่ 400 ตัว (แต่ดูหลากหลาย) เรื่องท่าที่โดนตัดออกไปหลายท่า (แต่ก็มีเพิ่มท่าใหม่นะ) คงจะไม่พูดถึงกันเพราะเป็นเรื่องที่บางคนก็รับได้ บางคนก็รับไม่ได้ ถ้าตัดเรื่องดราม่าพวกนี้ไป ภาคนี้ก็เป็นโปเกมอนอีกภาคนึงที่สนุกมากและเปิดหูเปิดตามากขึ้นจริงๆ ครับ ใครที่เป็นแฟนโปเกมอนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจริงๆ