หลายคนอาจยังจดจำเกม Parasite Eve เกมดังสุดคลาสสิคบนเครื่อง PlayStation ที่เกมเมอร์รุ่น 20 ปลายๆ จนถึง 30 อัพ น่าจะยังจดจำเกมนี้ได้ดี สำหรับ Parasite Eve เป็นเกมที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1998 โดยอ้างอิงจากนวนิยายสยองขวัญของญี่ปุ่น โดยเกมนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงสำหรับ Squaresoft ในช่วงเวลาที่เกมนี้วางจำหน่ายเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งกล่าวได้ว่านี่คือเกมสร้างชื่อของ Squaresoft อีกเกม นอกเหนือจากซีรีส์เกมอย่าง Final Fantasy
เรื่องราวของเกมนี้เกี่ยวข้องกับ Mitochondria ที่เปรียบเสมือนโรงไฟฟ้าของเซลล์ภายในร่างกายมนุษย์ ในความเป็นจริงแล้วพวกมันคือเชื้อปรสิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคริเริ่มสร้างอารยธรรม จิตใต้สำนักของ Mitochondria เรียกตัวเองว่า ‘Eve’ มันเฝ้ารอให้มนุษย์สร้างอารยธรรมของตนเองจนถึงขีดสุดเพื่อทำการยึดครองและกลายเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาที่จะเข้าแทนที่มนุษยชาติบนโลก และ Eve มีความสามารถพิเศษที่จะทำให้มนุษย์ธรรมดาทั่วไปติดไฟหรือกลายเป็นของเหลวไปได้ ยังไม่รวมถึงการทำให้สัตว์อื่นๆ กลายพันธุ์ได้อีกด้วย
แต่โชคยังดี ที่เรายังมีตัวเอกของเกมอย่าง Aya Brea ตำรวจสาวผมทองคนสวย NYPD ที่มีภูมิคุ้มกัน Mitochondria และทำให้เธอกลายเป็นความหวังเดียวของมนุษยชาติในต่อสู้กับ Eve ที่กำลังวางแผนยึดครองโลกและทำลายมนุษยชาติให้สูญสิ้นไปจากโลกนี้ และทั้งหมดคือเรื่องย่อของเกมนี้ ที่หากใครเล่นจบไปแล้วคงรู้ว่าผลลัพธ์ของเรื่องราวจะออกมาเช่นไร ส่วนใครที่ยังไม่ได้เล่น ก็…ลองหามาเล่นกันดูครับ (ฮ่า….)
สำหรับ Gameplay ของเกม Parasite Eve มันเป็นรูปแบบของเกม RPG ที่ผู้เล่นจะต้องรอ Attack Meter ให้เต็มก่อน เพื่อที่เราจะโจมตีด้วยอาวุธ ใช้เวทย์มนต์หรือใช้ไอเท็มได้ ระหว่างรอในมิเตอร์เต็ม คุณจำเป็นต้องวิ่งวนไปรอบฉากการต่อสู้ เพื่อหลบหลีกจากโจมตีจากมอนสเตอร์ มันเป็นรูปแบบ Gameplay ที่มีกลิ่นอายทั้งเกม Action และ RPG ผสมรวมกัน
Parasite Eve เป็นเกมที่ขับเคลื่อนด้วยเรื่องราว โดยตัวเกมจะแบ่งเป็นหลายบท (แต่ละบทก็คือหนึ่งวันภายในเกม) โดยเรื่องราวภายในเกมทั้งหมดจะเกิดบนเกาะแมนฮัตตัน เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ถ้าหากเราเคยไปสถานที่ไหนมาก่อน เราจะสามารถกลับไปได้ในภายหลังเพื่อสำรวจหาไอเท็ม และเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ ภายในเกมอีกด้วย โดยเกมนี้มีความยากในระดับ ‘ปานกลาง’ ที่เราสามารถเล่นจบในระยะเวลาราวๆ 8 ชั่วโมง ซึ่งหากเราเล่นจบแล้ว เราจะได้เล่นในโหมดเนื้อเรื่องใหม่ที่ถูกปลดล็อค เพื่อให้เราได้พบกับฉากจบที่สมบูรณ์ของเกม โดยในการเล่นรอบนี้เราจะมีสกิลและอาวุธที่ได้รับการอัพเกรดจากรอบที่แล้วมาใช้งานอีกด้วย
เอาเป็นว่า Parasite Eve อาจเป็นเกมเก่าที่ดูตกยุคไปแล้ว แต่เราอยากบอกว่าเกมนี้ยังคุ้มค่าต่อการนำมาเล่นใหม่ในยุคนี้แน่นอน ถึงแม้ว่ากราฟฟิคภายในเกมจะดูล้าสมัยไปแล้ว (แต่ในยุคนั้น ภาพกราฟฟิคระดับนี้จัดว่าสวยมาก โดยเฉพาะฉาก CG คือดีงามสุดๆ) การควบคุมที่ดูติดๆ ขัดๆ ที่อาจทำให้เราขัดใจอยู่บ้าง แต่ด้วยเกมเพลย์และเรื่องราวที่ยังสนุกอยู่ จึงทำให้ Parasite Eve ยังคงเป็นเกมที่ดี สำหรับเกมเมอร์ที่คิดถึงอดีตเมื่อวันวาน
แปลโดย : Beer_Barbaro
Link ต้นฉบับ : http://retrosensei.com/2017/12/review-parasite-eve