รู้จักกับ Bushido Blade สุดยอดเกมดวลดาบบน PS1 ด้วยวิถีบูชิโด

ท่ามกลางเกมไฟท์ติ้งตามท้องตลาดที่มีให้เห็นในยุค 90 ก็จะหนีไม่พ้นเกมต่อสู้ที่ต้องรัวคอมโบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย สะสมเกจพลัง ก่อนจะจบด้วยท่าไม้ตายสวยๆ แต่ก็มีอยู่อีกซีรีส์นึงที่หาญกล้า ด้วยการพยายามสวนกระแส แหกสูตรของเกมไฟท์ติ้งทั่วไปในยุคนั้นอยู่ ซึ่ง Bushido Blade ก็คือเกมที่ว่านั้น ด้วยเอกลักษณ์ที่เกมเมอร์ชาวไทยที่เคยสัมผัสมาก่อนน่าจะทราบกันดี วันนี้เราจะมาพาเพื่อนๆ ย้อนรำลึกไปกับข้อมูลของเกมนี้กันครับ

การพัฒนาและความเป็นมา

– Bushido Blade เป็นผลงานการพัฒนาของสตูดิโอ Light Weight โดยมี Square (หรือ Square Enix ในปัจจุบัน) และ Sony รับหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายและทำการโปรโมทให้ ซึ่งทีมงานได้ปูคอนเซ็ปต์เริ่มต้นของการสร้างเกมนี้ไว้ว่าต้องการให้ออกมาเป็นเกมไฟท์ติ้ง ธีมซามูไร ตัดสินแพ้ชนะได้ในดาบเดียว ตามวิถีแห่งบูชิโดของซามูไร

– คำว่าบูชิโดถือกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9-12 แต่เริ่มนิยมใช้กันในยุคศักดินาของญี่ปุ่น ช่วงประมาณ ค.ศ. 1600-1878 โดยได้รับอิทธิพลด้านแนวคิดมาจากชินโตและศาสนาพุทธนิกายเซ็น ซึ่งนิยามว่าซามูไรจะต้องรักษาเกียรติของตนเอง, อยู่ในโอวาทของผู้เป็นนาย, ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และต้องยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม

– Bushido Blade วางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นในวันที่ 14 มีนาคม 1997 และสร้างสถิติเป็นเกมขายดีอันดับ 25 ประจำปีเดียวกัน ด้วยยอดขาย 388,000 ชุด ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเกมก็ยังทำยอดในสหรัฐอเมริกาได้ดีไม่แพ้กัน แถมได้รับคำชมจากสื่อตะวันตกมากมาย ถึงความแปลกใหม่ของเกมเพลย์

– เป็นเรื่องน่าเสียดายที่แม้ว่า Light Weight จะได้รับอนุมัติให้ทำ Bushido Blade 2 และวางจำหน่ายในปี 1998 แต่ยอดขายดันเละไม่เป็นท่า พร้อมกับคำวิจารณ์ของสื่อเกมหลายสำนักที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่านอกจากตัวละครที่มีให้เลือกเพิ่มขึ้นแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรใหม่เลย

เกมเพลย์

รูปแบบของเกมเพลย์ของ Bushido Blade จะเป็นแนวไฟท์ติ้งทั่วไป แต่จะมีความแตกต่างจากเกมไฟท์ติ้งซีรีส์อื่นๆ ตรงที่ไม่จำกัดเวลา และไม่มีเกจพลังชีวิตของตัวเรากับคู่ต่อสู้ปรากฏให้เห็น การโจมตีส่วนใหญ่ในแต่ละท่วงท่ามีความรุนแรงถึงตายได้ในครั้งเดียว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราโจมตีไปถูกส่วนใดของร่างกายคู่ต่อสู้ โดยระบบอาการบาดเจ็บของนี้จะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า “Body Damage System” หากเราโจมตีไปโดนส่วนแขน คู่ต่อสู้ก็จะโจมตีได้ช้าลง หรือถ้าโจมตีจนแขนทั้งสองข้างใช้การไม่ได้ คู่ต่อสู้ก็จะไม่สามารถโจมตีเราได้ และถ้าเราโจมตีไปที่ขา คู่ต่อสู้ก็จะเดินหรือวิ่งไม่ได้ ทำได้เพียงคลานเท่านั้น เป็นต้น

อาวุธภายในเกมจะมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่ ดาบปกติ (คาตานะ), ดาบยาว (โอดาจิ), ดาบยาวสไตล์ตะวันตก, เซเบอร์, ดาบยักษ์สไตล์ตะวันตก, ง้าวญี่ปุ่น, เรเปียร์ (ดาบแบบแทงสไตล์ตะวันตก) และค้อนยักษ์ ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดก็จะมีระยะโจมตีและความเร็วในการจู่โจมที่ไม่เหมือนกัน ผู้เล่นสามารถตั้งท่าโจมตีได้ 3 ระดับ คือ บน (ตีลงมา), กลาง (ตีแนวขวาง) และ ล่าง (ตีเสย) โดยทุกระดับก็จะมีการตั้งการ์ดหรือบล็อคการโจมตีที่ชนะหรือแพ้ทางกันได้

นอกจากนี้ ตัวละครในเกม Bushido Blade ภาคแรกจะมีทั้งหมด 6 คน และทั้ง 6 คนนี้ก็จะมีอาวุธที่ถนัดแตกต่างกัน โดยตัวละครที่ได้ใช้อาวุธที่ตัวเองถนัดก็จะมีท่วงท่าในการโจมตีเพิ่มขึ้นมา ขณะที่บางตัวละครก็จะมีอาวุธลับที่ใช้ขว้างปาจากระยะไกลได้ ซึ่งระหว่างที่สู้กันในแต่ละแมตช์ ผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครให้วิ่ง กระโดด หรือปีนป่ายตามฉากได้ เรียกได้ว่ามีอิสระภายในฉากสู้อย่างเต็มที่ และยังอาศัยสภาพภูมิประเทศของฉากเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการต่อสู้ได้อีกด้วย

สำหรับ Bushido Blade จะมีโหมดเนื้อเรื่อง, โหมด VS ที่เราเลือกได้ว่าจะเล่นแบบเสียบ 2 จอยเล่นด้วยกันตามปกติ หรือจะเล่นแบบแบ่งเครื่อง แบ่งทีวีกัน ด้วยสาย PlayStation Link Cable ที่ต้องเสียบเชื่อมกันระหว่างเครื่อง PS1 ของเรากับของเพื่อน ซึ่งวิธีหลังนี้จะมีข้อดีคือจอทีวีของแต่ละคนก็จะโฟกัสไปที่ตัวละครที่ตัวเองบังคับไปเลย เพราะการเล่นแบบเสียบ 2 จอยเล่นบนทีวีเครื่องเดียวกันจะมีข้อเสียคือถ้าผู้เล่นทั้งสองวิ่งไปกันคนละทาง ก็จะเกิดปัญหาตัวละครหลุดจากจอ เสียเวลาต้องวิ่งตามหากันหรืองมหาว่าตัวละครของเราไปอยู่ตรงไหนนั่นเอง ตบท้ายด้วยโหมดฝึก, โหมดมุมมองบุคคลที่ 1 และโหมด Slash ที่เราต้องพิชิตศัตรู 100 คนแบบไม่มีพัก เป็นชาเลนจ์ที่เหมาะกับผู้เล่นที่ชื่นชอบความท้าทายครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้