ในเกม Apex Legends นั้น แม้เป็น Sniper จะไม่ค่อยนิยมสักเท่าไหร่ เพราะตัวเกมที่ค่อนข้างเร็วทำให้การยิงศัตรูที่เคลื่อนที่ในระยะไกลทำได้ค่อนข้างยาก แต่ถึงอย่างนั้นปืน Sniper ก็ไม่ใช่ปืนที่แย่เสียทีเดียว เพราะเราสามารถกดศัตรูในระยะไกลได้ และสามารถติดกล้อง Scope ที่สูงกว่า x4 แตกต่างจากปืนอื่นๆ ว่าแล้วเราก็มาดูดีกว่าว่าปืน Sniper แต่ละชนิดนั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยังไง
G7 Scout
ใช้กระสุน – Light Rounds
ความเสียหายต่อนัด – 30
ความเสียหายยิงเข้าหัว – 60
ความเร็วการลั่นกระสุน – 273 RPM
จำนวนกระสุนพื้นฐาน – 10 นัด
ความเร็วการเปลี่ยนกระสุน (แบบกระสุนหมดและแบบเหลือกระสุน) – 2.6 / 2.0 วินาที
โหมดการยิง – Single Fire
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเสริมได้ – Barrel Stabiliser, Extended Light Mag, Sniper Stock, กล้องตั้งแต่ x1-x10
Pattern กระสุนในการยิงแบบ Single Fire
ข้อดี G7 Scout
ปืนนี้เป็นปืน Sniper ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองหรือยังไม่ชำนาญการยิงไกล ด้วยปืนที่ยิงได้เร็วทำให้แม้จะยิงพลาดบ้างก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสามารถ Follow Up ตามได้ทันที อีกทั้งปืนนี้ยังสามารถใช้ในการยิงระยะกลางค่อนไปทางใกล้ได้ด้วย เป็นอีกหนึ่งปืนที่ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์พอสมควร แต่โดยรวมก็จะเน้นในการยิงระยะกลาง-ไกลเสียมากกว่า
ข้อเสีย G7 Scout
แม้จะเป็นปืน Sniper แต่ความเสียหายที่ไม่สูงมากนักทำให้รู้สึกไม่แตกต่างกับปืนประเภท AR สักเท่าไหร่ และด้วยความเสียหายที่เบาที่สุดในประเภทปืน Sniper ทำให้การยิงเปิดจากระยะไกลไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากเท่าปืนอื่นๆ ในประเภทเดียวกัน เพราะหากเราเริ่มยิงศัตรู ส่วนมากเขาก็จะเริ่มวิ่งหลบทำให้ยิงยากขึ้นไปอีก แถมการยิงที่เบาและความเร็วการยิงที่ช้าก็อาจจะทำให้เรายืนยิงแลกกับปืนประเภท AR บางชนิดไม่ค่อยได้อีกด้วย
Longbow DMR
ใช้กระสุน – Heavy Rounds
ความเสียหายต่อนัด – 55
ความเสียหายยิงเข้าหัว – 110
ความเร็วการลั่นกระสุน – 86 RPM
จำนวนกระสุนพื้นฐาน – 5 นัด
ความเร็วการเปลี่ยนกระสุน (แบบกระสุนหมดและแบบเหลือกระสุน) – 3.3 / 2.1 วินาที
โหมดการยิง – Single Fire
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเสริมได้ – Barrel Stabiliser, Extended Heavy Mag, Sniper Stock, กล้องตั้งแต่ x1-x10, Hop-up Skullpiercer Rifling
Pattern กระสุนในการยิงแบบ Single Fire (ไม่แตกต่างเพราะการยิงที่ช้าทำให้ปืน Reset เข้าตำแหน่งเดิม)
ข้อดี Longbow DMR
เป็นปืน Sniper ที่ยิงแรงพอสมควร โดยสามารถยิงหัวให้ศัตรูล้มได้ภายในนัดเดียวหากไม่มีเกราะ แถมดาเมจต่อนัดก็สูงถึง 55 ทำให้การยิงเซอร์ไพรส์จะที่ไกลๆ ได้ผลลัพธ์ที่ดี หากเราสามารถยิงหัวศัตรูได้ก็แทบจะทำให้เราได้เปรียบมากขึ้นในไฟท์นั้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังเพิ่มความแรงการยิงหัวได้มากขึ้นหากติดตั้ง Skullpiercer Rifling ซึ่งจะทำให้ความเสียหายจากการยิงหัวจาก x2 เพิ่มเป็น x2.5 อีกด้วย เป็นอีกปืนที่ใครชอบ Sniper ยิงแรงๆ ต้องหามาใช้กัน
ข้อเสีย Longbow DMR
แม้จะทำความเสียหายได้รุนแรง แต่การยิงต่อนัดที่ช้า ก็อาจจะทำให้ปืนนี้เป็นปืนที่ยิงยาก โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ชำนาญ เพราะปืนจะเป็นลักษณะ High Risk High Return คือยิงโดนก็แรงจัดแต่ถ้าพลาดก็ไม่โดนแม้นิดเดียว แถมปืนนี้ยังเหมาะกับการใช้ในระยะกลางและไกลเป็นหลัก ไม่สามารถพลิกแพลงมายิงใกล้ๆ แบบ G7 Scout ได้ (นอกจากจะแม่นหัวจริงๆ) ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะไม่ใช่มันเช่นกัน
Triple Take
ใช้กระสุน – Energy Ammo
ความเสียหายต่อนัด – 23 (69)
ความเสียหายยิงเข้าหัว – 46 (138)
ความเร็วการลั่นกระสุน – 88 RPM
จำนวนกระสุนพื้นฐาน – 5 นัด
ความเร็วการเปลี่ยนกระสุน (แบบกระสุนหมดและแบบเหลือกระสุน) – 3.0 / 2.3 วินาที
โหมดการยิง – Single Fire
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเสริมได้ – Sniper Stock, กล้องตั้งแต่ x1-x10, Hop-up Precision Choke
Pattern กระสุนในการยิงแบบเล็ง ADS และแบบ Hip Fire
ข้อดี Triple Take
เป็นปืน Sniper ที่ยิงครั้งนึงออก 3 นัด (แต่นับ 1 กระสุนต่อการยิง 1 ครั้ง) ทำให้ปืนนี้เพิ่มความกว้างในการยิงกระสุนแบบแนวนอนได้ ทำให้ต้นเกมจังหวะชุลมุน สามารถใช้ปืนนี้ต่างปืน Shotgun ก็ได้เช่นกัน และด้วยการยิงของกระสุนที่กระจายออกไปทำให้ยิงโดนง่ายขึ้นในระยะไกล แต่ถ้าอยากให้กระสุนรวมกลุ่มกันก็สามารถเล็งแบบ ADS ที่กระสุนจะรวมกลุ่มกันมากขึ้น โดยเฉพาะหากหา Hop-up Precision Choke จะทำให้ชาร์ตและบีบวงกระสุนให้แคบกว่าเดิมเสมือนยิงกระสุนนัดเดียวเลยทีเดียว
ข้อเสีย Triple Take
ข้อเสีย Triple Take แม้กระสุนจะกระจายและโดนง่าย แต่ด้วยความเสียหายต่อนัดที่เบาก็ทำให้ปืนนี้เป็นปืนที่ไม่เหมาะจะยิงระยะไกลเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับ Sniper อย่าง Longbow DMR ที่จะแรงกว่า ยกเว้นหากเราเจอ Hop-up Precision Choke ที่จะทำให้เราชาร์ตยิงได้ แต่ก็จะเสียเวลาในการยิงต่อนัดเพิ่มเพื่อต้องชาร์ตให้กระสุนรวมกัน นอกจากนี้ปืนนี้ยังไม่สามารถอัพเกรดความจุกระสุนเพิ่มได้ (มีเพียง 5 นัดเท่านั้น) และด้วยเงื่อนไขในการใช้งานที่ค่อนข้างยาก ทำให้ไม่ค่อยนิยมในการนำมาเล่น Sniper แบบจริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่
Kraber .50-cal Sniper
ใช้กระสุน – พิเศษ
ความเสียหายต่อนัด – 125
ความเสียหายยิงเข้าหัว – 250
ความเร็วการลั่นกระสุน – 36 RPM
จำนวนกระสุนพื้นฐาน – 4 นัด
ความเร็วการเปลี่ยนกระสุน (แบบกระสุนหมดและแบบเหลือกระสุน) – 4 / 2.8 วินาที
โหมดการยิง – Single Fire Bolt Action
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเสริมได้ – ไม่มี
ลักษณะกล้องของปืน Kraber .50-cal Sniper (ปรับได้ระหว่าง x6 กับ x10)
ข้อดี Kraber .50-cal Sniper
เป็นปืน Sniper ที่สามารถเก็บได้จาก Carepackage ซึ่งเป็นปืนที่ยิงต่อนัดแรงที่สุดในเกม สามารถยิงหัวศัตรูให้ล้มได้ภายในนัดเดียวต่อให้มีเกราะเต็มก็ตาม หากเราสามารถเปิดศัตรูล้มได้ก่อนก็จะทำให้เพื่อนในทีมเล่นได้ง่ายขึ้น และถึงแม้จะยังไม่เข้าหัวตายในนัดเดียวก็ตาม แต่การยิงเข้าตัวก็สามารถทำให้ศัตรูต้องแอบไปเติมยาก่อนอยู่ดี เป็นปืน Sniper ที่เหมาะไว้ใช้ยิงศัตรูทีเผลอเป็นอย่างมาก
ข้อเสีย Kraber .50-cal Sniper
แม้จะมีกระสุนที่รุนแรงที่สุด แต่ก็แลกมาด้วยการยิงที่ช้าที่สุดเช่นกัน ซึ่งหากเราพลาดนัดแรกไป โอกาสที่จะยิงนัดอื่นๆ โดนตามมาหากศัตรูรู้ตัวก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง Kraber ยังใช้กระสุนพิเศษซึ่งไม่มีให้เก็บเพิ่ม และมีเพียงทั้งหมด 12 นัดเท่านั้น ทำให้เราไม่สามารถยิงปืนนี้มั่วๆ ได้เลย และโดยมากจะเก็บมาใช้ช่วงท้ายเกมจริงๆ หากเก็บช่วงกลางเกมแล้วปะทะบ่อยๆ ก็อาจจะเจอปัญหากระสุนหมดได้ง่ายๆ
สำหรับปืน Sniper นั้น ส่วนตัวผู้เขียนมักจะเลือกใช้ Longbow DMR เพราะสามารถใช้เปิดไฟท์ได้ดี ยิ่งหากยิงเข้าหัวจะทำให้ศัตรูต้องเสียเวลาเติมพลังชีวิตก่อนและจะทำให้เพื่อนร่วมทีมของเราเล่นได้ง่ายขึ้น และยังยืดหยุ่นในการทั้งเรื่องกระสุนที่สามารถโยกไปเล่นปืนอื่นๆ อย่าง M600 Spitfire หรือ Wingman ได้ แต่ถึงอย่างนั้นปืนอื่นๆ ในหมวด Sniper ก็ใช้ได้ดีในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป โดยครั้งหน้าเราจะมีพูดถึงปืน Shotgun กัน ใครสนใจอย่าลืมติดตามกันได้นะครับ
