ตอนนี้ร้านค้า Playstation ของญี่ปุ่น เริ่มออกมาประกาศแล้วว่าพวก PS Vita กำลังจะยกเลิกการผลิตในเร็วๆ นี้ ซึ่งก็นับว่าไม่น่าแปลกใจอะไรในวงการเกม ที่เครื่องรุ่นเก่าๆ จะต้องปลดระวางไปเมื่อถึงเวลาของมัน
ขณะเดียวกัน เมื่อคุณมองย้อนกลับมาที่ Nintendo Switch ที่กล่าวได้ว่ายังมีอนาคตสดใส ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเป็นเครื่องเกมลูกผสมหรือไฮบริด ที่สามารถเล่นแบบเครื่องเกมมือถือพกพา หรือจะเล่นแบบเครื่องคอนโซลต่อหน้าจอโทรทัศน์ก็ย่อมทำได้ ซึ่งนับว่านี่เป็นวิธีการที่ชาญฉลาดมากสำหรับ Nintendo ที่สามารถต่อยอดสิ่งดีๆ จากเครื่อง 3DS ของพวกเขาได้
ความจริงแล้ว ต้องไม่ลืมมอบเครดิตให้กับเครื่องคอนโซลของ Nintendo ยุคก่อนหน้า อย่าง Wii U ที่กล่าวได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกที่แท้จริง และเป็นผู้เริ่มแนวคิดเครื่องคอนโซลแนวไฮบริด ที่พยายามรวมหน้าจอโทรทัศน์กับคอนโทรลเลอร์ ซึ่งน่าเสียดาย ที่เจ้าเครื่อง Wii U กลับไม่ได้รับเครดิตเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่มันเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดนี้แท้ๆ
แล้วปัญหาของ Sony และ PS Vita มันอยู่ตรงจุดไหนกัน ทั้งที่ความจริงแล้ว Sony คือผู้บุกเบิกแนวคิดอุปกรณ์พกพา ที่สามารถเล่นเกมได้ และสามารถเชื่อมต่อกับคอนโซลขนาดใหญ่ได้ รวมถึงฟีเจอร์อย่าง Remote Play ที่เราได้สัมผัสในเครื่อง PSP และ PS3 แต่มันกลับไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร แต่กระทั่งมาถึงยุคของ PS Vita และ PS4 ที่ได้นำฟีเจอร์นี้กลับมาใช้อีกครั้ง
แต่ข้อแตกต่างของ PS Vita ก็คือ ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก Remote Play นั้นใช้งานค่อนข้างยาก เพราะบนเครื่อง PS Vita ไม่มีรูปแบบปุ่มเหมือนกับ PS4 และอินเตอร์เฟซในการเชื่อมต่อที่ดูน่าอึดอัดเกินไป ในขณะที่ Wii U ถูกกำหนดไว้แล้วว่ามันสามารถดัดแปลงเป็นเกมมือถือพกพาได้ด้วยตัวของมัน และถูกพัฒนาต่อยอดในยุคของ Nintendo Switch
แน่นอนว่ายุคสมัยของ PS Vita กำลังจะสินสุดลง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฟีเจอร์ของมันจะยังถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเกมในอนาคต และในส่วนแนวคิดเครื่องเกมลูกผสมไฮบริดแบบ Nintendo Switch อาจเป็นแรงจูงใจในการรักษาฟีเจอร์ของ PS Vita บนเครื่อง PS5 ในอนาคต
แปลโดย : Beer_Barbaro