ช่วงปลายของยุค PS1 ก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค PS2 ทางค่ายเกมใหญ่ๆ หลายค่ายก็ได้โยกการพัฒนาเกมไปเตรียมป้อนลงเครื่อง PS2 กันเกือบหมด แต่ก็ยังมีอยู่บางเกมที่พัฒนาเสร็จตามกรอบเวลาทันพอดี จึงได้ถูกนำมาลงให้กับเครื่อง PS1 เพื่อเป็นการทิ้งทวน ซึ่ง Parasite Eve II ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยภาคนี้ได้มีการเปลี่ยนเกมเพลย์จากภาคแรกไปอย่างสิ้นเชิง แถมมีการขยายสเกลของเนื้อเรื่องให้ไปเกิดยังสถานที่ใหม่ๆ ตลอดจนนำเสนอศัตรูรูปแบบใหม่ด้วยเช่นกัน รอบนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปย้อนอดีตกับเกมนี้กันสักหน่อยครับ
การพัฒนาและความเป็นมา
- ในตอนแรกทาง Squaresoft มีความตั้งใจที่จะสร้างเกมนี้ให้เป็นภาคสปินออฟ และให้ไคล์เป็นตัวละครหลัก ซึ่งนั่นก็คือสาเหตุหลักที่ทีมพัฒนาจงใจเปลี่ยนแนวเกมและเกมเพลย์เป็นอย่างที่เห็น เพื่อให้ตัวเกมดูคล้ายเกมแนว Survival Horror อย่าง Resident Evil แต่สุดท้ายก็มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ให้เกมนี้เป็นภาคต่อของ Parasite Eve ไปเลย พร้อมกับนำอายะกลับมาเป็นตัวละครหลักอีกครั้ง ส่วนไคล์ก็ลดบทบาทให้เป็นเพียงตัวละครเสริมแทน ในขณะที่ศิลปินผู้ออกแบบอายะใน Parasite Eve II ก็เปลี่ยนจากเท็ตสึยะ โนมุระเป็นคนอื่น ทว่าระหว่างที่เกมยังพัฒนาไปได้แค่ครึ่งทาง ศิลปินคนนั้นก็ดันขอถอนตัวไปเสียก่อน คุณโนมุระก็เลยโดนเรียกกลับมาดูแลตัวละครอายะตามเดิม
- Parasite Eve II นั้นเริ่มวางจำหน่ายในญี่ปุ่นมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2542 และทำยอดขายภายในปีดังกล่าวไปได้ 220,000 ชุด แต่กว่าจะทำยอดขายทะลุ 1 ล้านชุดได้ก็ปาเข้าไปเดือนกุมภาพันธ์ 2547 นู่นเลยครับ โดยแบ่งเป็นยอด 430,000 ชุดในญี่ปุ่น และ 670,000 ชุดในภูมิภาคอื่นๆ รวมกัน ซึ่งนอกจากปัจจัยด้านคะแนนของเกมนี้ที่ออกมาไม่ค่อยดีแล้ว ก็มีการประเมินอีกแง่มุมว่าตัวเกมได้วางจำหน่ายในช่วงปลายเจน PS1 จึงน่าจะเป็นอีกสาเหตุที่ยอดขายของเกม Parasite Eve II ต้องลุ้นกันเหนื่อยถึง 5 ปีกว่าจะทะลุ 1 ล้านชุดได้
- แม้ว่าภาคนี้จะโดนบรรดานักวิจารณ์ทั้งในญี่ปุ่นและตะวันตกสับแหลกเรื่องการเคลื่อนไหวของอายะที่ค่อนข้างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับเกมอื่นที่เป็นสไตล์คล้ายๆ กันอย่าง Resident Evil ภาค 1-3 แต่ขณะเดียวกัน นักวิจารณ์จากฝั่งตะวันตกบางส่วนยังมองว่าระบบการแบ่งท่าของอายะเป็นธาตุต่างๆ และมีการอัพเกรดท่าเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์ใช้ได้ และหากระบบนี้ถูกนำไปผสมผสานกับการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวกว่านี้ เกม Parasite Eve II อาจจะเป็น 1 ในเกมที่น่าจับตามองในช่วงท้ายเจน PS1 ด้วยซ้ำไป
พล็อตเรื่องและเกมเพลย์
- เรื่องราวของ Parasite Eve II จะเป็นเหตุการณ์ต่อจากภาคแรกอยู่หลายปี เมื่อ อายะ นางเอกสาวสวยของซีรีส์นี้ได้ผันตัวเองจากตำรวจนิวยอร์คมาเป็นเจ้าหน้าที่ FBI และสังกัดหน่วยพิเศษที่มีชื่อว่า MIST โดยเธอได้รับแจ้งเหตุร้ายว่ามีสัตว์ประหลาดบุกทำร้ายผู้คนบนอาโคโพลิสที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอสแองเจลิสอยู่ เธอจึงต้องบุกเข้าไประงับเหตุ พร้อมกับสืบหาต้นตอของการเกิดสัตว์ประหลาดดังกล่าวว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องราวนี้กันแน่
- ระบบที่เป็นเอกลักษณ์ของภาค 2 ก็คือ Parasite Energy (PE) ที่มีการพัฒนาจากภาคแรกไปมาก โดยแต่เดิมในภาคแรกนั้นอายะจะได้ท่าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาเมื่อมีเลเวลสูงขึ้น ทว่าในภาค 2 จะมีการแบ่งท่า PE ออกเป็นตามธาตุต่างๆ ได้แก่ ธาตุไฟและธาตุลมที่เป็นสายโจมตี และธาตุน้ำกับธาตุดินที่เป็นสายฟื้นฟูและป้องกัน ซึ่งเมื่อเก็บค่าประสบการณ์จากศัตรูมาได้มากพอ ก็จะสามารถอัพเกรดท่าเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งท่า PE จะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการลุยกับพวกศัตรูในภาคนี้มาก ยิ่งเวลาสู้กับศัตรูบางประเภทต้องมีการวางแผนใช้ควบคู่กับปืนให้ลงตัวด้วย
ความลับต่างๆ ในเกม
- ผู้อำนวยการองค์กร MIST ที่อายะสังกัดอยู่นั้นมีชื่อว่า ฮาล (Hal) ในขณะที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในแล็บทดลองช่วงท้ายเกมก็มีชื่อว่า โบว์แมน (Bowman), พูล (Poole), ฟลอยด์ (Floyd) และ แชนดร้า (Chandra) ซึ่งตัวละครที่ว่ามาทั้ง 5 คนนี้ ทางทีมพัฒนาจาก Squaresoft ล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อของตัวละครในนวนิยายและภาพยนตร์เรื่อง 2001: a Space Odyssey ที่ตีพิมพ์และออกฉายในปี 1968
- ปกติแล้วการจะนำ กันเบลด ซึ่งเป็นอาวุธลับสุดยอดของเกมนี้มาใช้ได้นั้น ผู้เล่นจะต้องเคลียร์เกมโดยจบแบบ Good Ending และได้ Rank S (เก็บค่าประสบการณ์ได้เกิน 400,001 พอยท์ขึ้นไป) แต่จะมีอีกวิธีที่ผู้เล่นจะได้กันเบลดมาใช้โดยไม่ต้องจบถึง Rank S ครับ โดยวิธีการก็คือให้ผู้เล่นเคลียร์เกมโดยได้ Rank L (เก็บค่าประสบการณ์ตลอดทั้งเกมได้ไม่เกิน 14,510 พอยท์) จากนั้นในการเล่นรอบถัดไป ผู้เล่นจะสามารถซื้อไอเทม Medicine Wheel จาก Jody ที่สำนักงาน MIST ได้ คราวนี้ให้ผู้เล่นลุยไปจนถึงบอส Number 9 ที่อยู่ใน Dryfield แล้วระหว่างที่สู้ก็ให้สวมใส่ไอเทม Medicine Wheel ด้วย เมื่อเอาชนะ Number 9 ได้แล้วมันจะดรอปกันเบลดเป็นรางวัลทันที