เรียกว่าจำนวนผู้เล่นกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อ PlayerUnknown’s Battlegrounds ได้อัพเดตแผนที่ใหม่แดนหิมะอย่าง Vikendi ไป ก็มีข่าวให้แฟนๆ เกมดีใจกันอีกครั้งเมื่อผู้เล่นจอมขี้โกงทั้งหลายที่ใช้ระบบ Radar Hacking (การค้นหาตำแหน่งศัตรูในแผนที่) ในการเอาเปรียบผู้เล่นคนอื่นๆ พากันโดนระบบป้องกันการโกงอย่าง BattleEye แบนไปเป็นจำนวนถึง 30,000 คนในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
สำหรับ BattleEye เป็นระบบป้องกันการโกงเกมที่ PUBG ใช้มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเปิดวางจำหน่ายเกมช่วงแรกๆ BattleEye สามารถตรวจจับและแบนผู้เล่นที่กระทำความผิดอย่างถาวรมาหลายต่อหลายครั้งมาแล้ว โดยในครั้งนี้ผลมาตกกับกลุ่มผู้เล่นที่ใช้ Radar Hacking ค้นหาตำแหน่งผู้เล่นอื่นๆ ในแบบเรียลไทม์ผ่านการดักข้อมูลที่ส่งกลับมาจากเซิร์ฟเวอร์ แม้ว่าจะไม่ใช่การล็อคเป้ายิงอัตโนมัติหรือโกงในแบบอื่นๆ การรู้ตำแหน่งของผู้เล่นคนอื่นก็ถือว่าเป็นการโกงที่หนักหนาพอแล้ว
นอกจากครั้งนี้การแบนจะส่งผลแก่ผู้เล่นทั่วๆ ไปแล้ว ผู้เล่น PUBG Mobile ในระดับมืออาชีพก็โดนไม่แพ้กัน เพราะผู้เล่นนามว่า Can "TEXOS" Ozedemir จากทีม Pittsburgh Knights เองก็โดนไปเขาด้วย ส่งผลให้ทีมต้นสังกัดต้องออกแถลงการว่าจะพักการแข่งขันของผู้เล่นรายนี้ลงเสียก่อนเพื่อไต่สวนผู้เล่นคนดังกล่าวว่าทำผิดจริงหรือไม่ โดยหากผิดจริงโทษอาจร้ายแรงถึงขั้นหมดสิทธิ์แข่งขันในระดับมืออาชีพในอนาคตเลยทีเดียว
นอกจากนาย TEXOS ก็ยังมีผู้เล่นระดับมืออาชีพจำนวนหนึ่งที่โดนแบนเช่นกัน อย่าง Sezk0, Cageman, PlayerJones, Papaya, Hoffmann88, Houlow, และ Kraqen ทำให้นักแข่งเหล่านี้จะต้องหยุดแข่งไปชั่วคราวเสียก่อนเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้ใช้การโกงเกมจริง หากไม่งั้นอาจต้องหมดอนาคตกับการแข่ง PUBG อย่างแน่นอน
การแบนในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ PUBG เพราะตั้งแต่กลางปี 2017 ทางต้นสังกัดอย่าง Bluehole ได้แบนผู้เล่นที่โกงเกมไปมากกว่า 13 ล้านรายแล้ว นับว่าเป็นความตั้งใจที่ดีในการกวาดล้างผู้เล่นที่กระทำผิดก่อนที่จะส่งผลร้ายแรงต่อชุนชมผู้เล่น PUBG
เครดิต: Altchar