นับตั้งแต่เกมได้ถูกเปิดตัวไปในงาน E3 2018 ที่ผ่านมา และก็มีคลิปเทรลเลอร์และภาพ Screenshot ต่างๆ ให้ได้ชมกันไปมากมาย ตลอดจนเดโมที่มีให้เล่นกันตามอีเวนท์เกม โดยเฉพาะงาน PSX 2018 ที่จัดขึ้นในประเทศไทยด้วย จนถึงตอนนี้ก็น่าจะเข้าสู่ช่วงรอเกม Resident Evil 2 วางจำหน่ายในวันที่ 25 มกราคม 2019 แล้วละครับ และด้วยโอกาสเดียวกันนี้ ทางเว็บแฟนไซต์ของ Resident Evil ที่มีชื่อว่า Biohazard France ก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่เปิดเผยจากสื่อเกมต่างประเทศหลายสำนัก ไม่ว่าจำเป็น 4Gamer, IGN Japan, Game Spark, Dengeki และ Game Watch มาให้แฟนๆ และเกมเมอร์ที่ติดตามเกม Resident Evil 2 ได้ชมกัน ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ
- ช่วงแรกของการพัฒนา ทางทีมงานอยากจะให้เกมนี้ได้วางจำหน่ายในวันฉลองครบรอบ 20 ปีของเกม Resident Evil 2 แต่สุดท้ายด้วยปัญหาเรื่องกรอบเวลาที่จำกัด ก็เลยเลื่อนมาวางจำหน่ายในรอบสัปดาห์ที่ฉลองครบรอบ 21 ปีของเกมนี้แทน (เกมนี้ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกบนเครื่อง PS1 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 1998)
- พวกศพของซอมบี้ทั้งหลายที่เราจัดการไปจะยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเกม (ปกติในเวอร์ชั่นดั้งเดิมหรือในภาคเก่าๆ เวลาเราเข้าประตูไปโผล่อีกห้องแล้วกลับมาอีกที ศพพวกมันจะหายไปหมด) ทำให้ผู้เล่นยากที่จะรู้ได้ว่าพวกมันตายจริงๆ แล้วหรือยัง นอกจากนี้ ทีมงานอยากจะสร้างความรู้สึกของการที่ซอมบี้คอยไล่ตามผู้เล่นไปยังห้องต่างๆ เพื่อให้ผู้เล่นเกิดความกลัวและกดดันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับใช้เสียงประกอบเพื่อชวนให้ผู้เล่นรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยเกิดขึ้นรอบตัวเลย และซอมบี้สามารถเข้ามาเล่นงานเขาได้ทุกเมื่อ มิหนำซ้ำ การคิดจะใช้อาวุธหรือพละกำลังกำจัดซอมบี้ให้หมดไปก็แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราจะทำได้แต่เพียงยันพวกมันเอาไว้ให้ได้นานเพียงพอกับระยะเวลาของเป้าหมายที่เราจะทำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตัวเกมจะมีตัวช่วยให้เราอย่างนึงก็คือแผ่นไม้ที่มีไว้สำหรับบล็อคหน้าต่างไม่ให้พวกซอมบี้หลุดเข้ามาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ซอมบี้ในเกมก็ยังคงมีจำนวนจำกัด ทว่าพวกมันสามารถเล็ดรอดเข้ามาในสถานีตำรวจได้เป็นระยะ และเข้ามาได้ทุกหน้าต่างที่เราไม่ได้ไปบล็อคไว้ ในการเล่นรอบแรก ทีมงานขอแนะนำว่าให้ผู้เล่นเลือกบล็อคหน้าต่างบานในจุดที่ผู้เล่นอยากจะรู้สึกปลอดภัย แล้วพอในการเล่นรอบถัดไป ค่อยไปวางแผนใหม่ แล้วเลือกบล็อคหน้าต่างบานที่เราจำเป็นต้องเดินทางผ่านบ่อยๆ พอ
- ทีมงานอยากจะชี้แจงกับทุกคนให้กระจ่างว่า Resident Evil 2 ไม่ใช่เกมแอ็กชั่น แม้ว่ามันจะมีช่วงที่เป็นบทบู๊แอ็กชั่นปะปนด้วยก็จริง แต่ทีมงานเลือกโฟกัสกับการใส่องค์ประกอบของการเป็นเกมแนวผจญภัยเข้าไปมากกว่า ถ้าผู้เล่นลุยแบบไล่ฆ่าทุกสิ่งอย่าง ในที่สุดก็จะพบว่ากระสุนหรือทรัพยากรต่างๆ จะไม่พอให้ทำเช่นนั้น ถ้าเกิดทีมงานทำให้ผู้เล่นสามารถปราบซอมบี้ลงได้ง่ายๆ หรือฆ่าศัตรูได้ทุกตัวในเกม ความกลัวของผู้เล่นที่มีต่อเกมจะหายไปกว่าครึ่ง ขณะที่ตัวเกมจะเน้นไปที่การสำรวจและปริศนาให้ขบคิด รวมถึงจะมีการทำระดับความยากที่ง่ายกว่าปกติไว้รองรับผู้เล่นที่ไม่เคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาก่อนด้วย และเกมนี้จะมีความยากกว่า Resident Evil ภาคก่อนๆ ด้วยการมีโหมดพิเศษสำหรับคนที่อยากเสพความท้าทายเพิ่มเติม โดยระดับความยากที่มีให้เลือกในเกม Resident Evil 2 เวอร์ชั่นนี้จะแตกต่างไปจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมค่อนข้างมาก ตลอดจนเปลี่ยนโฉมของเกมเพื่อเอาใจผู้เล่นหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน
- ก่อนหน้านี้ทีมงานได้เคยลองทดสอบตัวเกมกับมุมกล้องหลายๆ แบบไว้แล้ว ได้แก่ มุมมองกล้องวงจรปิด (แบบภาคดั้งเดิม), มุมมองแบบบุคคลที่ 1 (แบบภาค 7) และมุมมองผ่านหัวไหล่ (แบบภาค 4-6) และก็พบว่ามุมมองผ่านหัวไหล่เป็นมุมกล้องที่เหมาะกับ Resident Evil 2 เวอร์ชั่นนี้ที่สุดแล้ว
- หากจะเปรียบเทียบระหว่างเวอร์ชั่นรีเมคกับเวอร์ชั่นดั้งเดิม ทีมงานมองว่ามีบางจุดของเกมเวอร์ชั่นรีเมคที่พัฒนาได้ง่ายกว่า เพราะว่ามีต้นแบบจากเวอร์ชั้นดั้งเดิมมาแล้ว เหลือเพียงแค่เนรมิตใหม่ให้มันดูดีขึ้น แต่ก็จะมีอยู่บางจุดที่ทีมงานดูแล้วเลือกที่จะไม่ไปทำอะไรกับมันมากนัก โดยที่พยายามคำนึงถึงการสร้างความรู้สึกเก่าๆ เมื่อครั้งเวอร์ชั่นดั้งเดิมมานำเสนอผู้เล่นในยุคปัจจุบันด้วย ซึ่งก็ต้องมีการปรับสมดุลในแต่ละส่วนของเกมให้เหมาะสมควบคู่กันไป
- ทีมงานให้ความเห็นว่าที่พวกเขาไม่ใส่ระบบ Quick Time Event หรือ QTE เข้ามาก็เพราะพวกเขามองว่ามันดูไม่น่าสนใจนัก และอยากจะใส่อย่างอื่นที่มันดูน่าสนใจกว่าเข้ามาแทน เลยทำให้เกมนี้มุ่งเน้นให้ผู้เล่นได้เล่นเกมกันแบบเต็มๆ ไม่ต้องมาคอยกดปุ่มบนหน้าจออีกต่อไป
- ตัวเกมมีระบบ Auto-aim เข้ามาช่วยสำหรับผู้เล่นมือใหม่หรือไม่ชินกับการเล็งยิง ซึ่งระบบนี้จะทำให้เป้าเล็งหันไปที่จุดอ่อนของศัตรูโดยอัตโนมัติ ผู้เล่นก็เหลือหน้าที่แค่รัวกระสุนเข้าไปเท่านั้น ปกติแล้วระบบนี้จะถูกเซ็ตเป็น Off ไว้ และสามารถเข้าไปเปิดได้ทุกเมื่อ
- ห้องซ้อมยิงปืนที่เคยมีอยู่ใน Resident Evil 1.5 (เป็นภาคที่เคยหลุดออกมาก่อนที่ Resident Evil 2 จะวางขายจริง โดยตัวเกมภาคดังกล่าวสามารถเล่นไปได้จนเกือบจบ แต่พอภาค 2 วางจำหน่ายก็พบว่ามีหลายอย่างถูกเพิ่มเข้ามาในเกมเต็ม ในขณะที่บางอย่างก็ถูกตัดออกไป และห้องซ้อมยิงปืนก็เป็น 1 ในนั้น) ได้ถูกนำกลับมาใส่ไว้ในสถานีตำรวจแร็คคูนซิตี้ของเวอร์ชั่นรีเมค และ Mr.X หรือ Tyrant ของเวอร์ชั่นนี้ก็จะสามารถไล่ตามผู้เล่นไปห้องนั้นห้องนี้ได้แล้ว ซึ่งแต่ก่อนทีมงานไม่อาจทำเช่นนั้นได้ด้วยเหตุผลด้านข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์นั่นเอง
- ทีมงานคิดว่า Capcom มีชื่อเสียงพอตัวอยู่แล้วด้านการออกแบบเสียงประกอบแจ่มๆ และอย่างในงานออกแบบเสียงประกอบของเกม Resident Evil 2 เวอร์ชั่นรีเมคนี้ ทีมที่รับผิดชอบก็ได้สร้างสรรค์เพลงต่างๆ กันแบบจัดเต็มภายในสตูดิโอของพวกเขาเอง และจะเป็นซาวด์ประกอบที่มีคุณภาพสูงแน่นอน
- การรีเมคตัวละครลีออนและแคลร์ขึ้นมาใหม่ ทีมงานต้องการที่จะทำให้เห็นภาพของสองตัวละครขณะที่ยังละอ่อนและอ่อนด้อยประสบการณ์ ก่อนจะกลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำซีรีส์นี้ ลีออนในขณะนั้นเป็นตำรวจที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานวันแรก และไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าจะเจออะไรแบบนี้ ทว่าเขายังมีความกล้าหาญ พร้อมกับจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม และมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง แต่ก็อยากจะเป็นคนดีกว่าที่เป็นอยู่ ทำให้บางครั้งเราจะได้เห็นเขาทำอะไรเกินตัวไปบ้าง ส่วนทางฝั่งของแคลร์ เธอมายังเมืองแร็คคูนซิตี้เพื่อตามหาพี่ชาย ปืนที่เธอมีติดตัวก็มีรูปลักษณ์เหมือนปืนส่วนตัวมากกว่าปืนที่ตำรวจใช้กัน แคลร์ในเวอร์ชั่นรีเมคจะมีความห่ามและมุทะลุกว่าเวอร์ชั่นดั้งเดิม แต่ก็มีด้านที่อยากจะดูแลปกป้อง และช่วยเหลือผู้คนให้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมในเมืองแร็คคูนซิตี้ให้ได้
- ในส่วนของตัวละครเชอร์รี่ ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมเธอจะดูเหมือนเด็กอายุ 6-8 ขวบ แต่จริงๆ แล้วเธอมีอายุ 12 ปี ซึ่งทางทีมงานอยากให้เชอร์รี่ในเวอร์ชั่นนี้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ และคนอื่นสามารถพึ่งพาเธอได้มากกว่าเมื่อครั้งที่เป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิม แม้ภายนอกเชอร์รี่จะดูเหมือนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเธอมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุจริงเสียอีก
- สาเหตุที่เอด้าในเวอร์ชั่นรีเมคปรากฏตัวภายใต้เสื้อโค้ทตัวใหญ่ นั่นก็เพราะว่าเธอโผล่ในชุดแดงบ่อยเกินไปหน่อย โดยเอด้าเปิดเผยกับลีออนแต่แรกเลยว่าตัวเองเป็นสายลับ แต่ก็ยังเนียนหลอกลีออนไปว่าเป็นสายลับที่มีเป้าหมายในการช่วยโลก และหยุดยั้งวิกฤตการณ์ในเมืองแร็คคูนซิตี้ ซึ่งก็แน่นอนว่าเธอยังคงปกปิดฐานะที่แท้จริงต่อลีออนอยู่ ถึงกระนั้น ชุดแดงของเอด้ามันก็เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเธอจนเกิดเป็นภาพจำในหมู่ผู้เล่นไปแล้ว และยากที่จะตัดในส่วนนี้ทิ้งไป
- กรณีของแอนเน็ตต์ (แม่ของเชอร์รี่) เธอจะดูผมเผ้ายุ่งเหยิงและเป็นผู้หญิงที่ดูไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดเท่าตอนเวอร์ชั่นดั้งเดิม ซึ่งก็สอดคล้องกับความเป็นจริงกับอุปนิสัยและพฤติกรรมของเธอที่หมกตัวอยู่แต่กับงานวิจัย จนไม่ได้แคร์กับรูปลักษณ์ของเธอสักเท่าไหร่
- Mr.X ในเกมจะคอยไปตามรังควาญทั้งเนื้อเรื่องของลีออนและแคลร์ ไม่ว่าผู้เล่นจะเลือกเล่นเนื้อเรื่องของใครก่อนก็ตาม
- โหมดที่จะมีเพิ่มเติมในเกมนั้น ทางทีมงานยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำโหมดอะไรเข้ามา ตรงนี้คาดว่าน่าจะเป็นคอนเท้นท์ที่มีเสริมหลังเกมวางจำหน่ายไปแล้ว หรือไม่แน่ก็อาจจะกำลังหารือกันอยู่
- HUNK และ Tofu สองตัวละครจากโหมดพิเศษในเวอร์ชั่นดั้งเดิมก็จะยังคงมีให้ได้เล่นกันในเวอร์ชั่นรีเมค และเป็น 1 ในส่วนสำคัญของเวอร์ชั่นนี้ด้วย
- เหตุผลที่ทีมงานเลือกใส่ชุดของตัวละครเอลซ่า วอล์คเกอร์ เข้ามาก็เป็นไอเดียของคุณฮิราบายาชิ โปรดิวเซอร์ของเกม ซึ่งเจ้าตัวชอบคาแรคเตอร์ของเอลซ่า และเดิมทีเขาก็อยากให้เธอได้มาปรากฏตัวในเวอร์ชั่นรีเมคด้วย แต่สุดท้ายก็หาที่ลงให้กับเธอไม่ได้ว่าจะให้มาโผล่ตรงไหนและอย่างไร ก็เลยล้มเลิกความคิดไป ส่วนคอสตูมของเธอก็เอามาเป็นของแถมให้เแฟนๆ เป็นที่ระลึกแทน
- ทีมงานเลือกที่จะทำเนื้อเรื่องของเวอร์ชั่นรีเมคให้ดู "ดาร์ค" และ "สมจริง" มากกว่าเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่แยกเนื้อเรื่องเป็นแบบ A-B โดยการทำเช่นนี้ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นความสมจริงในแต่ละเนื้อเรื่องได้มากขึ้น และขยายบทตัวละครได้มากกว่าเดิม
- ทีมงานเผยว่าเนื้อเรื่องส่วนท้ายสุดของเกมจะสามารถปลดล็อคมาเล่นได้ก็ต่อเมื่อเราเคลียร์เนื้อเรื่องของลีออนและแคลร์จบแล้วทั้งคู่
- ทีมงานกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้เพิ่มชนิดศัตรูเข้ามาในเวอร์ชั่นรีเมค แต่เลือกที่จะเปลี่ยนรูปแบบการปรากฏตัวและสถานที่ที่ปรากฏของศัตรูบางตัวแทน รวมถึง วิลเลียม เบอร์คิน บอสหลักของเกมก็จะกลายร่างในแบบที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นดั้งเดิม ผู้เล่นสามารถรอชมฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้ได้เลยเมื่อเกมวางขาย
- ในเวอร์ชั่นรีเมคนี้จะมีอาวุธและอุปกรณ์ใหม่ๆ ให้ใช้มากมาย เช่นเดียวกับพื้นที่ใหม่ๆ ให้เราได้ไปสำรวจ รวมถึงปริศนารูปแบบใหม่ๆ ที่ท้าทายสมองของเราเช่นกัน
- คำว่า R และ E ที่ถูกไฮไลท์สีแดงบนโลโก้ของเกม Biohazard RE:2 (เวอร์ชั่นญี่ปุ่น) มีความหมายสื่อถึงการรีเมค หรือการเอา Resident Evil 2 กลับมาทำใหม่
- ทีมงานเชื่อมั่นว่า Resident Evil 2 เวอร์ชั่นรีเมคจะประสบความสำเร็จ พร้อมกับสร้างรายได้และกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ โดยทีมงานเองก็เริ่มมองข้ามช็อตไปถึงโปรเจ็กต์ต่อไปหลังจากนี้แล้วด้วย
- ทีมงานกล่าวว่า Resident Evil 2 เวอร์ชั่นรีเมคนั้นเต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์และความทรงจำเก่าๆ เมื่อครั้งวันวาน มันจะเป็นการผจญภัยสุดระทึก มีดราม่า และบรรยากาศความน่ากลัวของเหล่าซอมบี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแฟนๆ และผู้เล่นจากทั่วโลกจะรักและชื่นชอบเกมเวอร์ชั่นนี้กัน
เครดิต: Biohazard France / Bloody-disgusting / Resetera