รอคอยกันมาอย่างยาวนานถึง 8 ปีครับสำหรับภาคต่อของอีก 1 เกมระดับเทพสรรสร้างจากค่าย Rockstar ผู้พัฒนา GTA อย่าง Red Dead Redemption ซึ่งแม้ภาคนี้จะเป็นภาคที่ 2 ทว่าไทม์ไลน์ของเรื่องราวจะเกิดขึ้นก่อนภาคแรกครับ
โดยรอยต่อ 8 ปีแห่งการพัฒนาระหว่างภาค 1 มา 2 นี่ก็นานเพียงพอจะทำให้เราเห็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดด จากชิ้นงานที่ยอดเยี่ยม สู่ชิ้นงานที่ใกล้เคียงกับการถูกนิยามว่าศิลปะชั้นสูง โดยหลังจากใช้เวลากัยมันไปหลาย 10 ชั่วโมง ก็ซึมซับรับรู้ได้โดยดุษฎีว่ามหากาพย์คาวบอยบนหลังม้าภาคต่อ Red Dead Redemption II ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น
เพียง Intro 2-3 ชั่วโมงแรกของเกมก็บ่งบอกได้ถึงอะไรหลายๆ อย่าง ความละะเมียดละไมในเกมเพลย์ที่เข้าขั้นเกินพอนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกได้ว่ามันไม่ธรรมดา นับรวมไปถึงฉากและบรรยากาศซึ่งก็ยอดเยี่ยมตามท้องเรื่องไม่หย่อนมาตรฐานของ Rockstar เอาเป็นว่าในแง่ทิวทัศน์ของโลกในเกมผมให้อยู่ Tier เดียวกับ AC: Odyssey คือดีสุดของปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ดีในความเทียบเคียงก็ยังคงแฝงความต่างเอาไว้ เพราะแม้เกมจะเป็นโอเพ่นเวิร์ลเหมือนกัน แต่จังหวะในการเล่นจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พูดขยายความให้เข้าใจง่ายๆ คือ RDR2 เป็นเกมในสไตล์ช้าครับ ช้าในระดับที่ผมซึ่งชอบ Tempo ในการเล่นของ Odyssey มากๆ รู้สึกว่ารำคาญขึ้นมาเลยทีเดียว แต่ในความอืดอาดชวนเดือดดาลนั้นก็มีเหตุผลของมัน นั่นคือความละเอียดละออที่ได้กล่าวไปข้างต้น เพราะตัวเกมจะเรียกร้องการมีส่วนร่วมจากผู้เล่น กวักมือ คว้าจับ และพาดำดิ่งสู่วิถีชีวิตของชาวประชานอกกฎหมายบนหลังม้า ที่ทุกย่างก้าวรีบร้อนแต่ไม่รีบเร่ง เชื่องช้าแต่ไม่ยืดยาด เป็นจังหวะที่ผู้เล่นจะไม่อาจจะเจอได้จากเกมไหน แม้กับงานก่อนหน้าของพวกเขาเอาอย่าง GTA V ก็ตาม
ด้วยความเฉพาะตัวนี้ทำให้สามารถบอกได้เลยว่า RDR2 ไม่ใช่เกมที่สร้างมาเพื่อทุกคนแน่ๆ แม้กับคนที่ค่อนข้างชอบภาคแรกเช่นผมยังออกอาการเหนื่อยหน่ายในบางครั้งกับการที่ต้องควบม้าไปที่ไกลแสนไกลเพื่อทำภารกิจ ก่อนต้องห้อกลับมายังจุดเดิมเพื่อจบมัน ส่งที่ผมต้องการในเกมคือ Fast Travel ซึ่งกว่าจะมีก็ต้องผ่านไประยะหนึ่ง แถมไม่ใช่ระดับเต็มรูปแบบอย่าง Odyssey ที่จุดวาร์ปจะเยอะแยะเต็มแมพไปหมด ดังนั้นแล้วถ้าใครไม่ได้อินกับคาวบอย หรือเป็นเกมเมอร์ประเภทใจร้อน หงุดหงิดกับความเอื่อยๆ ของเกม RDR2 ไม่ใช่เกมที่คุณจะสามารถเก็บไว้บันเทิงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แน่นอน
แต่ในทางกลับกันหากคุณเป็นคนที่เล่นเกมละเมียด และเก็บทุกรายละเอียด ชอบที่จะดื่มดํ่าไปกับคอนเทนต์ที่เกมมอบให้แบบไม่เร่งร้อน RDR2 คือยูโธเปียของปีนี้ที่คุณต้องลองให้ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ด้วยความละเอียดในทุกอนูเกมระดับที่ต้องขอยืมคำพี่ที่เคารพในวงการท่านหนึ่งว่า “หมกมุ่น” คุณจะได้พบกับชิ้นงานที่ก้าวไกลเกินไปกว่าคำว่าเกมครับ ทั้งระบบที่โคตรละเอียด เรื่องราวสุดเข้มข้น การเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร โลกในเกมที่จะมอบความสุนทรีย์ให้กับเกมเมอร์ใจคาวบอยเช่นคุณ
ผมอาจไม่ได้แฮปปี้กับมันสุดๆ นักตอนเล่น แต่ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่านี่คือ 1 ในเกมที่ดีที่สุดของปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
