เกมที่ทำออกมาเน้นเล่นแบบมัลติเพลยเยอร์เป็นหลัก สิ่งที่จะขาดไม่ได้เล่นก็คือผู้เล่นทั้งหลายที่จะสานต่อชีวิตให้กับตัวเกม ซึ่งในหลายๆ ครั้ง ก็มีหลายๆ เกมที่เปิดตัวออกมาได้เวลาไม่นานก็ต้องปิดตัวลงไปเนื่องจากจำนวนผู้เล่นที่น้อยจนไม่คุ้มค่าที่จะเปิดเซิฟเวอร์ต่อ เรามาดูกันดีกว่าว่าเกมเหล่านั้นมีเกมอะไรบ้าง
Titanfall 2
เกมจากค่าย EA ที่มีการพัฒนาจาก Titanfall ภาคแรกมาพอสมควร และถือได้ว่าเป็นเกมแนว Shooting ที่ดีเช่นกัน แต่ติดอย่างเดียวคือช่วงที่วางจำหน่ายเกมดันเป็นช่วงหลังจากซีรีส์ดังอย่าง Battlefield 1 แถมหลังจากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วย Call of Duty: Infinite Warfare ทำให้ยอดขายไม่เป็นดั่งที่ EA ตั้งเป้าไว้ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็ยังไม่ได้ปิดตัวลงทันทีและยังเปิดให้ผู้เล่นเข้าเล่นอยู่ในปัจจุบัน ยังถือว่าโชคดีที่มีค่ายใหญ่อุ้มชูไว้นะ
Hellgate: London
เกม MMO ในปี 2007 ซึ่งในช่วงเปิดตัวออกมาทำออกมาได้แย่พอสมควร ทั้งปัญหาการ Optimize ตัวเกมที่ไม่ดี ทั้งเกมที่กระตุกจนแครชออกจากเกม รวมไปถึง Content ที่ค่อนข้างจำเจ ยิ่งในช่วงนั้น World of Warcraft ยังเป็นเกมกระแสที่ดังอยู่ ทำให้ Hellgate: London เปิดตัวเกมได้แค่ 1 ปี เท่านั้น ก่อนที่จะปิดตัวลง
MAG
เกมแนว Shooting ที่ได้ชื่อเรื่องจำนวนผู้เล่นในแต่ละเกมที่สูงถึง 256 คน สูงกว่า Battlefield ที่ได้เพียง 64 คน แต่ตรงจุดที่เหมือนจะเป็นข้อดีกลับกลายเป็นข้อเสียซะเอง เพราะด้วยด่านที่ออกแบบมาให้ใหญ่รองรับ 256 คน แต่จำนวนผู้เล่นกลับไม่ได้เยอะเต็มจำนวนตลอดเวลา ทำให้แนวโน้มคนที่เข้ามาเล่นในห้องออกจากเกมค่อนข้างสูง และอีกปัญหาก็คือ MAG ไม่ใช่เกมฟรี ทำให้การดึงดูดผู้เล่นใหม่นั้นค่อนข้างยาก ทำให้หลังจากเปิดตัวในปี 2010 เพียงสองปี ผู้พัฒนา Zipper Interactive ก็ได้ถูกทาง Sony สั่งปิดตัวลง แต่เซิฟเวอร์ก็ยังถูกเปิดไว้จนปิดตัวในปี 2014
Kill Strain
อีกหนึ่งเกมที่พยายามจะเข้ามาในตลาดเกม MOBA ในช่วงปี 2016 แต่ข้อเสียของ Kill Strain ก็คือ Content เกมที่น้อย และเกมเพลย์ที่ชวนงง ทำให้ยอดผู้เล่นน้อยมากๆ และในเวลาเพียงแค่ 1 ปี ทาง Sony ก็ต้องประกาศปิดเซิฟเวอร์ของเกม Kill Strain ไปโดยปริยาย
Battleborn
เกมแนว Team Shooting ที่มีส่วนผสมของ MOBA ซึ่ง Battleborn ก็ถือว่าเป็นเกมที่ดีอีกหนึ่งเกม แต่หลังจากเปิดตัวได้เพียง 3 สัปดาห์ ก็เจอยักษ์ใหญ่อย่าง Blizzard ที่เปิดเกม Overwatch ทำให้ยอดผู้เล่นของ Battleborn ตกลงฮวบ แม้ภายหลังจะมาเปลี่ยนให้เป็น Free To Play ก็ไม่ทันการเสียแล้ว โดยในปัจจุบันเกม Battleborn มีผู้เล่นเฉลี่ยไม่เกิน 100 คน ต่อวัน และมีแนวโน้มจะปิดตัวลงค่อนข้างสูง
LawBreakers
เกมแนว Team Shooting ที่ตามรอยเท้าของ Battleborn มาติดๆ ด้วยกระแสของ Overwatch ในตอนนั้นทำให้ไม่มีผู้เล่นที่มากพอจะทำให้ตัวเกมเดินต่อไปได้ ซึ่งเกมนี้ก็กำลังจะปิดตัวในเร็วๆ นี้ และกำลังเปิดให้เล่นฟรีใน Steam อีกด้วย (แต่บล็อคผู้เล่นประเทศไทยนะ)
Umbrella Corps
อีกหนึ่งเกมจาก Capcom ที่พยายามจะขายชื่อของ Resident Evil มากเกินไป ซึ่ง Gameplay ที่ทำออกมาเป็นแนว Shooting ที่มีซอมบี้เป็นตัวประกอบจนขัดใจแฟนๆ ไม่พอ ตัวเกมยังมีปัญหาในด้านบัคต่างๆ อีกมากมาย จนถูกโหวตไม่แนะนำใน Steam อย่างถล่มทลาย ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้เล่นเฉลี่ยไม่ถึง 50 คนต่อวัน
Infinite Crisis
เกม MOBA ด้วยตัวละครฮีโร่จากฝั่ง DC ที่เปิดตัวในปี 2015 แต่ด้วยการเกาะกระแส MOBA ที่ในตอนนั้นก็มีเกมแนวนี้แทบจะล้นตลาด ทำให้ยอดผู้เล่นไม่ได้ดีอย่างที่คิด ก่อนที่เกม Infinite Crisis จะปิดตัวลงภายในเวลาเพียงแค่ 5 เดือน หลังจากเปิดตัวเท่านั้น
The Culling II
อีกหนึ่งเกมที่พยายามจะออกมาเกาะกระแส Battle Royale ในปีนี้ แต่ต้องเละไม่เป็นท่า ด้วยตัวเกมที่รีบปล่อยออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่เรียบร้อยดี แถมตัวเกมในภาคนี้ก็แย่เมื่อเทียบกับภาคแรกก่อน จนแฟนๆ ภาคเก่าต่างรุมด่าใน Steam อย่างถล่มทลาย จนผู้พัฒนาต้องถอดเกมออกจากร้านค้าในเวลาเพียงแค่ 8 วันเท่านั้น และคืนเงินทั้งหมดให้กับคนที่ซื้อไป
Radical Heights
สำหรับเกมยุคนี้ก็คงไม่พ้นกระแส Battle Royale จริงๆ ซึ่ง Radical Heights ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่รีบทำออกมาเพื่อเกาะกระแสนี้ แต่ด้วยความรีบทำให้เกมนั้นมีบัคกระจุยกระจาย ทำให้ผู้พัฒนาอย่าง Boss Key Productions ที่ก่อนหน้านั้นก็ผิดหวังกับ LawBreakers มาแล้ว ต้องประกาศปิดตัวลงในที่สุด (แต่เซิฟเวอร์ของเกมยังเปิดให้เล่นอยู่ ณ เวลานี้)
นี่ก็เป็น 10 เกมมัลติเพลยเยอร์ที่เจ๊งหลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน เห็นเป็นเรื่องของเกม แต่ในวงการนี้ก็โหดเอาเรื่องไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งเกมไหนที่ลงทุนเยอะๆ แต่ทำผลงานกันได้ไม่ดีนี่ถือว่าขาดทุนกันยับเลยก็ว่าได้ เรียกว่าสำคัญทั้งไทม์มิ่ง Marketing และเกมต้องดีด้วยนะ ไม่งั้นมีเจ๊งแน่นอน
Source : WatchMojo.com