ท่ามกลางแวดวงการเกม ไม่ว่าจะเป็นค่ายเกมใดก็ตาม เมื่อพัฒนาเกมออกมาแล้ว สิ่งที่ทางค่ายเกมคาดหวังมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นยอดขายครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงสถานะทางการเงินของค่ายเกมนั้นๆ เอาไว้ได้ ซึ่งก็แน่นอนละครับว่าการที่ยอดขายจะออกมาดีได้ กระแสตอบรับจากผู้เล่น รวมถึงคะแนนรีวิวจากสื่อสำนักต่างๆ ก็มีผลกับยอดขายด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยอดขายก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในสายตาค่ายเกมอยู่ดี
(ล่าง) Resident Evil 7 วางขายตั้งแต่ต้นปี 2017 จนถึงตอนนี้ก็ทำยอดขายไปได้ 5.1 ล้านชุดแล้ว
กระทั่งล่าสุดในงานแถลงสถานะทางการเงินของ Capcom ต่อบรรดาผู้ถือหุ้นที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ ทางผู้พัฒนาจาก Capcom ได้กล่าวถ้อยแถลงที่สร้างกระแสที่มากพอดู ด้วยคำกล่าวที่ว่า พวกเขามองว่าเกมที่ได้คะแนนรีวิวที่สูง สำคัญกว่าเกมที่มียอดขายสูงครับ ซึ่งในประเด็นดังกล่าว ทางคุณ Stuart Turner ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของ Capcom สาขาทวีปยุโรปก็ได้ออกมากล่าวเสริมด้วยคำพูดประมาณว่า หากเทียบระหว่าง Resident Evil 7 และ Resident Evil 6 แล้ว ทั้งสองเกมนี้กลับมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดย Resident Evil 7 ได้คะแนนรีวิวเฉลี่ยอยู่ที่ 9 คะแนน แถมเสียงตอบรับจากผู้เล่นก็อยู่ในเกณฑ์ดี ทว่ายอดขายรวมทั่วโลก ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 5.1 ล้านชุด ในขณะที่ Resident Evil 6 กลับทำยอดขายรวมทั่วโลกได้ 7.1 ล้านชุด แต่คะแนนรีวิวเฉลี่ยดันได้แค่ 6 แถมผู้เล่นจำนวนไม่น้อยก็ไม่ค่อยปลื้มกับตัวเกมเสียด้วย
(ล่าง) Resident Evil 6 ทำยอดขายตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบันไปได้ 7.1 ล้านชุด
นอกจากนี้ ทางคุณ Antoine Molant ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดภูมิภาคยุโรปของ Capcom ก็อธิบายเพิ่มเติมว่า ในระยะหลัง ทางบริษัทได้ลดการโฟกัสที่ยอดขายวันแรกลง และเน้นไปดูยอดขายในระยะยาวมากกว่า และยอดขาย Resident Evil 7 เองก็กำลังไปได้สวย แถมตอนนี้ตัวเกมก็ยังเป็นเรือธงของเกมที่สามารถเล่นควบคู่กับอุปกรณ์ VR ได้ ซึ่งนั่นก็ช่วยทำให้ยอดขายออกมาดีด้วย
จากประโยคที่กล่าวมานี้ น่าจะพออนุมานคร่าวๆ ได้ว่า ทาง Capcom เลือกที่จะแคร์กระแสที่มาจากความรู้สึกของกลุ่มผู้เล่นและผู้รีวิวเป็นหลัก ด้วยมุมมองที่ว่าถ้าคนเล่นชอบ พวกเขาก็จะไปหาซื้อมาเล่นเอง ก็เป็นได้ครับ
เครดิต: PCGamer