สัจธรรมที่ว่ามีเกิด ก็ย่อมมีดับ ยังใช้ได้เสมอไม่เว้นแม้แต่ในวงการเกมนะครับ ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาได้มีค่ายเกมหลายค่ายถือกำเนิดมา แถมดูมีแวว น่าจะมีอนาคตไกลด้วยซ้ำไป แต่แล้วด้วยเหตุไม่คาดฝัน ที่อาจจะมาจากยอดขายเกมที่ไม่เป็นใจ หรือประสบภาวะขาดทุนยับจนไม่สามารถประคองตัวต่อไปได้ จึงทำให้ต้องปิดตัวไปอย่างน่าเสียดาย โดยในบทความนี้ทีมงาน OS ขอเสนอ 7 ค่ายผู้พัฒนาเกมคอนโซลและพีซี ที่ต้องปิดตัวไปแบบสุดเศร้าให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ
1. Silicon Knights
ผลงานเด่นที่สุด - Eternal Darkness: Sanity's Requiem
Silicon Knights เป็นทีมพัฒนาเกมจากแคนาดาที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1992 โดยระหว่างที่ค่ายนี้ดำเนินกิจการก็ได้พัฒนาเกมไปรวมทั้งสิ้นแค่ 8 เกมเท่านั้น ซึ่งช่วงเริ่มแรก ทางค่ายได้เน้นทำเกมลง PC เป็นหลัก ก่อนจะโยกมาทำเกมลงเครื่องคอนโซลเต็มตัวก็คือเกม Eternal Darkness: Sanity's Requiem ที่เป็นแนวแอ็กชั่นกึ่งสยองขวัญลงบนเครื่อง GameCube ที่มี Nintendo เป็นผู้ออกทุนพัฒนาให้ และมันก็ดังจนเป็นที่จดจำในหมู่เกมเมอร์ที่เคยสัมผัสเครื่องเกมทรงลูกบาศก์ (ถึงแม้ยอดขายจะสวนทางกับคำวิจารณ์ไปไกลสุดกู่ก็ตามที)
น่าเสียดายที่หลังจาก Eternal Darkness: Sanity's Requiem ออกสู่ตลาดแล้ว เกมอื่นๆ ที่คลานตามกันมาด้วยฝีมือของค่ายนี้ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อีกเลย จะมีเต็มที่ก็คือ Metal Gear Solid: The Twin Snake ที่เป็นการรีเมค Metal Gear Solid ภาคแรกลงเครื่อง GameCube แต่นั่นก็เป็นการนำเกมของคนอื่นมาทำใหม่อยู่ดี สุดท้ายค่ายนี้ก็ต้องมีอันต้องถูกฟ้องล้มละลายและปิดตัวไปในปี 2014 ครับ
2. Team Bondi
ผลงานเด่นที่สุด - L.A. Noire
Team Bondi (อ่านว่า ทีม-บอนได) เป็นทีมพัฒนาจากออสเตรเลียที่โคตรจะอาภัพครับ นั่นเป็นเพราะว่าตั้งแต่ค่ายนี้ถูกก่อตั้งมาในปี 2003 พี่แกได้ทำออกมาเพียงเกมเดียวคือ L.A. Noire ที่เป็นแนวโอเพ่นเวิลด์สไตล์สืบสวนสอบสวน แถมมีการนำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่าง Motion Capture มาใช้ในการกำหนดสีหน้าและบุคลิกของตัวละครให้ดูสมจริง โดยมี Rockstar Games เป็นผู้จัดจำหน่ายให้ แต่กว่าตัวเกมจะออกวางขายได้ก็ปาเข้าไปถึงปี 2011 นู่นเลย และก็สร้างปรากฏการณ์ให้เป็นที่ฮือฮาในช่วงนั้นอยู่พักนึง ทว่าเกมก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จชนิดหวือหวาอะไรนัก ก่อนจะปิดตัวไปแบบเงียบๆ หลังจากที่เกม L.A. Noire วางจำหน่ายไปเพียงแค่ไม่กี่เดือนด้วยซ้ำ โลกเรานี้ช่างโหดร้ายจุงเบย
3. United Front Games
ผลงานเด่นที่สุด - Sleeping Dogs
นี่ก็เป็นอีกทีมพัฒนาจากแคนาดา แถมมีประวัติการร่วมพัฒนามาเพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น โดยผลงานที่ปังสุดๆ ของค่ายนี้ก็คงหนีไม่พ้น Sleeping Dogs เกมแนวโอเพ่นเวิลด์ที่มีกลิ่นอายคล้ายกับ GTA แต่ใช้โลเคชั่นเป็นเกาะฮ่องกงแทน ทั้งนี้ ทีม United Front Games เป็นค่ายเกมที่มีอายุค่อนข้างสั้น กล่าวคือตัวค่ายได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2007 และก็มีอันต้องปิดตัวไปในช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งการปิดตัวดังกล่าวก็ไม่ได้มีการให้เหตุผลใดๆ ว่าเป็นเพราะอะไร ทว่าเป็นที่คาดเดากันในแวดวงว่าน่าจะสืบเนื่องมาจากการประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ยังมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sleeping Dogs โดยเมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวว่าตัวเกมได้ถูกนำไปทำเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ แถมยังได้ ดอนนี่ เยน (Donnie Yen) ที่โด่งดังจากบทนำภาพยนตร์เรื่อง ยิปมัน (Ip Man) ทั้ง 3 ภาค มารับบทนำให้กับหนัง Sleeping Dogs ด้วย ซึ่งก็น่าจะการันตีความมันส์ของบทบู๊ในหนังได้มากพอดูละครับ
4. Visceral Games
ผลงานเด่นที่สุด - Dead Space
ก่อนจะมาเป็น Visceral Games ที่พัฒนาเกม Dead Space ทั้ง 3 ภาค รวมถึง Dante's Inferno และ Battlefield: Hardline นั้น ทางสตูดิโอเคยมีชื่อว่า EA Redwood Shores มาก่อน และในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ ทาง Visceral Games ก็เพิ่งได้ตัวคุณ Amy Hennig ที่เป็นผู้เขียนบทให้กับเกม Uncharted สามภาคแรก มาเป็นหัวเรือใหญ่ให้กับค่ายด้วย แถมยังมีโปรเจ็กต์จะทำเกม Star Wars ภาคใหม่อีกเช่นกัน แต่เหมือนว่าโปรเจ็กต์นี้ก็ไม่อาจไปถึงฝั่งฝัน หลังจากที่โครงการถูกยกเลิกโดย EA ที่เป็นบริษัทแม่ พร้อมกับที่คุณ Amy ประกาศแยกทางกับ Visceral Games กลายเป็นว่าสตูดิโอเลยแพแตก บุคลากรแต่ละคนก็กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง บ้างก็โยกไปอยู่สตูดิโออื่นของ EA บ้างก็ย้ายไปอยู่ค่ายอื่นเลย
5. Lionhead Studios
ผลงานเด่นที่สุด - ซีรีส์ Fable
เดิมที Lionhead Studios เคยสร้างชื่อกับผลงานพัฒนาเกม Black and White กระทั่งมาดังเป็นพลุแตกกับเกม Fable ภาคแรกเมื่อปี 2004 ต่อมาในอีก 2 ปีให้หลัง ทางสตูดิโอก็ถูกเทคโอเวอร์โดย Microsoft และก็ได้ออกภาคต่อของ Fable ตามมาอีกประปราย แต่ไปสะดุดอย่างจังก็ตอน Fable III ที่ทำออกมาได้น่าผิดหวังมากจน 1 ในผู้ก่อตั้งสตูดิโออย่างคุณ Peter Molyneux ต้องออกจากค่ายไป ทีนี้ พอไม่เหลือใครกุมบังเหียนให้กับสตูดิโอ ทาง Microsoft เลยขอให้ทีมผู้พัฒนาที่ยังเหลืออยู่ในค่ายลองทำเกม Fable ที่เน้นการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ลงบน Xbox One ดู ทว่าทางผู้พัฒนากับบรรดาผู้เล่นในเซิร์ฟเวอร์กลับไม่ค่อยอยากให้ความสนใจกับภาคที่มีดีกรีเพียงแค่ "สปินออฟ" สักเท่าไหร่ สุดท้าย Microsoft ก็เลยจำต้องยกเลิกโครงการพัฒนา Fable ภาคดังกล่าวเสีย พร้อมกับยุบสตูดิโอ Lionhead ไปโดยปริยาย