6 เหตุผล ทำไม Fortnite Battle Royale ถึงเริ่มมีกระแสดีกว่า PUBG

     ในปีก่อนหากจะพูดถึงเกมสไตล์ Battle Royale ใครๆ ก็ต้องนึกถึงเกม PUBG แต่มาปีนี้ อาจจะต้องถามกันอีกทีว่าพูดถึงเกมไหน เพราะมีเกมสไตล์ Battle Royale ผุดออกมามากมายให้ได้เล่นกัน และหนึ่งในนั้นที่สามารถตีตลาดและได้กระแสตอบรับดีนั่นก็คือ Fortnite นั่นเอง ถึงแม้จะเป็นเกมที่ออกมาในภายหลัง (ในโหมด Battle Royale) แต่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งเกม Battle Royale กระแสหลักไปจนได้ เรามาดูกันดีกว่าว่าเหตุผลที่ทำให้เกม Fortnite มีกระแสดีกว่า PUBG (หากเทียบจากกระแสคนดูใน Twitch) นั้นเพราะอะไรบ้าง


เป็นเกมฟรี

     ปฏิเสธไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนๆ เกมฟรีก็จะได้ฐานผู้เล่นที่มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความเข้าถึงง่ายเหมือนได้ทดลองของฟรีที่ใครๆ ก็มีสิทธิ์ทดลอง หากเปรียบไปในสมัยยุค MOBA อาจจะเทียบได้กับ LoL กับ HoN แรกๆ ซึ่งทาง LoL ได้เปิดฟรีตั้งแต่ต้น แต่ทาง HoN นั้นจะต้องซื้อเกมถึงเล่นได้ จนภายหลัง HoN ก็มาเปิดให้เล่นฟรีเช่นเดียวกัน ซึ่งคล้ายคลึงกับ Fortnite และ PUBG 


ประสิทธิภาพของเกมที่ดีกว่า

     ในเรื่องของประสิทธิภาพตัวเกม ก็ไม่ใช่ว่าเพราะทาง Fortnite ทำดีทะลุมาตราฐาน แต่ต้องโทษทาง PUBG ที่ไม่สามารถ Optimize เกมให้ดีได้เสียมากกว่า ซึ่งปัญหาของเกม PUBG ที่นอกจากจะต้องใช้ Spec คอมพิวเตอร์สูง เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี ตัวเกมยังมีบัคที่ค่อนข้างเยอะและแก้ไม่ตก อีกทั้งในหลายๆ การออกแพตช์ใหญ่ ก็มักจะมีปัญหาเสมอจนต้องออกแพตช์แก้แทบจะทุกครั้ง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็ทำให้เหล่าผู้เล่น PUBG ดั้งเดิมเกิดอาการเบื่อหน่ายตัวเกมไปอย่างน่าเสียดาย ยิ่งรวมกับความเป็นเกมฟรีของ Fortnite เท่ากับว่าผู้เล่นจะได้เล่นเกมฟรีที่ทำได้ดีกว่าเกมเสียเงิน ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนจะเทใจไปฝั่งไหน รวมไปถึงปัญหาโปรแกรมโกงใน PUBG ที่แก้ไม่ได้จนเป็นปัญหาเรื้อรัง แถมตัวเกมก็ถูกเจาะง่ายจนเจอโปรแกรมแปลกๆ เพียบ (รถเรือบินได้ ปั้มยาไว วิ่งเร็ว คนบินได้ เป็นต้น)


รูปแบบเกมที่เข้าใจง่าย

     รูปแบบการเล่นของ Fortnite จะเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่มากกว่า (หากตัดเรื่องการสร้างออกไป) เพราะปืนเมื่อเก็บมาเล่นก็ใช้ได้ทันที มีสีเป็นการบ่งบอกระดับของอาวุธนั้นๆ ต่างจาก PUBG ที่เมื่อเก็บปืนมาแล้ว ยังต้องมาติด Mod ที่มีเยอะแยะมากมาย และชวนงงกับผู้เล่นใหม่เสียมากกว่า รวมไปถึงการเก็บของที่ Fortnite ใช้ระบบช่องเก็บเป็นจำนวนชิ้นที่เห็นแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก ต่างกับ PUBG ที่ผู้เล่นจะต้องหากเป้ หรือใส่ชุดเกราะให้มีช่องเก็บของเพิ่ม ถึงจะเพิ่มความจุในการเก็บของได้ แต่ถึงอย่างนั้น Fortnite ก็ยังเป็นเกมที่เรียกได้ว่า “Easy to play but Hard to master” ด้วยระบบการสร้างที่ต้องฝึกฝนพอสมควรถึงจะเก่งได้


ความตึงเครียดที่น้อยกว่า

     ด้วยความ Fantasy ของเกม รวมไปถึงรูปแบบของเกม ทำให้ Fortnite มีการเล่นที่ตึงเครียดน้อยกว่า PUBG และเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายเด็กๆ เล่นมากขึ้น (รวมไปถึงการเป็นเกมฟรี) ต่างกับ PUBG ที่หากเทียบโทนของเกมจริงๆ จะออกแนวสมจริงและมีความจริงจังมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเลือก Position ในการเล่นที่จำเป็นอย่างมาก แต่ใน Fortnite เราสามารถสร้างกำแพงมาบังได้ทุกเมื่อ ทำให้มีอิสระในการเล่นค่อนข้างสูง อีกทั้ง Emote การเต้นในเกม Fortnite ที่ยิ่งทำให้เกมมีความเครียดน้อยลง เล่นได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้เกิดกระแส Viral Fortnite Dance เป็นคลิปกันทั่วโลก

Fortnite Dance Challenge ที่ช่วยสร้างกระแส Viral เป็นอย่างมาก


Event ที่ดูน่าสนใจกว่า

     ด้วยความแฟนตาซีของเกม Fortnite ทำให้สามารถมี Event ที่หลากหลายและทำให้ตัวเกมดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อุกกาบาตชนเปลี่ยนสภาพด่านบางจุด หรือจะเป็น Event ที่ผู้เล่นสามารถเล่นเป็น Thanos แถมล่าสุดยังมีจรวดที่เปิดรอยแยกของมิติในเกม Fortnite ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่เล่น แต่ใน PUBG ช่วง Event พิเศษไม่ค่อยมีอะไรมากนัก อย่างมากก็จะเป็น War Mode แต่ในส่วนนี้ก็จะเป็นการเพิ่มแผนที่ใหม่เข้ามาแทน แต่ก็ใช้เวลานานในการสร้างพอสมควร


กระแสจากคนดัง

     ไม่ต่างจาก PUBG ช่วงต้น ที่ดังได้จากการที่เหล่า Influencer ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Streamer หรือ Youtuber เล่นกันแทบจะทุกคน จนทำให้กลายเป็นกระแสดังไปทั่วโลก จนตอนนี้ก็เป็นทีของ Fortnite ก็ทำยอดคนดูใน Twitch ได้สูงกว่า PUBG แล้ว แถมหากใครติดตามก็คงจะเคยเห็นการ Live ของ Ninja ซึ่งเป็น Streamer เกม Fortnite ชื่อดัง ที่เล่นกับนักร้อง Drake จนทำยอดคนดูทะลุ 600,000 คนมาแล้ว 


     นี่ก็เป็น 6 เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เกม Fortnite มีกระแสตอบรับมากจนกลายมาเป็นคู่ปรับกับ PUBG แต่ถึงอย่างนั้นหากจะเทียบเกมใดเกมหนึ่งว่าสนุกกว่ากันคงจะเป็นเรื่องยาก เพราะถึงแม้จะเป็นเกม Battle Royale เหมือนกัน แต่สไตล์ของเกมค่อนข้างต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังที่จะเห็นได้จากกลุ่มเป้าหมายของแต่ละเกมนั้นก็ต่างกันเช่นกัน (Fortnite จะดังในโซนตะวันตกมากกว่า ซึ่งประเทศไทยก็ยังฮิต PUBG กันอยู่) แถมในปลายปีนี้ก็จะมีเกมแนว FPS ชื่อดังอย่าง Call of Duty และ Battlefield ที่จะทำโหมด Batle Royale เพิ่มมาด้วย ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากนี้ก็ต้องมาคอยดูกันว่าทิศทางของแต่ละ 2 เกมจะเป็นอย่างไร และกระแสเกมสไตล์ Battle Royale จะตกไปตอนไหน คงต้องมาดูกันนะครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้