หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทีมงานได้ลงบทสัมภาษณ์ของคุณชูเฮย์ โยชิดะ ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ PlayStation ไปแล้ว รอบนี้ทีมงาน OS ก็ขอเบิ้ลด้วยบทสัมภาษณ์ของทีมพัฒนาเกม Erica ซึ่งเป็นเกมแนว Live-action Drama กันบ้างครับ โดยตัวเกมจะมีลักษณะคล้ายๆ กับ Detroit: Become Human ในแง่ของการเล่าเรื่องและมีเส้นทางให้ผู้เล่นได้เลือกตัดสินใจหลากหลาย ทว่าจะแตกต่างกันก็ตรงที่กราฟิกของ Erica จะเป็นภาพนักแสดงจริงเหมือนการชมภาพยนตร์คนแสดงครับ ไม่ใช่การปั้นโมเดลตัวละครขึ้นมาจากนักแสดงจริงเหมือน Detroit แต่อย่างใด และเกม Erica นี้ก็เพิ่งจะมีการเปิดตัวไปในงาน Paris Game Week ของปีที่แล้ว ซึ่งก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เรามาชมบทสัมภาษณ์และบทบรรยายจากคุณแจ็ค แอททริดจ์ (Jack Attridge) ตำแหน่ง Creative Director ของสตูดิโอ Flavourworks ที่เป็นผู้พัฒนาเกมนี้กันเลยดีกว่าครับ
(ล่าง) คุณแจ็ค แอททริดจ์ ผู้กำกับของเกม Erica
- ในช่วงแรกนั้น คุณแอททริดจ์ได้เล่าถึงความเป็นมาของค่าย Flavourworks ก่อนครับว่ามีจุดเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษ และนับแต่นั้นก็พยายามสร้างเกมแนว Interactive ที่มีคุณค่าและมีความหมายในตัวเองมาตลอด ซึ่งในทีแรก ทีมงานมีกันอยู่แค่ 2 คน คอยตะลอนไปตามกรุงลอนดอนเพื่อหาเงินทุน จนกระทั่ง PlayStation ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยสนับสนุนในที่สุด
- เกมนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากความคิดที่ว่า "ทางค่ายอยากจะสร้างเกมที่ไม่มีใครสามารถทำได้ และเป็นเกมที่ผู้เล่นทั้งแบบ Gamer และ Non-gamer สามารถเล่นได้ทั้งคู่" อีกทั้งความชื่นชอบของทีมนี้ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวในวิดีโอเกม หรือการใช้วีดีโอเกมเป็นสื่อการเล่าเรื่องนั่นเอง โดยทุนต่างๆ และเวลาทั้งหมดถูกใช้ไปกับการสร้างงานภาพที่ไม่เหมือน CGI ของเกมอื่นๆ ซึ่งเป็นการผสมผสานงานภาพยนตร์เข้ากับวิดีโอเกม รวมถึงการเขียนเรื่องและการออกแบบต่างๆ
- งานภาพทั้งหมดในตัวเกมถูกถ่ายทำแบบใช้นักแสดงจริงล้วนๆ (Live-action) ไม่มีการใช้ CGI หรือโมชั่นแคปเจอร์เลย ในขณะที่มุมกล้องต่างๆ ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้เหมือนกำลังดูหนังฮอลลีวู้ดอยู่ โดยผู้เล่นจะสามารถเห็นรายละเอียดต่างๆ ภายในฉากได้เหมือนกำลังนั่งดูหนังจริงๆ แต่จะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ได้ และของหลายๆ อย่างก็จะมีความลับ มีเรื่องราวของมัน ของบางอย่างที่ผู้เล่นค้นพบระหว่างเกมก็อาจจะกลับมาช่วยหรือมีประโยชน์กับเราในภายหลังได้ ทั้งนี้ โลกภายในเกมจะเหมือนมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา ทุกการกระทำ (เช่นการเปิดประตูแรงหรือเบา) ล้วนมีผลแตกต่างกันหมด ซึ่งก็แน่นอนว่าตัวเลือกที่ต่างกันก็จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันด้วย
- วิธีการนำเสนอจะอาศัยหลักการคล้ายๆ ในหนังคือ "การไม่เผยอะไรออกมาแบบโต้งๆ" ซึ่งพอมาประยุกต์เป็นเกม ทีมงานจะพยายามถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการกระทำต่างๆ แทนการบอกออกมาเป็นคำๆ อย่างเช่นการบังคับมุมกล้องหรือการใช้ทริคตัดฉากบางช็อตอาจทำให้คุณมองตัวละครตัวนึงเปลี่ยนไปได้เลย โดยเฉพาะฉากโคลสอัพใบหน้า เช่นถ้าเกิดถ่ายภาพหน้าผู้ชายคนนึงกำลังมองสิ่งหนึ่งอยู่แล้วยิ้ม แล้วกล้องตัดไปที่ภาพครอบครับสุขสันต์ครอบครัวหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ก็จะแลดูเป็นคนดี น่าคบหาขึ้นมาทันที แต่ถ้ากล้องตัดไปที่ภาพสาวใส่บิกินี่แทน ผู้ชายคนนี้ก็จะกลายเป็นคนลามกไปแทน ซึ่งทีมงานได้เอาเทคนิคนี้มาปรับใช้ในการสร้างเกมอีกที โดยคุณแอททริดจ์ได้วิธีการเหล่านี้ว่า "ภาษาของกล้อง" และทำให้พวกเขาต้องใส่ใจกับการถ่ายทำมากๆ
- ตัวเดโมที่โชว์ให้ผู้ชมดูในงานเป็นเวอร์ชั่นเก่าที่อายุมากกว่า 2 ปีแล้ว และตอนนี้ตัวเกมได้ถูกพัฒนาไปจากเดิมมาก ทั้งในด้านการเล่าเรื่องและเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงมีการหานักแสดงหน้าใหม่ๆ ตลอดจนฉากใหม่ๆ ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำทั้งหมดประมาณ 8 สัปดาห์ แต่ประสบการณ์ที่จะได้รับจะเหมือนกับเกมที่ใช้เวลาในการสร้างถึง 3 ปีเลย
- ไม่ว่าผู้เล่นจะเลือกเส้นทางไหนภายในเกม เราจะได้พบกับมุมมองใหม่ๆ ของตัวละครที่อาจเปลี่ยนความรู้สึกที่คุณมีต่อตัวละครนั้นๆ ไปได้เลย ดังนั้น เมื่อเล่นไปถึงฉากจบ การตัดสินใจเลือกเส้นทางในตอนท้ายของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นคนนั้นจะเจออะไรมาบ้าง และจะมองตัวละครนั้นอย่างไร เพราะการพลาดบางสิ่งบางอย่างไปจะส่งผลต่อความนึกคิดของผู้เล่นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสำหรับฉากเพียงฉากเดียว ทีมงานอาจต้องถ่ายทำฉากนั้นซ้ำถึง 3 รอบเพื่อให้ครอบคลุมทุกเส้นทางที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากใครที่ชอบเล่นเกมแนว Interactive จากค่าย Quantic Dream (ที่ทำเกม Detroit: Become Human) หรือ Telltale (ที่ทำเกม The Walking Dead หรือ The Wolf Among Us) ก็น่าจะต้องชอบเกมนี้อย่างแน่นอน
- ทางด้านเอนจิ้นที่ใช้ในเกมจะเป็นเอนจิ้นที่ทีมงานสร้างขึ้นมาเองกับมือ ซึ่งคุณแอททริดจ์นั้นไม่ได้ร่ำเรียนด้านการพัฒนาเกมมา หากแต่เรียนด้านการถ่ายทำภาพยนตร์ครับ ดังนั้นเขาจึงอยากจะนำประสบการณ์และความรู้ของเขามาผนวกเข้ากับการสร้างเกม ซึ่งจะทำให้เกมที่เขาสร้างขึ้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และในขั้นตอนการสร้างเกม ทางทีมพัฒนาไม่ได้อยากจะให้เกมของเขามีความท้าทายหรือความยากจนเกินไป โดยพวกเขาอยากจะเน้นไปที่การสื่ออารมณ์ของตัวเกมที่มีต่อผู้เล่นมากกว่า และต้องการให้ผู้เล่นได้มีสมาธิกับการคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัว Erica ที่เป็นนางเอกของเกม ดังนั้นถ้าเป็นฉากที่ตัว Erica อยู่คนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ถ้าต้องเข้าฉากร่วมกับตัวละครตัวอื่น เวลาสำหรับการมีปฏิสัมพันธ์หรือเลือกคำตอบก็อาจจะมีข้อจำกัดบ้าง เพราะมันก็เหมือนกับการเข้าสังคมในโลกจริง แต่พวกเขาก็ไม่ได้บีบคั้นให้ผู้เล่นต้องเลือกเร็วๆ กดปุ่มรัวๆ เกมนี้จะไม่มีเรื่องของแพ้ชนะหรือการเก็บคะแนนแข่งกัน แต่จะเป็นเรื่องของการบอกเล่าเรื่องราวผ่านเกมล้วนๆ เลย
- ประเด็นของนักแสดงที่มาแสดงให้กับเกมนี้ ทีมงานจะไม่ใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียง เพราะเขาไม่อยากให้ชื่อเสียงตรงนั้นมาบดบังตัวตนของตัวละครพวกเขา หากแต่อยากให้ผู้เล่นได้รู้สึกร่วมไปกับตัวละคร ได้เป็นห่วงตัวละคร โดยเฉพาะ Erica ซึ่งจริงๆ ก็เปรียบเหมือนกับให้ผู้เล่นกลายเป็นสติสัมปชัญญะของ Erica ไปเลย แม้ในบางครั้งเราอาจจะตัดสินใจแทนเธอไม่ได้ แต่เราก็จะเป็นคนที่คอยเลือกเหตุผลให้เธอได้ตัดสินใจ เหมือนคอยชี้แนะ หรือสรุปง่ายๆ คือ เราจะไม่ได้แทนตัวเราเป็น Erica แต่จะเหมือนกับได้เราคอยเดินอยู่ข้างๆ เธอ คอยมองดูเรื่องราวของเธอมากกว่าครับ
- ในฉากที่ต้องสำรวจ ตัวเกมจะมีเวลาให้เรามากกว่าเดิม และปริศนาภายในเกมก็จะไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น เพราะทีมงานไม่ต้องการให้อารมณ์ของผู้เล่นสะดุด แต่อยากให้เนื้อเรื่องของตัวเกมดำเนินไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ติดขัดและไม่น่าเบื่อมากกว่า ที่สำคัญคือพวกเขาอยากที่จะให้ตัวเกมสามารถดึงดูดผู้เล่นได้ตั้งแต่ต้นจนจบด้วย
- แม้จะใช้เวลาถ่ายทำเพียงแค่ 8 สัปดาห์ แต่ทีมงานก็ทุ่มเวลาที่เหลือให้กับการสร้างและแต่งเติมเรื่องราวของเกมให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ตรงจุดนี้คุณแอททริดจ์ได้อธิบายเปรียบเทียบกับทีม Pixars ที่คร่ำหวอดในด้านการทำภาพยนตร์แอนิเมชั่น ที่ตนเองใช้เวลาเขียนบทนานถึง 4 ปี รวมถึงเรื่องความเป็นไปของตัวเกมด้วย เช่น การวางฉากต่างๆ การวางบทสนทนา เลือกคำพูด และการทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตนสามารถควบคุมเกมของตัวเองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ ในการสร้างเกมออกมา
แค่ทีมงานออกมาเล่าคร่าวๆ ก็ทำให้รู้สึกน่าเล่นขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ลองฝากผลงานเกม Erica ไว้ให้เพื่อนๆ เกมเมอร์ชาวไทยได้ลองพิจารณาในอ้อมใจอีกสักเกมดูบ้างนะครับ