เกมเมอร์หลายๆ คนที่อาจไม่ค่อยได้ติดตาม ไม่เคยได้ดูฟุตบอล หรือไม่เคยเล่นเกมเกี่ยวกับฟุตบอลนั้นก็อาจจะงงๆ กันหน่อยๆ เวลาเห็นแฟนเกม FIFA กับ PES เถียงกันเรื่องข้อดีข้อเด่นของเกมรักตัวเอง พลางในใจก็คิดไปว่า "มันต่างกันยังไงวะ?" ซึ่งก็ไม่แปลกครับ เพราะมองเผินๆ ทั้งคู่ต่างก็เป็นเกมฟุตบอลที่มีกติกาเหมือนกัน รูปแบบการเล่นเหมือนกัน ใช้ตัวผู้เล่น 11 คนเท่าๆ กันในการไล่เอาบอลไปทำประตูฝั่งตรงข้าม
แต่ก็นั่นแหละครับ ในความเหมือนย่อมมีความต่าง และมันอาจจะอธิบายเป็นตัวอักษรให้เข้าใจได้ยากหน่อย เพราะเป็นฟีลลิ่งล้วนๆ แต่ก็จะพยายามนะครับ โอ้โฮแหม่~
แค่เอนจิ้นต่าง ทุกอย่างก็ต่างแล้ว
เอนจิ้นคือตัวกำหนดโครงสร้างพื้นฐานแทบทั้งหมด ดังนั้นแล้วถ้าเกมใช้เอนจิ้นที่แตกต่างกันออกไป โดยเบื้องต้นก็คือไม่เหมือนกันแล้วแม้จะเป็นเกมฟุตบอลเช่นเดียวกันก็ตาม ในกรณีของเกมฟุตบอลดังทั้ง 2 เกม ก็จะใช้เอนจิ้นคนละตัวกันครับ ทว่าก็เป็นเอนจิ้นประจำค่ายกันทั้งคู่โดย FIFA ใช้เอนจิ้นที่ชื่อว่า Frostbite ส่วน PES จะใช้ Fox Egine ครับ (ขอเทียบเฉพาะภาคหลังๆ นะ)
ในภาพรวมหากแค่มองดูในมุม Tele ของสนามยามแข่งก็อาจจะดูแยกไม่ออกอยู่ดึ เพราะต้องยอมรับว่าเอนจิ้นทั้ง 2 ตัวนั้นให้กราฟิกที่สวยงามและมีความละเอียดทั้งคู่ ต้องลงลึกกันจริงๆ ถึงจะเห็นว่าในแง่การแสดงผลเนี่ยต่างกันอย่างไร บ้างก็ว่าฝ่ายแรกให้แสงที่เที่ยงตรงและสวยกว่า ขณะที่ฝ่ายหลังมีรายละเอียดบนใบหน้านักเตะที่ดีกว่า ก็ว่ากันไป... ซึ่งเอาเข้าจริงแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่กับบางคนก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยเหมือนกัน
อย่างไรก็ดีในความต่างกันจริงๆ ก็คือการคอนโทรล การยิงบอล การใส่นํ้าหนักนิ้วระหว่างกดปุ่ม หรือจังหวะจะโคนของเกมเพลย์ที่หากได้ลองสัมผัสจริงๆ ก็จะรู้สึกถึงความต่างได้ไม่ยาก เช่นตัวผมที่รู้สึกว่า PES ไวกว่า FIFA อยู่หน่อยๆ และระบบฟิสิกส์ลูกบอลของ PES ซึ่งอาจจะโหวงๆ กว่า FIFA เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ตรงตามคอนเซ็ปต์ของเกมครับคือ PES ยังเน้นความสนุก อะไรที่เรียลๆ แล้วทำให้สนุกลดลงก็มีการตัดตรงนั้นไป ขณะที่ FIFA จะมีจังหวะช้ากว่านิดๆ แต่การเคลื่อนที่ลูกบอลจะดูมีนํ้าหนักมากกว่าดูเรียลกว่านั่นเองครับ
จะเห็นได้ว่าแค่นี้ก็เป็นความต่างที่ต้องเลือกแล้วครับ อันที่จริงหัวข้อข้างต้นก็แทบจะครอบคลุมทุกอนูแล้ว แต่ก็ยังมีบางจุดที่ขอพูดถึงเพิ่มเติมอยู่
บรรยากาศขณะเล่น และลิขสิทธิ์ทีม ข้อแตกต่างอันใหญ่โตของทั้ง 2 ค่าย
ในช่วงหลังๆ พอระบบเกมเพลย์เริ่มพัฒนามาจนไม่รู้จะเติมอะไรลงไปแล้ว เราจะเห็นได้ชัดว่าเกมทั้ง 2 ค่ายได้หันมาเน้นบรรยากาศในสนามระหว่างบอลเตะกันแทนครับ อย่างการเปลี่ยนกองเชียร์ให้ดูเป็นโมเดลมีโพลิกอนมากขึ้น จากเดิมที่อาจเป็นเพียงภาพ 2 มิติ นอกจากนี้ก็ยังมีรูปแบบการเชียร์เฉพาะทีม เช่นการร้องเพลง หรือท่าทางต่างๆ ทำให้มันดูเป็นฟุตบอลมากขึ้น อย่างไรก็ดีการทำในส่วนนี้ฝั่ง FIFA ค่อนข้างจะได้เปรียบอยู่หน่อยๆ เนื่องจากได้ลิขสิทธิ์ทั้งทีม ทั้งลีค และสนามที่เยอะกว่า ทำให้พวกเขาสามารถจัดเต็มบรรยากาศชนิดถอดจากของจริงมาได้เกือบทุกระเบียดนิ้ว ไม่นับรวมอินเตอร์เฟสก่อนแข่งที่ก็เอามาจากการถ่ายทอดจริงเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกจุดที่แตกต่าง ไม่ใช่ว่า PES ทำได้ไม่ดี แต่ข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ทำให้พวกเขาไม่สามารถอัดเต็มเหนี่ยวได้เท่าคู่แข่งก็เท่านั้น
แต่เรื่องสำคัญที่มีผลกระทบกับหลายๆ คนเลยก็คือลิขสิทธิ์ทีมนั่นเองครับ ในด้านของ FIFA นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะถูกต้องแทบทุกอย่าง ชื่อทีม ชื่อนักเตะ ลีคใหญ่ๆ ครบครันไม่ต้องไปแก้ไขอะไรเพิ่มเติม แต่กับ PES นั้นก็ต้องงัดวิชามารมาใช้กันนิดหนึ่ง ซึ่งหากใครอยู่สาย PES มานานก็คงชินกับสวิธีการแบบนี้อยู่แล้ว นั่นก็คือการ Mod ทีมนั่นเองครับ โดยทาง Konami ก็รู้ดีพยายามเอื้อแฟนๆ เต็มที่ด้วยการจัดเตรียมเครื่องมือปรับแต่งให้พร้อมสรรพภายในเกมนั่นเอง งานนี้เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็จะได้ PES ที่สมบูรณ์แล้ว ชื่อทีม ชื่อนักเตะ แทบไม่ผิดแผกจากอีกค่าย กระนั้นในเบื้องต้นก็ต้องยอมรับว่า FIFA ได้เปรียบในเรื่องนี้ครับ เพราะมาแบบสำเร็จรูปพร้อมเล่นได้เลย
โหมดของเกม
แม้ว่าหลายๆ คนจะชอบเล่นเกมฟุตบอลในโหมดเข้าไปเตะกับเพื่อนแบบดวลตัวต่อตัว แต่เรื่องจริงคือเราอาจทำแบบนั้นไม่ได้ตลอด ตัวเลือกการเล่นในโหมดอื่นๆ จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ อย่าง FIFA ที่นอกเหนือจากโหมดพื้นฐานก็จะมีโหมดเนื้อเรื่องที่ให้เราได้เล่นป็นตัวละคร Alex Hunter ด้วย ขณะที่โหมดออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Ultimate Team ก็ยังเป็นอีกหนึ่งหมัดเด็ดของเกม ส่วน PES ก็ได้ข่าวว่าภาคใหม่นี้ได้พัฒนาโหมดออนไลน์อย่าง myClub ให้ออกมาดีกว่าเดิม เพื่อจะสู้กับ Ultimate Team ให้สูสีขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องมารอดูกันต่อไป
จริงๆ การพูดถึงประเด็นนี้เราอาจยกเคสของเกมไฟต์ติ้งขึ้นมาเพื่อพูดแบบง่ายๆ ว่าก็เกมต่อยตีเหมือนกัน ทำไมหลายไตเติ้ลเหลือเกิน แต่ก็เข้ใจดีว่ามันไม่เหมือนขนาดนั้น และเกมฟุตบอลก็มีกฎแบบ Universal ที่ตายตัวกว่า ดังนั้นก็ต้องอธิบายกันยาวหน่อย และตรงๆ คือยังมีอีกหลายโหมดที่ไม่ได้พูดถึงครับ รวมถึงไตเติ้ลเกมฟุตบอลในยุคเก่าๆ ที่แหวกแนวยิ่งกว่าในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น Super Side Kicks ของ Neo-Geo ที่เข้าไปต่อยกรรมการได้ หรือ กัปตันซึบาสะที่มาในแนว RPG เป็นต้นครับ
เอาเป็นว่าหากอ่านจบแล้วยังไม่เห็นภาพ ก็คงต้องลองสัมผัสดูเองแล้วครับ โดยตัวเลือกตอนนี้ที่ง่ายสุดๆ ก็อาจจะลอง FIFA Online 4 ไปก่อน ถ้าแอดวานซ์ขึ้นหน่อยค่อยเก็บตังค์ถอย PES 2019 หรือ FIFA 19 ที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 28 สิงหาคมและ 28 กันยายนปีนี้ตามลำดับครับ (อ่านเพิ่มเติม FIFA 19 กับ PES 2019 ในปีที่ Winning ต้อง Loosing ยิ่งกว่าเดิม)