รีวิวเดโม God of War - เรียนรู้และก้าวไป...กับการผจญภัยครั้งใหม่ของเครโทส

แชร์เรื่องนี้:
รีวิวเดโม God of War - เรียนรู้และก้าวไป...กับการผจญภัยครั้งใหม่ของเครโทส

ผมเชื่อว่า หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวเกม God of War ครั้งแรกไปในงาน E3 ปี 2016 ที่ผ่านมา น่าจะมีคำถามคาใจหลายๆ คนเกิดขึ้น แม้กระทั่งตัวผมเอง ณ ตอนนั้นเลยว่าทำไม God of War ภาคใหม่ถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องลุคของเครโทสที่เหมือนเป็นคนละคน โลกของเกมที่ย้ายจากตำนานกรีกไปสู่ตำนานนอร์สที่มีเรื่องราวให้เล่าให้มากมายไม่แพ้กัน ตลอดจนระบบเกมและมุมกล้องที่ยกเครื่องใหม่หมด สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มันได้มลายหายไปแทบจะทันทีหลังได้ทดลองเล่นเดโม God of War ตามคำเชิญจากทาง Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง และนี่คือรีวิวถึงความรู้สึกต่างๆ จากการได้เล่นมาครับ


Facial Expression & Graphic

นี่คือสิ่งที่สัมผัสได้ตั้งแต่วินาทีแรกหลังจากเข้าสู่เดโมครับ ตลอดช่วงการสนทนาระหว่างกันของเครโทสและอเทรอุส รวมถึงความรู้สึกของเครโทสที่มีต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว ล้วนถูกแสดงออกมาผ่านสีหน้าและอากัปกิริยาได้สมจริง ภาคนี้เราจะเห็นเครโทสในคราบของความมีหัวจิตหัวใจของคนที่เป็นพ่อ เป็นมนุษย์ปุถุชนคนนึง เขาไม่ใช่แค่อดีตเทพขี้โมโห เอาแต่ทำหน้าไม่รับแขก และหมกมุ่นแต่เรื่องล้างแค้นอีกต่อไป ในแววตาของเครโทสยามที่ได้พูดคุยกับอเทรอุสจะแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและเมตตาที่เขาได้เรียนรู้จากอเทรอุสระหว่างผจญภัยไปด้วยกัน งานนี้บอกเลยว่าคุณภาพของเทคโนโลยีโมชั่นแคปเจอร์ (Motion Capture) ที่ทาง Santa Monica Studio ได้ทัดเทียมถึงระดับการทำภาพยนตร์แอนิเมชั่นชั้นนำของฮอลลีวู้ดไปแล้วก็ว่าได้ และแม้แต่ตอนที่ไม่อยู่ในฉากคัทซีน ตรงนี้ได้มีการทดลองหมุนมุมกล้องเพื่อดูด้านหน้าของเครโทสตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป ก็พบว่าการแสดงสีหน้าของเครโทสจะผันแปรไปตามสิ่งที่เผชิญอยู่ด้วยครับ ตอนเดินทางก็จะทำหน้าตาปกติ อาจจะมีเลิกคิ้วหรือเหล่มองบ้างเวลาลูกชายพูดอะไรที่ไปสะกิดอารมณ์เครโทสเข้า แต่ถ้าเป็นตอนขณะสู้ สีหน้าของเครโทสก็จะดูมุ่งมั่น ไม่กลัวต่อศัตรูหน้าไหนทั้งนั้น

ถัดมาคือภาพรวมของกราฟิก ต้องทำความเข้าใจกัน ณ ตรงนี้ก่อนว่าตัวเกมไม่ได้เป็นแนวโอเพ่นเวิลด์นะครับ ฉากทุกจุดมีการกำหนดขอบเขตที่เราจะเดินหรือปืนป่ายได้ไว้หมดแล้ว (เหมือน The Last of Us หรือ Uncharted) ซึ่งการทำแบบนี้ก็มีข้อดีคือสามารถไปเน้นรายละเอียดของตัวละครและศัตรูได้มากขึ้น อีกอย่างคือดินแดนนอร์สนั้นเป็นโลกที่มีเสน่ห์ในตัวมันเองสูง ทีมพัฒนาได้เนรมิตโบราณสถานและธรรมชาติออกมาได้สวยงาม แม้แต่สัตว์ป่าที่เราเจอในเกมยังดูมีชีวิตชีวาเหมือนของจริง สภาพแวดล้อมระหว่างที่เราเดินทางไปกับอเทรอุสยังสามารถสื่อเรื่องราวเชิงสัญลักษณ์กับผู้เล่นได้ว่าดินแดนแห่งนี้มีความเป็นมาลักษณะไหน รวมถึงการดีไซน์ฉากแบบละเมียดละไมที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันขลังด้วย

Exploration

หมวดนี้ต้องขอแยกย่อยเป็นทีละประเด็นก่อน โดยเริ่มจากมุมกล้องเป็นอย่างแรกครับ ซึ่งมุมกล้องที่ตามหลังตัวละครตลอดเวลานั้นไม่ใช่ของที่แปลกใหม่แต่อย่างใดครับ เกมเมอร์ยุคนี้น่าจะเคยคุ้นชินกับ Resident Evil ภาค 4-6, Metal Gear Solid V หรือ Uncharted ที่ใช้มุมกล้องแนวนี้มาแล้ว เพียงแต่ God of War จะให้ฟีลที่แตกต่างไปหน่อย เนื่องจากพื้นฐานเกมนี้เป็นแนว Hack & Slash ที่เน้นการโจมตีด้วยอาวุธระยะประชิดซะเยอะ และการที่เกมจำเป็นต้องปรับมาใช้มุมกล้องแบบนี้ก็เพื่อต้องการที่จะนำเสนอสิ่งต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าเราให้เห็นกันเต็มๆ ตา ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมในโลกแห่งตำนานนอร์ส สิ่งปลูกสร้างและซากอารยธรรมที่พบเห็นได้ตามทาง แล้วก็ได้พบว่ามุมกล้องใหม่นี้ตอบโจทย์ในแง่ของมุมมองการผจญภัยได้ดีกว่ามุมกล้องในภาคก่อนๆ แบบลิบลับครับ หนึ่งคือผู้เล่นมีอิสระมากขึ้นในการหมุนมุมกล้องเพื่อชมความงามของทิวทัศน์ได้โดยรอบ สองคือมันให้อารมณ์ของการผจญภัยจริงๆ ที่ผู้เล่นควรจะเห็นเฉพาะสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเท่านั้น และมุมกล้องแนวนี้น่าจะเรียกว่าเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานของเกมแนวแอ็กชั่นกึ่งผจญภัยได้แล้ว

ต่อมาเป็นเรื่องของระบบการสำรวจและผจญภัยกันบ้าง ระหว่างทางจะมีปริศนาให้ผู้เล่นขบคิดมากมาย บางปริศนาใช้เพียงแค่เครโทสคนเดียวในการแก้ ซึ่งลำพังเพียงแค่คำอธิบายตั้งแต่ช่วงแรกของเดโมว่าตัวเครโทสและอาวุธที่เจ้าตัวถือติดตัวนั้นสามารถใช้ทำอะไรได้บ้างก็แทบจะครอบคลุมวิธีแก้ปริศนาได้ทั่วถึงแล้วครับ เพราะในโซนที่มีปริศนาเนี่ย หากผู้เล่นใช้ความช่างสังเกต มองรอบๆ บริเวณที่เราอยู่ก็จะเข้าใจได้เองว่าต้องทำยังไง หรือใช้อาวุธอะไรในการไขปริศนา ในขณะที่บางปริศนาก็ต้องอาศัยทีมเวิร์คที่มีอเทรอุสเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถสังเกตจากคำพูดที่อเทรอุสบอกกับเครโทส เพื่อใช้เป็นคำใบ้ในการผ่านปริศนาได้ด้วยเช่นกัน

จากนั้นก็เป็นระบบการอัพเกรดครับ เมื่อเราเล่นไปไกลจนถึงจุดหนึ่งจะมีเหตุการณ์ที่ได้พบกับช่างตีอาวุธแห่งดินแดนนอร์ส ซึ่งในภาคก่อนๆ ผู้เล่นจะใช้แค่เพียง Orb สีแดงที่ดรอปจากการฆ่าศัตรูเพื่อนำมาอัพเกรดอาวุธเท่านั้น แต่สำหรับภาคใหม่นี้เราจะต้องใช้เงินและวัตถุดิบที่เก็บได้จากหีบสมบัติหรือทำเควสต์ในการอัพเกรด และด้วยความที่ตัวเกมได้ย้ายมาอยู่ในโลกของนอร์ส การเสริมพลังให้อาวุธของเราก็จะมีการใช้หินรูนคล้ายกับเกม Skyrim ด้วย (แต่แอบเสียดายที่ในเดโมเปิดโอกาสให้ผู้เล่นอัพได้แค่ค่าพลังของอาวุธครับ ส่วนพลังพิเศษด้านอื่นนั้นคงต้องรอในเกมตัวเต็มนู่นเลย) โดยภาพรวมของระบบอัพเกรดในภาคนี้ถือว่าดูมีอะไรให้เราสามารถใช้เวลากับมันได้เยอะมาก และมีแนวโน้มที่จะให้ผู้เล่นได้ประยุกต์หรือเลือกสายให้กับอาวุธเราได้อยู่

Storyline

เนื่องจากทีมงานมีเวลาได้ทดลองอยู่เพียงประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง จึงเก็บข้อมูลในส่วนนี้ได้น้อยที่สุด แต่ในช่วงเวลาที่ได้เล่นเดโมนี้ ทีมงานก็สัมผัสได้ถึงมิติของความสัมพันธ์ระหว่างเครโทสและอเทรอุสที่นำเสนอออกมาได้น่าสนใจครับ แฟนเกมคงเคยเห็นแล้วว่าเครโทสได้สูญเสียลูกเมียไปเมื่อครั้งยังเป็นตำนานกรีก และเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวเครโทสก็ไม่ได้ถูกลงลึกมากนัก เราจึงโดนกลบด้วยธีมของเกมที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชังมาทุกภาค ทว่าในภาคใหม่นี้ได้มีการใช้กลวิธีเล่าเรื่องราวของเกมผ่านบทสนทนาของเครโทสและอเทรอุสเป็นหลัก ซึ่งการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่หล่อเลี้ยงให้เกมมีความน่าติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเครโทสและอเทรอุสที่เรียนรู้และเข้าใจตัวตนของกันและกัน คล้ายกับที่โจลและเอลลี่ศึกษากันและกันในเกม The Last of Us ลำพังแค่ช่วงต้นของเกม เราจะได้เห็นแง่มุมใหม่ๆ ของเครโทสมากมาย ที่สำคัญคือการสอนลูกชายสุดที่รักโดยใช้ประสบการณ์และความอ่อนโยนที่เครโทสเริ่มจะมามีชัดๆ ก็ภาคนี้นั่นเอง

Combat

ต้องบอกเลยว่าระบบต่อสู้ของภาคนี้มีความสอดคล้องกับมุมกล้องที่เปลี่ยนไปแบบเต็มๆ ครับ โดยขวานเลเวียธาน (Leviathan) ซึ่งเป็นอาวุธใหม่ของภาคนี้ (และน่าจะเป็นอาวุธหลักของเครโทสด้วย) จะมีรูปแบบการโจมตีที่ไม่ซับซ้อนนัก กล่าวคือนอกจากการกดโจมตีที่มีทั้งแบบเบาและหนักเหมือนดาบโซ่ของภาคก่อน ก็จะมีเพิ่มลูกเล่นใหม่คือการปาขวานใส่ศัตรูหรือวัตถุที่อยู่ตรงหน้า และพอเปลี่ยนมุมกล้องมาเป็นมองเห็นเฉพาะด้านหน้าปุ๊บ ฟีเจอร์การเล็งโจมตีอาวุธระยะไกลเลยเข้ามามีบทบาทตรงจุดนี้ อีกทั้งตัวขวานเมื่อปาออกไปแล้ว ไม่ว่ามันจะถูกหรือพลาดเป้า เราสามารถกดปุ่มเรียกขวานให้พุ่งกลับมาอยู่ในมือเราได้ในเวลาอันสั้น (เหมือนบูมเมอแรงแบบสั่งได้)

นอกจากนี้ เครโทสยังมีการโจมตีด้วยการใช้มือเปล่าผสมผสานกับโล่มาเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งยามเจอศัตรูที่ทนทานต่อพลังของขวาน หรือเวลาที่ขวานไม่อยู่ในมือเรา เป็นต้น ซึ่งการรัวหมัดจะมีความเร็วในการโจมตีที่ต่อเนื่องมากกว่า รวมถึงโล่ที่มีคุณสมบัติคล้ายปลอกแขน Golden Fleece ก็ยังใช้ป้องกันตัวในยามคับขันได้ โดยหากเรากดปุ่มตั้งการ์ดในจังหวะเดียวกับที่ศัตรูโจมตีจะถึงตัวเรา ก็จะเกิดเอฟเฟ็กต์สโลว์โมชั่น สามารถสะท้อนการโจมตีของศัตรูกลับไปให้พวกมันเสียจังหวะ แล้วฉวยโอกาสโจมตีสวนได้

อนึ่ง บรรดาศัตรูในภาคในภาคใหม่นี้จะมีเกจพลังชีวิตให้เห็นแล้ว เพิ่มเติมด้วยเกจ Stun ที่อยู่ด้านล่างเกจพลังชีวิตของมัน โดยเกจดังกล่าวหากเราอัดศัตรูได้ต่อเนื่องมากพอจนเกจวิ่งเต็มหลอด ศัตรูจะติดสถานะ Stun ทำให้เราเข้าไปใช้ท่าสังหารสุดโหดที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเครโทสในทุกภาคได้ ซึ่งเกจจะยิ่งวิ่งเร็วขึ้นถ้าใช้หมัดต่อยมันครับ อารมณ์ประมาณว่าการใช้อาวุธคือการเน้น Damage ขณะที่การใช้มือเปล่าคือการเน้น Stun ก็คงไม่ผิดนัก

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ามุมกล้องภาคนี้จะไม่เอื้ออำนวยให้เราเห็นศัตรูที่อยู่โดยรอบ (ภาคก่อนๆ ในฉากสู้เราจะรู้ได้หมดว่าศัตรูมีกี่ตัว มีตัวอะไรบ้าง และมาจากทางไหน เพราะมุมกล้องเป็นแนวคล้ายๆ กล้องวงจรปิด) แต่ก็จะมีตัวช่วยบอกตำแหน่งของศัตรูให้เราอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการสังเกตคำพูดของอเทรอุสที่จะคอยเตือนเราทุกครั้งที่มีศัตรูพยายามอ้อมมาเล่นงานเราจากด้านข้างหรือด้านหลัง ส่วนอีกอย่างคือลูกศรที่บอกทิศทางศัตรูที่อยู่นอกขอบเขตการมองเห็นของเรา โดยลูกศรจะเปลี่ยนสีไปตามสถานการณ์ หากมีศัตรูอยู่ด้านหลัง ลูกศรก็จะปรากฏ ถ้าศัตรูกำลังพุ่งมาโจมตีข้างหลังเรา ลูกศรก็จะเปลี่ยนเป็นอีกสี หรือถ้ามีศัตรูซัดอาวุธระยะไกลมาทางข้างหลังเรา ลูกศรก็จะเปลี่ยนเป็นอีกสีครับ

จะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวของเครโทสในระบบการต่อสู้ใหม่นี้จะมีอิสระมากขึ้น ทว่าก็จะมีการตัดฟีเจอร์อย่างนึงออกไปครับ นั่นก็คือการกระโดด ซึ่งภาคนี้เครโทสจะไม่สามารถใช้วิธีกระโดดหลบ หรือกระโดดสองชั้นได้อีกต่อไป การรับมือการโจมตีของศัตรูจึงโฟกัสไปที่การใช้โล่เพื่อบล็อค และการกลิ้งหลบเป็นหลักแทน แต่หากถามว่าพอกระโดดไม่ได้แล้วเกมมันดูแย่ลงมั้ย ขอตอบเลยว่าไม่รู้สึกเลยครับ เพราะสิ่งที่เครโทสทำได้มากขึ้นมันกลับช่วยทดแทนความสามารถในการกระโดดที่ถูกลดทอนไปได้อย่างสนิท เผลอๆ ยังทำให้ไดนามิกของเกมลื่นไหลกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

อีกฟีเจอร์การต่อสู้ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็น่าจะเป็นตัวอเทรอุสนี่แหละครับ เจ้าตัวจะมีอาวุธคู่กายเป็นธนูที่เราสามารถอัพเกรดให้ยิงออกมามีผลแตกต่างกันไปได้ และในระหว่างต่อสู้ ผู้เล่นสามารถสั่งให้อเทรอุสยิงใส่ศัตรูตัวที่เราไม่ได้เล็งอยู่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เราถูกรุมมากจนเกินไป ซึ่ง AI ของอเทรอุสนั้นค่อนข้างออกแบบมาดีครับ ไม่เคลื่อนไหวเงอะงะ ช่วงที่เรากำลังชุลมุน จะสังเกตได้ว่า AI จะเคลื่อนตัวอเทรอุสไปยังจุดที่ได้เปรียบอยู่เสมอเพื่อช่วยสนับสนุนเครโทสได้บ่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเจอศัตรูตัวที่แข็งแกร่งมากๆ ก็จะมีบ้างที่อเทรอุสพลาดท่าโดนศัตรูจับตัวได้ จุดนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่เราที่ต้องรีบเข้าไปช่วยให้อเทรอุสหลุดจากพันธนาการแล้วมาช่วยเราได้อีกครั้ง


ทางทีมงาน OS ต้องขอขอบคุณบริษัท Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ (SIES) และบริษัท PC & Associates Consulting ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนการเดินทางในการร่วมงานทดสอบเดโมเกม God of War ที่ประเทศสิงคโปร์ ณ ที่นี้ด้วยครับ

แชร์เรื่องนี้:
Vesper
About the Author

Vesper

เหนื่อยจากเกมก็ลองหยุดพัก แต่ถ้าเหนื่อยจากรักก็จงหยุดเถอะ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ