ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอย่างที่หลายๆ คนรู้กันครับว่าผมมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นตามคำเชิญจากทาง Ubisoft เพื่อไปร่วมงาน Ubiday 2017 อีเวนต์เล็กๆ แต่อบอุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นของเหล่ามวลชนคนเล่นเกม Ubisoft ครับ ซึ่งนอกจากบรรยากาศคึกคักภายในงานอันน่าประทับใจแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดคือในงานมีตัวอย่างเกม Assassin's Creed: Origins และ Far Cry 5 ให้เล่นกันด้วยครับ ซึ่งผมก็ได้ไปทดลองมาเช่นกันครับ โดยในบทความนี้จะขอพูดถึง Assassin's Creed: Origins ซึ่งกำลังจะวางจำหน่ายในวันที่ 27 ตุลาคมนี้กันก่อนครับ
โดยเวอร์ชั่นที่ได้เล่นจะเป็นเกมในเวอร์ชั่น Xbox One ครับ แต่เป็นเพียงเวอร์ชั่น Alpha ดังนั้นจะคาดหวังคุณภาพเต็มร้อยจากมันก็เห้นจะไม่ได้ และเนื่องเพราะไปเล่นที่ญี่ปุ่นภาษาในเกมจึงเป็นญี่ปุ่นครับ จึงจำต้องใช้การฟังเอาอย่างเดียวซึงยอมรับว่าสกิลการฟังอาจไม่ถึงขั้นแกะออกทุกคำ แต่ก็พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและต้องทำอะไร ซึ่งเราจะได้ลองเล่น 1 ภารกิจถ้วนครับ ใช้เวลาไม่นานมาก แม้จะเสียดายไปหน่อยแต่ก็เข้าใจได้เพราะทาง Ubisoft คงป้องกันคนนั่งนาน
โดยในภารกิจนี้ Bayek พระเอกของเราเหมือนจะมีปากเสียงกับนักบวชอิยิปต์ที่ทำการลงโทษเด็กวัยซนคนหนึ่งในข้อหาประมาณว่าขโมยของ แต่เด็กก็ปฏิเสธ และตัว Bayek เองก็ไม่เห็นด้วยกับการลงโทษประจานเด็กกลางตลาดเช่นนี้ เพราะเป็นการกล่าวโทษโดยไม่มีหลักฐาน เขาจึงทำข้อตกลงกับนักบวชว่าถ้าหาของที่ถูกขโมยไปเจอ จะต้องปล่อยเด็กไป นักบวชตกลง และจากจุดนี้เราจะเริ่มมิชชั่นกันอย่างจริงจังเสียทีครับ (แต่ก่อนหน้านั้นมีฉากให้ควบม้ามารับภารกิจอยู่นะ)
เมื่อบังคับตัวละครได้ สิ่งที่ผมทดลองเป็นอย่างแรกๆ เลยก็คือมูฟเมนต์การเคลื่อนที่ของตัวละครที่เราบังคับครับ พบว่าไม่ต่างจากเดิมมากนักในแง่ความรู้สึกระหว่างบังคับหรือจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวละคร ขณะที่บรรยากาศโดยรวมก็ดูมีชีวิตชีวาดี แต่ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเวอร์ชั่นคอนโซลรึเปล่า กราฟิกที่เกมแสดงออกมาผมไม่รู้สึกว่ามันห่างจากภาค Syndicate สักเท่าไหร่ ไม่ได้ว่าไม่สวยนะครับ แค่รู้สึกว่ามันน่าจะต่างกันมากกว่านี้รึเปล่า ทว่าเรื่องที่ไม่ขอบคือมุมกล้องของเกมติดหลังตัวละครมากขึ้น ทำให้ตัวละครดูตัวใหญ่ขึ้นครับ อันนี้ผมไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ทัศนวิสัยถูกบดบังมากขึ้นผมว่าไม่เป็นผลดีกับเกมเพลย์นัก แต่นี่แค่เวอร์ชั่น Alpha อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
จากนั้นจะได้ลองของใหม่ในซีรีส์กับเจ้านกอินทรีที่เราจะใช้มันต่างเรดาร์หรือกล้องส่องทางไกลครับ ก็ใช้มันไปสำรวจพื้นที่เป้าหมายเรา ก่อนที่เราจะบุกเข้าไป จุดนี้เป็นระบบที่ประยุกต์มาจาก Far Cry Primal ชัดเจนครับ ซึ่งผมโอเคกับมันเพราะก็เข้ากับธีมดีไม่หยอก
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากภาคก่อนหน้าแบบจริงๆ จังๆ เลยก็คือ "ระบบต่อสู้" ครับ จากภาคก่อนๆ ที่คุณคือมือสังหารระดับพระกาฬจอมเคาเตอร์ขอสวนทีเดียวมีตายหมู่ แม้จะถูกศัตรูรุมขนาดไหนก็ตาม แต่ในภาคนี้แค่เดี่ยวๆ กับตัวกี้ไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้ว เมื่อเมคานิคการต่อสู้ถูกรื้อทำใหม่หมด กลายเป็นไปคล้ายกับเกมอย่าง The Witcher 3 หรือ Dark Souls แทน ความยากลำเค็ญจึงทวีขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะแค่นายกองธรรมดาก็เล่นงานคุณกลับ Checkpoint ได้ง่ายๆ เลยครัยบ ดังนั้นแล้วใน Origins หากจะเปิดศึกกับใครแบบซึ่งๆ หน้าก็ต้องระวังให้ดีเพราะท้าทายขึ้นแน่นอน ส่วนตัวคงต้องบอกว่าแรกๆ อาจจะไม่ชินครับ ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป เพราะเกมจะไปรอดไม่รอด ผมว่าระบบนี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญเลยครับ
สำหรับตอนจบของภารกิจนี้ผมไม่สปอยล์แล้วกันนะครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นแรงผลักดันบางอย่างให้กับตัว Bayek ได้กระทำสิ่งต่างๆ ต่อมาภายในเกมจนกำเนิดเป็นต้นตระกูลแห่งภราดรมือสังหารครับ
เอาเข้าจริงด้วย Build ของตัวเกมที่ได้เล่น เพิ่งจะเป็นเวอร์ Alpha ผนวกกับเวลาที่ได้ลิ้มรสเกมก็จัดว่าน้อยกว่าที่หวังไว้นิดหน่อย (เพราะต้องไปเล่น Far Cry 5 ต่อ) ทำให้ผมอาจจะคอมเมนต์ตัวเกมไม่ได้มาก นอกเสียจากระบบต่อสู้ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่น่าสนใจ เพราดูเป็น RPG มากขึ้น อาวุธและชุดสวมใส่มีเรื่องของสเตตัสมาเกี่ยวข้อง แถมด้วยผังการอัพเกรดสกิลของ Bayek ที่มากมายเกี่ยวกอง ทำให้ทางเลือกในการเล่นภาคนี้น่าจะมีความอสิระมากกว่าเดิม ทั้งยังรู้สึกว่าเวลา 1 ปีที่เว้นว่างให้พวกเราคิดถึงกันอาจจะไม่เสียเปล่าอย่างคำคุยก็เป็นได้
Assassin's Creed: Origins มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 27 ตุลาคมนี้บน PS4, Xbox One และ PC ครับ