รีวิว: FIFA 18 - กีฬากับเกมที่ผสานกันอย่างลงตัว
แนวเกม: Sports
แพลตฟอร์ม: PS4, Xbox One, PC
ผู้จัดจำหน่าย: EA Sports
ผู้พัฒนา: EA Canada
นับตั้งแต่ช่วงปลายยุค PS2 ต้นยุค PS3 ซีรีส์เกมฟุตบอลที่เคยมีจุดเด่นอยู่แค่ลิขสิทธิ์ทีมชาติและสโมสร ตลอดจนรายชื่อนักเตะที่มากที่สุดอย่าง FIFA ก็เริ่มฉายแววโดดเด่นในด้านของระบบการเล่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความสมจริงและมีพัฒนาการขึ้นทุกๆ ปีจนกลายเป็นเกมฟุตบอลที่ขายดีที่สุดในโลกในปัจจุบัน แม้ในบางปีทีมพัฒนาอาจสนุกกับการเพิ่มลูกเล่นใหม่กันมากไปหน่อยจนปล่อยให้ระบบการเล่นดูเป๋ไปบ้างในบางครั้ง แต่ในปีถัดมา FIFA ภาคใหม่ก็มักจะปรับปรุงจุดด้อยดังกล่าวอยู่เสมอ และถึงแม้ FIFA 18 อาจจะไม่ได้มีลูกเล่นใหม่ชิ้นใหญ่ๆ เหมือนอย่างการเปิดตัวโหมด The Journey ในปีที่แล้ว แต่คราวนี้องค์ประกอบหลายๆ อย่างของเกมก็ได้รับการปรับปรุงและต่อยอดไปในทางที่ดีขึ้นเช่นเคย และอาจเรียกได้ว่าเป็นภาคที่มีการปรับปรุงได้ดีที่สุดในช่วงปีหลังๆ มานี้เลยก็ว่าได้
ระบบการครองบอลรูปแบบใหม่ช่วยให้เราสามารถเลี้ยงลูกและเลือกท่วงท่าในการล็อกหลบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ด้วยสิ่งนี้เป็นลูกเล่นที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้พอสมควร ดังนั้นผู้เล่นมือใหม่หรือใครที่ยังไม่ชินอาจพบว่าการหยุดวิ่งเร็วเพื่อเตรียมกดท่าล็อกหลบอาจทำให้เกมสะดุดและเสียจังหวะในการบุกอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าใครชินกับระบบของ FIFA อยู่แล้วก็จะใช้เวลาในการปรับตัวกับการครองบอลในภาคนี้ได้ไม่ยากนัก แถมถ้าใช้มันควบคู่กับนักเตะที่มีค่าฝีเท้าในเกมสูงอย่าง Cristiano Ronaldo แล้วล่ะก็แทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทานเลยทีเดียว จนบางครั้งก็อาจทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าถ้านักเตะฝ่ายรับมีลูกเล่นที่มากและหลากหลายได้เท่านี้บ้างก็คงจะสนุกไม่น้อย
เมื่อฟุตบอลคือกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีม ดังนั้นจะให้เอาแต่ฝึกล็อกหลบกับศูนย์หน้าแค่คนเดียวก็คงไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีนัก ด้วยเหตุนี้ระบบการเคลื่อนที่ไปตามเกมของนักเตะในสนามจึงได้แสดงประสิทธิภาพให้เราเห็น การส่งบอลระยะไกลให้กับเพื่อนร่วมทีมไม่ว่าจะด้วยลูกลาดหรือลูกโด่งในภาคนี้ดูจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ปลายทางของบอลจะตกไปอยู่ที่เท้าของนักเตะฝ่ายเราบ่อยครั้ง แทนที่จะมีโอกาสถูกตัดบอลได้ง่ายแบบภาคก่อนๆ นั่นเป็นเพราะนักเตะคนอื่นๆ ในทีมของเราที่ไม่ได้เป็นผู้ครองบอลจะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่เอื้อต่อการเปิดช่องบุกให้กับเราได้อย่างแม่นยำขึ้น ประกอบกับหากเราวางแผนการเคลื่อนที่ให้กับนักเตะในทีมได้รัดกุมเท่าไหร่ โอกาสที่จะเสียการครองบอลก็ยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น
จากที่ต้องกดหยุดเกมแล้วค่อยเลือกเปลี่ยนนักเตะตัวสำรอง มาในภาคนี้เราสามารถกำหนดตัวสำรองของนักเตะตำแหน่งต่างๆ ได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม แล้วเมื่อถึงเวลาที่สมควรแก่การเปลี่ยนตัวอย่างเมื่อลูกออกนอกสนามหรือมีการทำฟาล์ว ตัวเกมจะมีการแจ้งเตือนผ่านแบนเนอร์เล็กๆ ที่มุมขวาล่างของหน้าจอให้เรากด R2 เพื่อเลือกเปลี่ยนตัวนักเตะที่เราเลือกไว้ได้ในทันที นับว่าเป็นลูกเล่นใหม่ที่ช่วยให้เกมการแข่งขันสามารถดำเนินไปได้อย่างลื่นไหลและต่อเนื่องมากขึ้น
กราฟิกและบรรยากาศของเกมยังคงช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นได้เป็นอย่างดี หน้าตาของนักเตะแต่ละคนมีความสมจริง โดยเฉพาะนักเตะชื่อดังหลายๆ คนยังมีการแสดงสีหน้าและท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย แต่นักเตะคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากระดับซูเปอร์สตาร์ก็อาจถูกลดระดับความสำคัญลงมา ทำให้นอกจากหน้าตาแล้ว ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ดูจะเหมือนๆ กันไปหมด แต่จุดนี้ก็ถูกทดแทนด้วยบรรยากาศของสนามที่สมจริงด้วยเสียงเชียร์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละทีม แต่ละลีก อย่างเราจะได้ยินทำนองการเชียหรือเสียงร้องเพลงประจำสโมสรอยู่บ่อยๆ ในการแข่งในพรีเมียร์ลีก หรือเสียงกลองที่รัวกระหน่ำในบ้านของทีมจากลาลีกา เป็นต้น นอกจากนี้เสียงของผู้บรรยายยังช่วยทำให้เรารู้สึกเหมือนกับกำลังดูถ่ายทอดรายการกีฬาจากโทรทัศน์มากกว่าที่เคย เพราะไม่เพียงแต่ผู้บรรยายจะพูดถึงเกมที่กำลังแข่งกันอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขายังมีการกล่าวถึงการซื้อขายนักเตะที่เราเพิ่งดำเนินการไปแล้วด้วย
โหมดเนื้อเรื่องอย่าง The Journey ในปีนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องราวของ Alex Hunter ดาวรุ่งพุ่งแรงที่เปิดตัวไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในปีนี้เขาจึงตกเป็นเป้าสายตาของทั้งแฟนบอลและสื่อมวลชน แต่โดยรวมแล้ว The Journey ก็ดูเหมือนจะยังเป็นโหมดไม่ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าใดนัก ถ้าให้เอาไว้เล่นแก้เบื่อจากโหมดการเล่นปกติก็พอจะให้ความเพลิดเพลินได้บ้าง พูดง่ายๆ ก็คือคอนเซปต์ของมันน่าสนใจ ถ้าทีมงานสามารถพัฒนามันขึ้นได้มากกว่านี้เมื่อไหร่ The Journey ก็คงใช้โฆษณาให้เป็นอีกหนึ่งจุดขายของ FIFA ได้ไม่ยาก แต่ในปัจจุบันทั้งเนื้อเรื่องและการนำเสนอของมันยังไม่มีอะไรให้น่าจดจำ การเลือกคำตอบระหว่างบทสนทนาดูเหมือนจะให้อิสระแก่ผู้เล่นก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้วมันแทบจะไม่มีผลอะไรกับการดำเนินเรื่องเลย แต่อย่างน้อยมันก็มีผลต่อการปลดล็อกสิ่งของ เสื้อผ้า และรอยสักที่จะทำให้ Alex Hunter ของเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมาได้บ้าง
ในขณะเดียวกัน โหมด Career ที่เราต้องรับหน้าที่ผู้จัดการทีมกลับได้ประโยชน์จากการนำเสนอผ่านเรื่องราวมากขึ้น จากที่การซื้อขายนักเตะถูกดำเนินผ่านการอ่านข้อมูลทั้งตัวหนังสือและตัวเลข พร้อมกับภาพประกอบนิดๆ หน่อยๆ เหมือนที่ผ่านมา แต่ในคราวนี้ มันถูกนำเสนอผ่านโมเดลตัวละครในห้องเจรจาเหมือนฉากสนทนาในโหมด The Journey ที่เราสามารถตอบและพูดถึงสิ่งที่ต้องการได้ผ่านข้อความที่มีขึ้นมาให้เลือกบนหน้าจอ ทำให้การเจรจาต่อรองเพื่อซื้อขายนักเตะมีความน่าสนใจ และเป็นโอกาสให้เราได้ใส่ความเป็นตัวของตัวเองในบทบาทของผู้จัดการทีมมากขึ้น
Ultimate Team ยังคงเป็นโหมดที่สามารถดูดเวลาเราได้เช่นเคย ทั้งที่แทบจะไม่มีลูกเล่นอะไรใหม่เพิ่มเข้ามาแต่ทีมที่มีความหลากหลายทั้งจากนักเตะและฝีมือของผู้เล่นทั่วโลกยังคงทำให้การเล่นในโหมดนี้มีความน่าตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับการเพิ่มเข้ามาของ Icon หรือบรรดานักเตะในตำนานอย่าง Pelé, Maradona, Ronaldo, Henry และอีกหลายๆ คนก็ช่วยสร้างความแปลกใหม่ขึ้นมาให้กับโหมดนี้ได้บ้าง แถมนักเตะเหล่านี้ยังถูกแบ่งออกเป็นสามช่วงอายุในการค้าแข้งของพวกเขาด้วย และที่สำคัญ ใครที่สนใจโหมด Ultimate Team แต่ไม่ค่อยชอบเล่นกับผู้เล่นคนอื่นผ่านระบบออนไลน์เท่าไหร่ FIFA 18 ก็มี Squad Battle มาให้เลือกเล่นด้วย พูดง่ายๆ มันก็คือ Ultimate Team แบบออฟไลน์ที่ให้เราได้ใช้ทีมของตัวเองเพื่อเลือกเล่นกับทีมของผู้เล่นคนอื่นที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งโหมดออฟไลน์นี้ยังสามารถสะสมรางวัลและมีตารางอันดับให้ด้วย
จุดเด่น
- ระบบการเล่นเข้าใจง่าย
- การควบคุมระดับสูงมีความคุ้มค่าที่จะฝึกใช้
- เพิ่มฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ หลายจุดแต่อำนวยความสะดวกได้มาก
- กราฟิกและบรรยากาศในสนามเพิ่มอรรถรสให้การเล่นได้ดี
- มีโหมดการเล่นที่หลากหลาย
จุดด้อย
- การตั้งรับไม่ค่อยมีลูกเล่นเยอะเท่าการบุก
- โหมดเนื้อเรื่องยังดำเนินเรื่องและนำเสนอได้ไม่ดีนัก
สรุป
อาจเพราะในปีนี้ทีมงานให้ความสำคัญกับการปรับปรุงจุดด้อยของเกมในภาคก่อนๆ มากกว่าที่จะมุ่งเน้นใส่ลูกเล่นใหม่มาให้เยอะๆ เข้าไว้ ทำให้ FIFA 18 มีความสมบูรณ์กับสิ่งที่มันพยายามจะเป็นมากขึ้น นั่นก็คือการแปลงให้กีฬาฟุตบอลมาเป็นเกมที่มีทั้งความเป็นมิตรกับผู้เล่นและความสมจริงไปในคราวเดียวกัน จริงอยู่ที่มันอาจจะยังมีจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ หลงเหลืออยู่บ้าง แต่ข้อเสียเหล่านั้นก็ไม่ได้ส่งผลจนทำให้ระบบการเล่นของเกมเสียไปแต่อย่างใด
คะแนน 8/10
เรื่อง: P5HNG