คุยเฟื่องเรื่องงบทำเกม ... สูญเสียกันไปเท่าไหร่กว่าจะมีให้เล่นสักเกม

แชร์เรื่องนี้:
คุยเฟื่องเรื่องงบทำเกม ... สูญเสียกันไปเท่าไหร่กว่าจะมีให้เล่นสักเกม

บทความนี้มีการแปล ดัดแปลง และเรียบเรียงใหม่จาก Kotaku

เครดิตรูปภาพบางส่วนจาก EnGadget / VanCityBuzz


ปัจจุบันนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วละครับว่า วงการเกมได้กลายเป็นสื่อบันเทิงชนิดหนึ่งที่ภาคอุตสาหกรรมมีเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเรื่องของงบประมาณการพัฒนาเกมสักเกมนึง ทั้งด้านค่าแรงของทีมงาน ค่าอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการโปรโมทเกมนั้นๆ ให้เป็นที่รู้จัก และพวกค่าปั๊มแผ่น (โดยเฉพาะเกมที่ลงให้กับเครื่องเกมคอนโซล) ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่นเกม Call of Duty หรือ Grand Theft Auto ภาคหลังๆ ที่ใช้งบการสร้างไปถึงหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว

มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเกมพวกระดับกลางๆ ถึงล่างลงมาล่ะ? เขาใช้งบกันสักเท่าไหร่เชียวกว่าจะออกมาเป็นเกมให้เราได้เล่นกัน ซึ่งคอลัมนิสต์ของบทความต้นทางก็ได้ก็ได้มีไปสอบถามกับบรรดานักพัฒนาเกมจากค่ายยักษ์ใหญ่มาหลายแห่ง และก็ได้คำตอบที่ใกล้เคียงกันก็คือเงินเดือน "เฉลี่ย" ของนักพัฒนาเกมจะตกอยู่ที่ราวๆ 10,000 เหรียญ (ประมาณ 350,000 บาท) ต่อคน ต่อเดือน ในขณะที่บางคนก็อาจจะได้เยอะกว่านี้ตามแต่ผลงานในอดีตและการต่อรองกับทางค่ายเกมนั้นๆ หรืออาจจะผันแปรตามสถานที่ตั้งของค่ายเกม โดยบางค่ายที่อยู่ในเมืองที่มีอัตราค่าครองชีพสูง (เช่น ซานฟรานซิสโก) เงินเดือนก็จะเขยิบตามเพื่อให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวนั่นเอง

จากนั้นคอลัมนิสต์คนดังกล่าวก็มาชวนเราคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายกันแบบคร่าวๆ ครับ สมมติว่าถ้าเราเป็นนักพัฒนาเกมสังกัดค่ายอินดี้ที่อยากระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Kickstarter เพื่อจะสร้างเกมแนว RPG และใช้กราฟิกระดับ 16 บิต โดยมีกรอบระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 1 ปีครึ่งจึงแล้วเสร็จ (18 เดือน) ขณะเดียวกันก็มีคิดว่าน่าจะต้องใช้บุคลากรราวๆ 5 คนในการริเริ่มโปรเจ็กต์พัฒนาเกมนี้ ซึ่งประกอบไปด้วย เกมดีไซเนอร์, โปรแกรมเมอร์, คนแต่งเพลง และนักวาด 2 คน ดังนั้น เงินเดือนของคน 5 คนตลอดจนจบโปรเจ็กต์ก็จะเท่ากับ 10,000 x 18 x 5 = 900,000 เหรียญ หรือประมาณ 31.5 ล้านบาท (นี่แค่เงินเดือนอย่างเดียวนะ)

หรือถ้ายกตัวอย่างอีกเคส ถ้าเราเป็นทีมพัฒนาขนาดกลาง ประกอบไปด้วยลูกทีมสัก 40 ชีวิต ที่อยากทำเกมลงเครื่องคอนโซล พร้อมกับอยากให้ภาพลักษณ์ของเกมดูดีมีชาติตระกูลจากพารากราฟก่อนหน้าขึ้นมาหน่อย และให้เวลาตัวเองในการทำเกมสัก 2 ปี (24 เดือน) ลำพังแค่เงินเดือนเพียวๆ ก็จะเท่ากับ 10,000 x 24 x 40 = 9,600,000 เหรียญ หรือประมาณ 336 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมค่าการทำตลาดด้านโปรโมทต่างๆ หรือค่าใช้จ่ายสำรองในกรณีที่กระบวนการพัฒนาเกมมีอันต้องล่าช้าโดยไม่คาดคิดด้วย

ที่กล่าวมานี้ ยังไม่รวมไปถึงค่ายระดับยักษ์ใหญ่ที่อยากจะทำเกมแนว FPS ระดับ AAA พร้อมกับกราฟิกไฮเอนด์ และมีทีมงานคอยสแตนด์บายมากถึง 400 คนอีกนะครับ ว่างบประมาณจะบานปลายไปขนาดไหน จากประเด็นนี้จะเห็นได้ว่ากว่าจะออกมาเป็นเกมให้เราได้เล่นสักเกมนึงในราคาเกมละพันกว่าบาท ต้นทุนมันก็มีทั้งค่าไอเดีย ค่าแรง ค่าเครื่องมือ บางเกมที่มีเนื้อเรื่องเชิงลึกหรือเกี่ยวโยงกับตำนานต่างๆ ก็อาจจะมีค่าเดินทางไปศึกษาประวัติศาสตร์จากสถานที่จริงก็มี และท่ามกลางยุคที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับเศรษฐกิจทุนนิยมซึ่งมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา เกมก็ยังคงเป็นสินค้าที่มีราคากลางที่ยอมรับร่วมกันระหว่างค่ายผู้พัฒนา ค่ายผู้จัดจำหน่าย และเหล่าผู้เล่นอย่างเราๆ เรื่อยมา (เพื่อนๆ หลายคนอาจจจะบ่นว่าเกมราคาพันกว่าบาทยังแพงไปอยู่ดี ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนครับว่าราคาของเกมมันก็อยู่ราวๆ นี้มาตั้งแต่ยุคเครื่อง Famicom แล้ว แต่พอดีว่าในไทยเราเล่นเกมเถื่อนกันมานานเกิน เลยอาจไม่เข้าใจกลไกราคาในจุดนี้)

ปกติทางผู้พัฒนาเองก็มีโจทย์ท้าทายที่ต้องทำเกมมาให้ถูกใจคนเล่นอยู่แล้ว ก็เหลือแต่ผู้เล่นนี่แหละครับ ที่ควรอุดหนุนเกมแท้กัน เพื่อให้วงการเกมมันโตได้ทุกภาคส่วนจริงๆ

แชร์เรื่องนี้:
Vesper
About the Author

Vesper

อยากเป็นคนที่ถูกหวย จะได้รวยกว่าถูกรัก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ