ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ PS1 ยังครองตลาดเกมคอนโซลอยู่ ช่วงนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือยุคทองของเกมญี่ปุ่นที่แต่ละค่ายในประเทศต่างพัฒนาเกมออกมาประชันและสร้างตัวเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้เล่นไว้มากมาย ซึ่งนอกจากเกมเพลย์และกราฟิกที่สวยงามอลังการแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดให้เกมเมอร์ยุคนั้นจดจำภาพวันเก่าๆ ได้ไม่รู้ลืมก็คือเพลงขับร้องที่มักจะมีให้ฟังในตอนจบของเกมนั่นเอง และในรอบนี้ทีมงาน OS จะแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับ 9 เพลงจากเกมดังยุค 90 ที่ยังคงอยู่ในใจของเกมเมอร์รุ่นเก๋ากันครับ
--------------------------------
1. Eyes on Me
ขับร้องโดย: Faye Wong
จากเกม: Final Fantasy VIII
เพลง Eyes on Me ถือเป็นเพลงขับร้องเพลงแรกที่ถูกบรรจุเข้ามาในเกมซีรีส์ Final Fantasy โดยเริ่มที่ภาค 8 เป็นต้นมา พร้อมกับได้คุณเฟย์ หว่อง (Faye Wong) ที่กำลังเป็นนักร้องโด่งดังสุดขีดในเอเชีย ณ ช่วงเวลานั้นมาขับร้องให้ จากกระแสโปรโมทและความไพเราะของเพลง จึงทำให้สามารถทำยอดขายซิงเกิลได้สูงถึงกว่า 5 แสนชุดในญี่ปุ่น ทำลายสถิติเป็นเพลงจากวิดีโอเกมที่ขายดีที่สุดของญี่ปุ่นทันที ก่อนที่ในปี 2002 เพลงนี้ถึงโดนโค่นแชมป์โดยเพลง Hikari จากเกม Kingdom Hearts ที่ร้องโดย Utada Hikaru ครับ
--------------------------------
2. Small Two of Pieces
ขับร้องโดย: Joanne Hogg
จากเกม: Xenogears
Xenogears นี้เป็นผลงานเกม RPG ที่พัฒนาจากบริษัท Squaresoft (หรือ Square Enix ในปัจจุบัน) ซึ่งเนื้อเรื่องของเกมนี้ถูกจัดอยู่ในจักรวาลของ Xeno ที่มีการกระจายแยกย่อยไปอีก 3 ซีรีส์ ได้แก่ Xenogears, Xenosaga และ Xenoblade ทั้งนี้เรื่องราวในจักรวาล Xeno ได้เคยถูกวางแผนไว้แต่แรกว่าจะให้เป็นซีรีส์แบบ 6 ตอน และ Xenogears ที่ออกมานี้ก็เป็นตอนที่ 5 ของซีรีส์ และเป็นภาคเดียวของซีรีส์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของค่าย Square Enix จนถึงปัจจุบัน (Xenosaga เป็นของ Bandai Namco และ Xenoblade เป็นของ Nintendo) ส่วนผู้ขับร้องเพลง Small Two of Pieces นี้คือคุณโจแอนน์ ฮอกก์ (Joanne Hogg) นักร้องชาวไอร์แลนด์เหนือที่เคยมีดีกรีเป็นถึงนักร้องนำวงไอโอน่า (Iona) ที่ค่อนข้างป๊อปปูลาร์ในประเทศบ้านเกิดด้วย
--------------------------------
3. Radical Dreamers
ขับร้องโดย: Noriko Mitose
จากเกม: Chrono Cross
สำหรับ Chrono Cross นี่ถือเป็นภาคต่อของเกม Chrono Trigger ที่เป็นเกม RPG ระดับตำนานของเครื่อง Super Famicom ครับ แต่มีเกมเมอร์ในไทยไม่มากนักที่จะพอทราบว่าซีรีส์ Chrono นั้นมีออกมาถึง 3 เกมด้วยกัน โดยอีกเกมที่ไม่ค่อยถูกกล่าวถึงก็คือ Radical Dreamers ที่เป็นเกมแนว Novel ลงให้เฉพาะเครื่อง Super Famicom เท่านั้น (แถมมีให้เล่นเฉพาะเวอร์ชั่นญี่ปุ่นด้วย) ทั้งนี้ เกม Radical Dreamers ก็จะมีเนื้อเรื่องอิงตามไทม์ไลน์ของจักรวาล Chrono ทุกประการครับ กระทั่งเกม Chrono Cross มาดังเปรี้ยงบน PS1 ก็ได้มีการนำชื่อเกม Radical Dreamers มาตั้งเป็นชื่อเพลงประกอบฉากจบของเกมอีกทีนั่นเอง
--------------------------------
4. Melodies of Life
ขับร้องโดย: Emiko Shiratori
จากเกม: Final Fantasy IX
หลังจากที่ปล่อยเพลง Eyes on Me จนติดลมบนไปเรียบร้อย พอเข้าสู่ภาค 9 ทาง Squaresoft ก็ได้ใส่เพลง Melodies of Life เข้ามาเป็นเพลงหลักประจำภาคดังกล่าวทันที พร้อมกับมีการจัดทำเป็น 2 ภาษา ได้แก่ ภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ เพื่อหวังเจาะตลาดทั้งในบ้านและตลาดสากลควบคู่กันไปเลย ทว่ามีติดอุปสรรคเล็กน้อยตรงที่เกม Final Fantasy IX นั้นดันวางจำหน่ายในช่วงปลายเจน PS1 เต็มแก่ เกมเมอร์ส่วนใหญ่ก็เริ่มย้ายฐานที่มั่นไปอยู่ PS2 กัน ทำให้ยอดขายของเกมและกระแสของเพลงแผ่วกว่าภาค 8 ไปพอสมควร แต่ถึงกระนั้นความไพเราะของเพลง Melodies of Life ก็ยังคงเป็นที่จดจำของแฟนๆ ซีรีส์นี้กันอย่างยาวนานเลยครับ
เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
--------------------------------
5. Makenai Ai ga Kitto Aru (負けない愛がきっとある)
ขับร้องโดย: Yukie Nakama
จากเกม: Rockman X4
มาถึงเกมวาระระดับชาติของชาว PS1 ในไทยกันบ้างครับ เชื่อได้ว่าคอเกมแอ็กชั่นน่าจะไม่พลาดกับเกม Rockman X4 แน่นอน ซึ่งเพลง Makenai Ai ga Kitto Aru นี้จะมีให้ฟังเฉพาะบนเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนเวอร์ชั่นอังกฤษที่ใช้ชื่อเกมว่า Mega Man X4 จะถูกเปลี่ยนเป็นเพลงบรรเลงแทน ยุคนั้นเลยมีคำกล่าวประมาณว่า บางคนที่ทุ่มเทหน่อยจะซื้อมันทั้ง 2 เวอร์ชั่น โดยเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเอาไว้ฟังเพลง ส่วนเวอร์ชั่นอังกฤษเอาไว้เสพเนื้อเรื่องได้ อะไรประมาณนั้น
--------------------------------
6. I am the Wind
ขับร้องโดย: Cynthia Harrell
จากเกม: Castlevania: Symphony of the Night
I am the Wind กลายเป็นเพลงขับร้องเพลงแรกที่ถูกนำมาใช้ประกอบฉากจบของซีรีส์ Castlevania และก็เริ่มกับภาค Symphony of the Night ที่เป็นจุดปฏิวัติเกมมาเป็นแนว Metroidvania ในขณะที่ผู้ขับร้องเพลงนี้อย่างคุณซินเธีย แฮร์เรล (Cynthia Harrell) หลังจากฝากผลงานไว้กับเกมนี้แล้ว เธอก็ยังได้ไปร้องเพลง Snake Eater ที่เป็นเพลงหลักของเกม Metal Gear Solid 3: Snake Eater บนเครื่อง PS2 อีกด้วยครับ
--------------------------------
7. The Best is Yet to Come
ขับร้องโดย: Aoife Ní Fhearraigh
จากเกม: Metal Gear Solid
ขึ้นชื่อว่าเกมของเทพโคจิม่าแล้ว จะพิเศษแค่ตัวเกมเพลย์หรือเนื้อเรื่องไม่ได้ครับ โดยเพลงในฉากจบอย่าง The Best is Yet to Come นี้ได้มีการแต่งเนื้อร้องเป็นภาษาไอริช แล้วให้ศิลปินชาวไอร์แลนด์แท้ๆ มาขับร้องเพื่อให้ได้สำเนียงและฟีลลิ่งเต็มๆ และถ้าหากใครเคยได้เล่น Metal Gear Solid 4: Guns of the Patriots ที่ลงเครื่อง PS3 ก็จะสามารถฟังเพลงนี้ได้อีกบน iPod ที่สเนคมีติดตัวได้ด้วยนะเออ
--------------------------------
8. Yume de Owarasenai
ขับร้องโดย: Fumitaka Fuchigami
จากเกม: Biohazard (เวอร์ชั่นญี่ปุ่นของ Resident Evil)
เพลงนี้ต้องถือว่าแรร์มากๆ สำหรับแฟนซีรีส์ Resident Evil ครับ เพราะจะมีให้ฟังแค่ในเกมเวอร์ชั่นดั้งเดิมของญี่ปุ่นเท่านั้น (ชื่อเกม Biohazard) แถมพอมีการทำภาคเสริมที่ชื่อว่า Director's Cut ก็ได้ตัดเพลงนี้ออกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และจนบัดนี้ก็ยังเป็นเพลงขับร้องเพลงเดียวที่เคยถูกใส่เข้ามาในเกมซีรีส์นี้ด้วย ใครอยากฟังก็คลิกที่คลิปด้านล่างโลด
--------------------------------
9. One More Time
ขับร้องโดย: Kotono Shibuya
จากเกม: Rockman X3
Rockman X3 นั้นในตอนที่ลงให้กับเครื่อง Super Famicom จะยังไม่มีเพลงขับร้องครับ จนต่อมาทาง Capcom ได้จัดการพอร์ตเกมนี้ลงเครื่อง PS1 จึงใส่ฉากคัตซีนเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่น รีมิกซ์เพลงในเกมใหม่หมด แถมใส่เพลงร้องทั้งตอนเปิดและตอนจบของเกมให้อีกด้วย โดยเพลง One More Time นี้เป็นเพลงฉากเปิดตัวของเกมครับ (ใครที่เล่นเวอร์ชั่นอังกฤษจะได้ฟังเพลงบรรเลงแทน)