5 ขั้นตอนในการอัพเกรด PC เพื่อการเล่นเกมให้ไหลลื่น ไม่มีสะดุด

แชร์เรื่องนี้:
5 ขั้นตอนในการอัพเกรด PC เพื่อการเล่นเกมให้ไหลลื่น ไม่มีสะดุด


    ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งหนึ่งที่ PC มีเหนือกว่าเครื่องเล่นเกมคอนโซลก็คือความเปิดกว้างของแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ที่เอื้อต่อการอัพเกรด แต่ขณะเดียวกันก็อาจสร้างความสับสนสำหรับมือใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่อยากเล่นเกมใหม่ให้ไหลลื่น แต่ติดอยู่ที่ไม่รู้ว่าจะอัพเกรดอุปกรณ์อะไรดี บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจดังกล่าวให้ครับ

1.  ฮาร์ดดิสก์
   

    คอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมโดยทั่วไปจะมีฮาร์ดดิสก์อย่างน้อยสองตัว ตัวแรกเป็น System Drive ที่ไว้สำหรับเก็บข้อมูลหลักอย่างระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์และเกมที่เล่น จึงแนะนำให้มองหาฮาร์ดดิสก์ชนิด SSD ที่อ่านและเขียนข้อมูลได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์จานแม่เหล็กทั่วไป แถมราคาขายในปัจจุบันก็ถูกลงกว่าเมื่อก่อนมาก 
    สำหรับฮาร์ดิสก์แบบที่สองคือ HDD หรือชนิดจานแม่เหล็กดั้งเดิม ซึ่งมีจุดเด่นที่ความจุขนาดมหึมาระดับ TB และมีราคาขายถูกกว่าแบบ SSD เพราะฉะนั้นจึงเหมาะกับนำมาใช้เก็บข้อมูลปริมาณมากๆ อย่างรูปภาพหรือไฟล์วิดีโอ เป็นต้น



2. เมนบอร์ดและหน่วยความจำ
   
    แม้ว่าจะไม่มีผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรง แต่เมนบอร์ดจะเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะของฮาร์ดแวร์ที่จะมาต่อพ่วงด้วย รวมทั้งแรมที่จะกล่าวถึงต่อไป ในปัจจุบันหลักการเลือกซื้อเมนบอร์ดเพื่อการเล่นเกมไม่ได้มีความซับซ้อนยุ่งยากนัก เพราะเดินไปร้านไหนก็จะเจออยู่ไม่กี่ยี่ห้อหลัก ซึ่งก็ไม่ได้มีความแตกต่างด้านประสิทธิภาพมาก ทว่าสิ่งแต่ละยี่ห้อมีไม่เหมือนกันก็คือซอฟต์แวร์และตัวช่วยการโอเวอร์คล็อกต่างๆ
    ส่วนหน่วยความจำหรือแรม ซึ่งในปัจจุบันก็ได้รับการพัฒนาไปจนถึง DDR4 แล้ว และไม่ได้มีราคาแพงมากอีกต่อไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาจึงตกมาอยู่ที่ความเร็วบัสถึงแม้สเป็คของ Skylake กำหนดว่ารองรับที่ความเร็ว 2133MHz แต่ความจริงแล้วสามารถใส่มากกว่านั้นได้โดยดูได้จากสเป็กของเมนบอร์ดเป็นหลัก หากงบประมาณไม่ใช่อุปสรรคก็แนะนำให้ซื้อรุ่นที่มีความเร็วมากสุดเท่าที่เมนบอร์ดจะรองรับได้



3. จอมอนิเตอร์
 
    จอมอนิเตอร์สำหรับการเล่นเกมในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลากหลายมาก โดยทั่วไปแนะนำให้ดูที่ขนาดพาแนลขั้นต่ำ 24 นิ้ว สำหรับเล่นเกมที่ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล และ 27 นิ้ว สำหรับความละเอียด 2560x1440 พิกเซล เนื่องจากความละเอียดทั้งสองนั้นไม่สูงเกินที่การ์ดจอในปัจจุบันจะเอาอยู่ สำหรับความละเอียด 4K นั้นยังไม่แนะนำในตอนนี้ เนื่องจากยังมีเนื้อหารองรับน้อยและชิพกราฟิกในปัจจุบันยังรองรับได้ไม่ดีนัก อีกทั้งยังมีราคาแพงมาก สำหรับเทคโนโลยีของพาแนลนั้นก็แนะนำให้เลือกใช้ IPS เพราะให้สีสันที่เที่ยงตรงกว่าและมีองศาการมองที่กว้างกว่าโดยที่สีไม่ผิดเพี้ยน



4. โปรเซสเซอร์
    
    โปรเซสเซอร์หรือที่เรียกกันติดปากว่าซีพียูเปรียบได้กับมันสมองของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่ประมวลผลคำสั่งที่โปรแกรมต่างๆ ร้องขอรวมทั้งเกมของเราด้วย เพราะฉะนั้นยิ่งโปรเซสเซอร์มีประสิทธิภาพมากเท่าไรก็ยิ่งเล่นเกมได้ไหลลื่นมากขึ้นเท่านั้น ปัจจุบันมีผู้ผลิตโปรเซสเซอร์สองค่ายหลัก รายแรกคือ Intel และ AMD รักใครชอบใครก็เลือกซื้อหากันได้เลยครับ เพราะแต่ละค่ายก็มีจุดแข็งที่แตกต่าง


 

5.  กราฟิกการ์ด
 
    นี่คือสิ่งที่สำคัญที่พีซีสำหรับการเล่นเกมจะขาดไม่ได้ เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาชิพกราฟิกสองค่ายหลักคือ AMD กับ NVIDIA ซึ่งต่างขับเคี่ยวกันมานานแสนนาน จุดสังเกตง่ายๆ ว่าการ์ดไหนจะเล่นเกมได้ลื่นเท่าใดอยู่ที่ “ราคา” เพราะยิ่งการ์ดมีราคาแพงมากเท่าใดก็ตั้งสมมุติฐานเลยว่าจะต้องเล่นเกมลื่นมากขึ้นเท่านั้นแน่นอน ผู้ที่มีงบไม่อั้นก็อาจมองหาการ์ดรุ่นราคาสองหมื่นบาทขึ้นไป เพราะรับรองได้เลยว่าเล่นได้ลื่นหัวแตก 
    สำหรับผู้ที่มีงบปานกลางราวหมื่นกว่าบาทก็ไม่ต้องน้อยใจเพราะมีตัวเลือกมากเช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าอาจไม่สามารถปรับรายละเอียดกราฟิกได้สูงสุดเพื่อให้เล่นได้ลื่น และสำหรับงบประหยัดที่ราว 5-6 พันบาทนั้น ก็คงต้องยอมสละกราฟิกที่สวยงามสำหรับเกมที่ต้องการสเป็กการ์ดกราฟิกระดับสูง แต่ข้อดีของการ์ดกราฟิกระดับราคานี้คือมักมีขนาดกะทัดรัด สามารถยัดใส่เคสขนาดเล็กได้สบาย



สรุป


    จบกันไปแล้วสำหรับไกด์แนะนำการเลือกซื้อฮาร์ดแวร์เพื่อการเล่นเกม โดยทั่วไปแล้วปัจจัยหลักคืองบประมาณที่แต่ละคนมี ใครงบมากก็มีสิทธิ์เล่นเกมใหม่พร้อมเปิดคุณสมบัติกราฟิกสวยๆ ได้อย่างไหลลื่น ใครงบน้อยก็ปรับลดความสวยงามลง หากยอมรับความจริงตรงนี้ได้ก็จะมีความสุขกับการเล่นเกมมากขึ้นแน่นอนครับ

ที่มา: นิตยสาร Future Gamer เล่ม 234

แชร์เรื่องนี้:
Jack Vai
About the Author

Jack Vai

กองบรรณาธิการ Online Station ที่ชื่นชอบเกมแนว Action RPG

เรื่องที่คุณอาจสนใจ