ย้อนดู 5 เกมในยุค PS2 ที่มีเกมเพลย์โชว์ไอเดียสุดแหวกแนว

แชร์เรื่องนี้:
ย้อนดู 5 เกมในยุค PS2 ที่มีเกมเพลย์โชว์ไอเดียสุดแหวกแนว

หากเพื่อนๆ คนไหนเป็นเกมเมอร์ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป คงน่าจะได้เคยสัมผัสกับเครื่องเกมคอนโซลระดับตำนานอย่าง PlayStation 2 หรือ PS2 กันมาบ้าง ซึ่งเจ้าเครื่องนี้เคยสร้างประวัติศาสตร์เอาไว้มากมาย แต่ที่เห็นได้ชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่เป็นเครื่องเกมคอนโซลที่ขายดีที่สุดในโลกนับตั้งแต่มีวงการเกมถือกำเนิดบนโลกเลย ด้วยยอดขายที่สูงถึง 155 ล้านเครื่อง ขณะเดียวกัน ในยุคของ PS2 นี้ก็มีเกมดังระดับ AAA มากมาย และก็รวมถึงเกมที่ขายไอเดียแหวกแนวซึ่งนำเสนอผ่านทางเกมเพลย์ด้วย โดยรอบนี้ทางทีมงาน OS ขอนำเสนอเกมที่มีเกมเพลย์สุดแปลกมาให้ได้ชมกันครับ

----------------------------------------------

1. Mister Mosquito
ผู้พัฒนา: Zoom
เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรก: 21 มิถุนายน 2544

เห็นหน้าปกเกมของเวอร์ชั่นญี่ปุ่นทางซ้ายมือแล้วอาจจะชวนงงเอาได้ว่าทำไมเป็นรูปเท้าไซส์เบ้อเร้อ พร้อมกับยุงตัวกระจิ๊ดริด แต่ถ้าได้ลองเล่นดูจริงๆ ถึงจะร้องอ๋อครับว่าเกมนี้เราจะได้รับบทเป็นยุงตัวน้อย ที่ต้องทำหน้าที่คอยดูดเลือดจากสมาชิกครอบครัวยามาดะในหน้าร้อนจนอิ่ม เพื่อให้เพียงพอต่อการจำศีลในหน้าหนาวได้นั่นเอง โดยในแต่ละด่านก็จะมีเป้าหมายให้เราทำ ซึ่งหนีไม่พ้นการลอบเข้าไปกัดและดูดเลือดสมาชิกในบ้านคนใดคนหนึ่งให้สำเร็จ โดยที่ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว มิเช่นนั้นเราก็จะต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายหนีการตามเอาชีวิตจากพ่อแม่ลูกตระกูลยามาดะทันที นอกจากนี้ เมื่อเล่นในด่านหลังๆ ก็จะมีอุปสรรคทำให้เราเข้าไปดูดเลือดได้ยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นควันจากยากันยุง ละอองจากยาฉีดยุงแบบกระป๋อง เป็นต้น ถือว่าเป็นเกมที่มีการนำเสนอไอเดียที่แหวกแนวได้ดีในยุคนั้น และยังเคยถูกยกให้เป็น 1 ใน 10 เกมสุดแปลกตลอดกาลของวงการเกม จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Game Informer ฉบับเดือนเมษายน 2551 ด้วยครับ

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Mister Mosquito

----------------------------------------------

2. Stuntman
ผู้พัฒนา: Reflections Interactive
เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรก: 25 มิถุนายน 2545

เวลาเราชมภาพยนตร์ที่มีฉากขับรถไล่ล่า เราก็มักจะตื่นตาตื่นใจกับความสามารถของพระเอกในเรื่องว่าทำไมถึงขับรถได้เทพขนาดนั้น แต่สำหรับเกม Stuntman นี้จะให้รสชาติของการผจญภัยที่แปลกออกไป เมื่อเราต้องเปลี่ยนบทบาทมาเป็นสตั๊นท์แมนที่ต้องทำงานเป็นเหมือนเงาของนักแสดงนำในภาพยนตร์แทน ซึ่งวัตถุประสงค์ของเกมนี้ก็คือต้องขับรถผาดโผนตามคำสั่งของผู้กำกับ ไม่ว่าจะเป็นฉากขับรถไล่ล่าในทางแคบๆ ฉากขับรถฝ่าสิ่งกีดขวาง หรือแม้แต่การขับรถเบียดปะทะกัน ตัวเกมค่อนข้างมีความยากจนบรรดานักวิจารณ์หลายคนในตอนนั้นถึงกับเอ่ยว่าต้องมีตายเพื่อเรียนรู้กันหลายรอบกว่าจะผ่าน (แหม่...พูดอย่างกับเกมนี้เป็นเกม Dark Souls ไปได้)

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Stuntman

----------------------------------------------

3. Okami
ผู้พัฒนา: Clover Studio
เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรก: 20 เมษายน 2549

Okami เป็นเกมที่ถือกำเนิดมาในยุคปลายของ PS2 ที่ตอนนั้น Capcom พยายามสร้างสรรค์เกมไตเติ้ลใหม่ๆ ออกมามากมาย ซึ่งหลายๆ เกมที่สร้างออกมาก็ค่อนข้างมีเอกลักษณ์สะดุดตา กอปรกับเกมเพลย์ที่แหวกแนว ดูไม่จำเจดี ทว่ามีเพียง Okami กับอีกเพียงไม่กี่เกมที่พอจะเอาตัวรอดในเรื่องยอดขายได้บ้าง จนมีการพอร์ตลงแพลตฟอร์มอื่นตามมาในภายหลัง สิ่งที่โดดเด่นของเกมนี้ จะเริ่มสังเกตได้จากรูปแบบการดีไซน์ที่เป็นภาพวาดพู่กัน ลายเส้นแบบญี่ปุ่นโบราณ รวมถึงตัวเอกของเกมที่เป็นเทพพระอาทิตย์ตามตำนานของญี่ปุ่นนามว่า อามาเทราสึ ที่จำแลงกายอยู่ในร่างของสุนัขสีขาว โดยต้องใช้ความสามารถของการใช้พู่กันเวทมนตร์ในการวาดเส้นบนฉากเพื่อให้เกิดอภินิหารต่างๆ ในการสู้กับศัตรูหรือผ่านทาง และในไทยเองก็มีเกมเมอร์ชื่นชอบเกมนี้และติดกันงอมแงมเยอะอยู่

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Okami

----------------------------------------------

4. Fantavision
ผู้พัฒนา: Sony
เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรก: 25 ตุลาคม 2543

เห็นชื่อแล้วอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเป็นเกมโปรโมทน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งนะครับ โดยเกม Fantavision นี้เป็นเกมแนวพัซเซิลยุคบุกเบิกของ PS2 ที่จะแปลกกว่าเกมพัซเซิลทั่วไปตรงที่เราจะต้องทำการจุดดอกไม้ไฟให้ได้ตามที่เป้าหมายกำหนด ซึ่งจะมีวงกลมให้เราเลื่อนไปกดปุ่มให้ทันเวลา และต้องเรียงลำดับตามกัน จึงจะจุดออกมาเป็นแพทเทิร์นที่มีสีต่างๆ ได้ ความนิยมของเกมนี้ค่อนข้างจะเฉพาะกลุ่มเอามากๆ เรียกว่ามากซะจนยอดขายไม่ไปถึงดวงดาว และก็ไม่มีภาคต่ออีกเลยนับแต่นั้น

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Fantavision

----------------------------------------------

5. Katamari Damacy
ผู้พัฒนา: Namco
เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรก: 18 มีนาคม 2547

Katamari Damacy เป็นเกมสุดอินดี้ที่จะเล่าถึงเจ้าชายองค์หนึ่งที่ต้องการจะบูรณะหมู่ดาวและดวงจันทร์เสียใหม่ เนื่องจากพระราชาผู้เป็นพ่อแท้ๆ ของตัวเองได้บังเอิญเผลอไปทำลายทิ้งเข้า เจ้าชายก็เลยต้องรวบรวมวัตถุดิบในการสร้าง ด้วยการทำหน้าที่กลิ้งลูกบอลที่มีคุณสมบัติดึงดูดทุกสิ่งที่สัมผัสกับผิวลูกบอลมาอยู่กับตัว โดยลูกบอลนี้มีชื่อว่า คาตามาริ และเมื่อสะสมวัตถุได้มากขึ้น ลูกบอลก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ สิ่งที่ดูจะเด่นกว่าใครเพื่อนในเกมนี้ก็คงจะเป็นองค์ประกอบศิลป์ต่างๆ อาทิ ด้านการออกแบบตัวละคร ฉาก และเนื้อเรื่อง ที่พอมามองแบบรวมๆ แล้วก็ชวนรู้สึกได้ว่าเกมนี้ค่อนข้างมีความเป็นนามธรรมเสียเหลือเกิน และก็ยิ่งน่าตกใจกว่าตรงที่เกมดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะผู้สร้างเองก็คงไม่อยากเชื่อว่าเกมนี้จะมาไกลขนาดนี้ได้

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Katamari Damacy

แชร์เรื่องนี้:
Vesper
About the Author

Vesper

เหนื่อยจากเกมก็ลองหยุดพัก แต่ถ้าเหนื่อยจากรักก็จงหยุดเถอะ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ