เทียบกันชัดๆ กับ 5 อันดับเกมทรงคุณค่า คุ้มราคาและเวลาที่เสียไป

แชร์เรื่องนี้:
เทียบกันชัดๆ กับ 5 อันดับเกมทรงคุณค่า คุ้มราคาและเวลาที่เสียไป

The Witcher 3: The Wild Hunt
    ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีเกมวางจำหน่ายออกมาให้เราได้เลือกซื้อหามากมายหลายแนว บางเกมก็มีราคาถูก บางเกมก็มีราคาแพง แตกต่างกันออกไป มีอยู่หลายเกมที่ผมมีความคิดว่า "ซื้อมาไม่คุ้มค่าเงินเลย" แต่ก็มีเกมจำนวนไม่น้อยที่ "ซื้อมาแล้วคุ้มมากมาย" และในวันนี้เราจะมาดูกันครับว่ามีเกมไหนบ้างที่เป็น "เกมทรงคุณค่า คุ้มเงินและเวลาที่เสียไปเป็นเดือน" กันครับ

อันดับ 5. Diablo III
แพลทฟอร์ม:
PC, PlayStation 4, PlayStation 3, Xbox One, Xbox 360
เวลาที่ใช้เล่นโดยเฉลี่ย: 182 ชั่วโมง
ราคา: 1,350 บาท
เฉลี่ยมูลค่าเกมต่อผู้เล่น: 7.4 บาทต่อชั่วโมง

Diablo III
    จุดขายของ Diablo III  ก็ไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องแต่เป็นเกมเพลย์ต่างหาก ซึ่งในส่วนนี้ Diablo III ยังคงรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของต้นตำรับเกมตะลุยดันเจียนแนว Hack & Slash เอาไว้ได้เป็นอย่างดี คุณจะได้ควบคุมฮีโร่ตัวโปรดเข้าห้ำหั่นกับฝูงมอนสเตอร์เป็นโขลง เพื่อค้นหาไอเท็มสุดเมพ.. เจ้ย เพื่อกอบกู้ความสงบสุขของโลกกลับมาอีกครั้งต่างหาก Diablo III นับเป็นวังวนที่ดูดวิญญาณผู้เล่นให้เล่นซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่รู้จบได้ก็คือการฟาร์มเพื่อหาไอเท็มระดับเทพมาสวมใส่ให้กับตัวละครตัวเก่งของคุณนั่นเอง


 

อันดับ 4. Persona 5
แพลทฟอร์ม: PlayStation 4, PlayStation 3
เวลาที่ใช้เล่นโดยเฉลี่ย: 158 ชั่วโมง
ราคา: 990 บาท
เฉลี่ยมูลค่าเกมต่อผู้เล่น: 6.2 บาทต่อชั่วโมง

Persona 5
    นับเป็นอีกหนึ่งซีรี่ส์เกมที่จำเป็นต้องใช้เวลาเล่นอย่างยาวนานกับ Persona 5 เป็นเกมที่ผสมผสานการใช้เรื่องราวชีวิตในรั้วโรงเรียนของกลุ่มตัวเอกวัยมัธยมปลายที่พวกเขาจะต้องต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ตัวเกมมีเนื้อหาหลักและรองมากมายให้เลือกทำ เกมเพลย์ที่คงเอกลักษณ์ หากใครที่ต้องการจบเกมแบบครบ 100 เปอร์เซนต์ ต้องใช้เวลาในการเล่นเกมนี้มากกว่า 100 ชั่วโมงแน่นอน


 

อันดับที่ 3. The Witcher 3: The Wild Hunt
แพลทฟอร์ม: PC, PlayStation 4, PlayStation 3, Xbox One, Xbox 360
เวลาที่ใช้เล่นโดยเฉลี่ย: 174 ชั่วโมง
ราคา: 1,039 บาท
เฉลี่ยมูลค่าเกมต่อผู้เล่น: 5.9 บาทต่อชั่วโมง

The Witcher 3: The Wild Hunt
    Geralt หมาป่าขาวแห่ง Rivia สุดยอด Witcher ในตำนานกลับมาอีกครั้ง จุดเด่นที่สำคัญที่สุดในภาคนี้ก็คือการที่ตัวเกมถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเกม RPG Open World แบบเต็มตัว ภารกิจที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างดีและมีทางเลือกหลากหลายพร้อมกับตัวเลือกสุดลำบากใจให้ได้ตัดสินใจกัน แน่นอนว่าภาคนี้ภารกิจและตัวเลือกต่างๆ ได้ถูกพัฒนาปรับปรุงไปอีกระดับ การกระทำของผู้เล่นจะส่งผลกระทบกับโลกภายในเกมโดยตรง นับเป็นอีกหนึ่งเกมที่คุ้มค่าเงินมากๆ


 

อันดับที่ 2. The Elder Scrolls V: Skyrim Special Edition
แพลทฟอร์ม: PC, PlayStation 4, PlayStation 3, Xbox One, Xbox 360
เวลาที่ใช้เล่นโดยเฉลี่ย: 241 ชั่วโมง
ราคา: 1,410 บาท
เฉลี่ยมูลค่าเกมต่อผู้เล่น: 5.08 บาทต่อชั่วโมง

The Elder Scrolls V: Skyrim Special Edition
    หากถามถึงเกมเมอร์หลายๆ คนว่าเกมเก่าที่พวกเขาเล่นอยู่นั้น คือเกมอะไร? เชื่อว่าเกือบ 90 เปอร์เซนต์นั้นจะต้องตอบว่าเกม The Elder Scrolls V: Skyrim แน่น่อน เพราะนี่คือเกมที่มีเรื่อวราว ภารกิจและอื่นๆ อีกจิปาถะให้ได้ทำมากๆ แถมเล่นอีกรอบกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ และนี่จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม The Elder Scrolls V: Skyrim Special Edition จึงเป็นเกมที่คุ้มค่าเงินที่ซื้อมาครับ


 

อันดับ 1. Monster Hunter 3 Ultimate
แพลทฟอร์ม: Nintendo 3DS, Wii U
เวลาที่ใช้เล่นโดยเฉลี่ย: 693 ชั่วโมง
ราคา: 1,031 บาท (ราคาวางจำหน่ายตอนเปิดตัว)
เฉลี่ยมูลค่าเกมต่อผู้เล่น: 1.48 บาทต่อชั่วโมง

Monster Hunter 3 Ultimate
    ถือเป็นอีกหนึ่งซีรี่ส์ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กันสำหรับ Monster Hunter ที่ตัวเกมจะจูงมือคุณสู่การเป็นนักล่าที่มีภารกิจในการออกสำรวจโลกของ Monster Hunter พร้อมกับล่าสัตว์ประหลาดทั้งหลาย เพื่อนยังต้องฝึกฝนทักษะประจำต้องและอัพเกรดพวกอาวุธ ชุดเกราะหรืออย่างอื่นด้วย ด้วยภารกิจที่มีมากกว่า 200 ภารกิจมันจึงไม่น่าแปลกใจว่าจะต้องใช้เวลาเล่นสักเท่าไหร่จึงจะจบเกมนี้

    หมายเหตุ* บทความนี้เป็นการยกตัวอย่างเกมที่มีเนื้อหาตายตัว และจำนวนชั่วโมงคือเวลาโดยเฉลี่ยที่ใช้เล่นเพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์ จบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่นับรวมเกมแบบ Overwatch หรือแนว MOBA ที่เน้นการเล่นกับเพื่อนๆ ซ้ำไปซ้ำมาได้เรื่อยๆ 
    ที่มา: http://www.gamesradar.com

แชร์เรื่องนี้:
Jack Vai
About the Author

Jack Vai

กองบรรณาธิการ Online Station ที่ชื่นชอบเกมแนว Action RPG

เรื่องที่คุณอาจสนใจ