พลิกแฟ้ม 8 เกมดังแห่งประวัติศาสตร์ที่ใช้เวลาพัฒนานานเกินจนโลกแทบลืม

นับตั้งแต่โบราณมา เรามักจะได้ยินสุภาษิตที่ว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ที่ใช้เตือนใจผู้คนว่า ทำอะไรก็ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องรีบร้อน แล้วงานจะออกมาดี แต่ดูเหมือนว่าสุภาษิตนี้ไม่น่าจะใช้ได้ผลกับวงการเกมเท่าไหร่นัก เพราะท่ามกลางสื่อบันเทิงทั้งหลายของทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลง หรือแม้แต่วิดีโอเกม จะมีคำที่ใช้เรียกผลงานที่ใช้เวลาในการทำนานผิดปกติ ซึ่งอาจจะเกิดจากการประสบปัญหาภายในของค่ายเกมนั้นๆ หรือด้วยปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ จนทำให้กระบวนการพัฒนาเกมต้องล่าช้าหรือโดนดองยาว โดยคำนั้นมีชื่อว่า Development Hell นั่นเอง ในขณะที่บางเกมทำนานแล้วอาจจะออกมาดี แต่ก็มีอยู่หลายเกมที่ทำก็นานแล้วดันแป้กไม่สมกับที่รอจนลืม (สงสัยนึกว่าเกมจะเป็นเหมือนไวน์ ที่ยิ่งบ่มแล้วรสยิ่งดี)

และในบทความรอบนี้ ทางทีมงาน OS จึงขอแนะนำ 8 เกมแห่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการที่ใช้เวลาพัฒนาน๊านนนนน….นานจนคนแทบลืมไปแล้วว่าเคยมีเกมนี้อยู่ หรือลืมไปแล้วว่าเกมนี้มันทำเสร็จแล้วหรือยังกันครับ

————————————————————-

1. Duke Nukem Forever

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: เมษายน 1997
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 10 มิถุนายน 2011
แพลตฟอร์ม: PS3, Xbox 360, PC

เกมแรกที่ต้องแนะนำให้รู้จักเลยก็คือ Duke Nukem Forever เกมแนว FPS ซึ่งเป็นภาคต่อของ Duke Nukem 3D ครับ โดยเจ้าเกมนี้เคยมีการประกาศว่าจะพัฒนามาตั้งแต่เดือนเมษายน 1997 นู่นเลย แต่กว่าที่จะเกมนี้จะแล้วเสร็จจนสามารถนำออกวางจำหน่ายได้ ตัวเกมต้องประสบปัญหารุมเร้าสารพัด โดยตอนแรกหลังจากประกาศเปิดตัวไปแล้วนั้น ทางผู้พัฒนาก็ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเกมออกมาโปรโมทในช่วงระหว่างปี 1997-1998 ทว่าต่อมาก็มีการเลื่อนประกาศวันวางจำหน่ายกันแบบรัวๆ กระทั่งในปี 2001 ทางค่าย 3D Realms ก็ได้ออกมาแถลงกับแฟนๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเกมนี้ด้วยคำพูดประมาณว่า “เกมเสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” จบประโยคปุ๊บ วงการเกมก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ ของเกมนี้อีกเลยเป็นเวลานานถึงเกือบ 8 ปี

พอเข้าสู่เดือนพฤษภาคม 2009 ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อ 3D Realms ผู้พัฒนาเกมนี้มีความจำเป็นต้องลดขนาดขององค์กรลง เนื่องด้วยปัญหาทางการเงินภายในบริษัท นั่นจึงส่งผลให้ต้องสูญเสียบุคลากรในทีมพัฒนา Duke Nukem Forever ไปอีกส่วนนึง มิหนำซ้ำ ทางบริษัท Take-Two ผู้ได้สิทธิ์จัดจำหน่ายเกมนี้อย่างเป็นทางการก็ได้ยื่นฟ้อง 3D Realms ด้วยข้อหาที่ไม่สามารถทำเกมให้เสร็จทันตามกรอบระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ได้ สุดท้ายคดีก็สิ้นสุดลงโดยไม่มีการเปิดเผยคำตัดสินของศาลออกสู่สาธารณะแต่อย่างใด

ช่วงปลายปี 2010 เกม Duke Nukem Forever ได้ถูกโยกไปให้ทีม Gearbox Software พัฒนาแทน โดยมี 2K Games เป็นผู้จัดจำหน่ายให้ ในที่สุด เกมนี้ก็ถูกประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะวางจำหน่ายในกลางปี 2011 หรือหลังจากประกาศเปิดตัวครั้งแรกเป็นเวลา 14 ปี และแล้วพอเกมวางขายจริงๆ ปรากฏว่าคะแนนวิจารณ์จากแต่ละสำนักข่าวแทบดูไม่จืดเลย ส่วนใหญ่จะสับว่าการออกแบบฉากและระบบการยิงต่อสู้ทำออกมาได้แย่มาก เกมเพลย์โดยรวมมีแต่ความน่าเบื่อและความสนุกในภาพรวมก็ไม่คุ้มสมกับที่แฟนๆ รอกันมากว่าเกือบ 2 ทศวรรษแม้แต่นิดเดียว

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Duke Nukem Forever

————————————————————-

2. Aliens: Colonial Marines

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: ปี 2001
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 12 กุมภาพันธ์ 2013
แพลตฟอร์ม: PS3, Xbox 360, PC

นี่ก็เป็นอีกเกมที่ใช้เวลาพัฒนานานกว่า 12 ปี ซึ่งจริงๆ แล้วเกมนี้เดิมทีเคยถูกพัฒนาโดยทีม Check Six Games ให้เป็นแนว FPS และถูกยกเลิกโปรเจ็กต์ไปเสียก่อน ต่อมาสิทธิ์ในตัวแฟรนไชส์เกม Alien ก็โดนขายให้กับทาง Sega ในปี 2006 และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนี่เอง ทางค่าย Gearbox Studios ก็ประกาศว่ากำลังพัฒนาเกม Aliens: Colonial Marines พร้อมกับเซ็ตเนื้อเรื่องให้เป็นภาคต่อของภาพยนตร์ Aliens (Alien ภาค 2) ที่เคยฉายเมื่อปี 1986

กาลเวลาผ่านไป 7 ปี เกมนี้ก็แล้วเสร็จ ตามมาด้วยกระแสตอบรับด้านลบที่ถาโถมเข้ามาทั่วทุกสารทิศ ทั้งเรื่องบั๊กที่พบเจออยู่เต็มไปหมด ปัญหาเรื่อง AI ที่ออกแบบมาไม่ดี ระบบของเกมที่ไม่มีความสมดุลอะไรสักอย่าง กราฟิกก็ตกยุคเหมือนเกมในช่วงต้นเจนของ PS3, Xbox 360 จนถูกเกมเมอร์โหวตให้เป็น 1 ในเกมยอดแย่ของปี 2013 เลยทีเดียว

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Aliens: Colonial Marines

————————————————————-

3. Mother 3

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: ปี 1994
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 20 เมษายน 2006
แพลตฟอร์ม: Game Boy Advance

ไม่น่าจะมีใครคาดคิดมาก่อนนะครับว่าปู่นินผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเกมมาหลายทศวรรษจะมีเกมที่อยู่ในข่าย Development Hell กับเขาด้วย โดยโครงการพัฒนาเกมแนว RPG อย่าง Mother 3 ได้เริ่มขึ้นในช่วงปี 1994 และมีแผนลงให้กับเครื่อง Super Famicom เหมือนกับ Mother 2 ทว่าสักพักก็ประกาศว่าจะย้ายไปลงให้กับ Nintendo 64 ที่เป็นเครื่องเกมของ Nintendo ในเจนถัดมา และจะทำกราฟิกเป็น 3D แถมตั้งเป้าว่าจะเป็นเกมที่เล่นผ่านอุปกรณ์เสริม 64DD ที่เล่นด้วยแผ่นดิสก์แม่เหล็กของเครื่อง Nintendo 64 อีกด้วย แต่โชคร้ายที่ 64DD ดันเจ๊งไม่เป็นท่า ไหนจะเจอโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีก กอปรกับทางทีมงานที่พัฒนา Mother 3 ยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะทำเกมที่รันกราฟิกที่เป็น 3D โพลิกอนให้ได้มีประสิทธิภาพนัก ก่อนจะลงเอยด้วยการยกเลิกโปรเจ็กต์ไปแบบเงียบๆ ในปี 2000

เกมดูท่าว่าจะจอดไปด้วยสภาพนั้น แต่แล้วทาง Nintendo ก็ไปรวบรวมสิ่งที่หลงเหลือจากโปรเจ็กต์ Mother 3 ที่ทำค้างไว้มาทำเป็นเกมแนว 2D เหมือนเดิมแทน แล้วเปลี่ยนมาลงให้กับ Game Boy Advance ที่เป็นเครื่องพกพา จนได้วางจำหน่ายในปี 2006 แต่มีเพียงเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเท่านั้น (ในภายหลังมีแฟนเกมไปดัดแปลงใส่แฟนซับภาษาอังกฤษ แต่ทีมงานไม่ขอชี้ช่องนะครับ)

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Mother 3

————————————————————-

4. The Last Guardian

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: ปี 2007
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 6 ธันวาคม 2016
แพลตฟอร์ม: PS4

ข้ามมาฝั่งเกม Exclusive ของ Sony กันบ้าง กับผลงานจาก Studio Japan ซึ่งเป็นทีมผู้สร้างเกม ICO และ Shadow of the Colossus ที่มีการประกาศเปิดตัวอย่างฮือฮาด้วยการเผยตัวละครเด็กน้อยที่มีสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายแมวกับนกผสมกันเป็นเพื่อนคู่ใจ เกมทำท่าว่าจะพัฒนาไปได้อย่างราบรื่น แต่ก็ดั๊นนนน…มีปัญหาขัดแย้งกันระหว่างทีมพัฒนากับทาง Sony ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย เท่านั้นแหละครับ ทำให้เกมนี้ต้องตกไปอยู่หลุมดำที่มีชื่อว่า Development Hell ทันที อีกทั้งคุณฟุมิโตะ อุเอดะ (Fumito Ueda) หัวหน้าทีมพัฒนา The Last Guardian ต้องลาออกจาก Sony แต่ยังคงมีหน้าที่พัฒนาเกมต่อให้เสร็จอยู่ ต่อมาการพัฒนาก็ยิ่งล่าช้าไปอีก เมื่อ Sony ตัดสินใจย้ายแพลตฟอร์มของเกมนี้จากเดิมที่จะ PS3 ไปเป็น PS4 แทน

หลังจากที่ทุลักทุเลมานานถึง 9 ปี เกมก็เข็นกันจนเสร็จสิ้น แต่ด้วยความที่ตัวเกมถูกช่องว่างของยุคสมัยระหว่างเจนของเครื่องคอนโซลดึงหายไปนานเกือบ 10 ปี ทำให้องค์ประกอบหลักอย่างเกมเพลย์ดูเก่าและล้าหลังเกินไปเมื่อเทียบกับเกมในยุคนี้ (แถมยังมีปัญหาเฟรมเรตที่ร่วงแหลกราญ ไม่สัมพันธ์กับสเกลและคุณภาพกราฟิกของเกม) ซึ่งถ้าเกมถูกวางจำหน่ายในยุค PS3 ได้ทันก็คงสร้างความประทับใจได้มากกว่าที่เป็นอยู่ พอเกมออกมาช้าเกินไป มันก็เลยสร้างปรากฏการณ์อะไรให้กับวงการเกมไม่ได้ซะแล้ว

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม The Last Guardian

————————————————————-

5. Team Fortress 2

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: มิถุนายน 1999
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 10 ตุลาคม 2007
แพลตฟอร์ม: PS3, Xbox 360, PC

อย่างน้อยก็น่าจะมีเกมนี้ในสารบบอีกเกมนึงที่แม้จะเข้าข่าย Development Hell ก็จริง แต่คุณภาพที่ออกมาก็ค่อนข้างสมกับที่แฟนเกมรอคอยกัน โดย Team Fortress 2 มีระยะเวลาพัฒนาที่กินเวลาประมาณ 8 ปี ซึ่งภาค 2 นี้ก็มีการเปลี่ยนโฉมเกมเพลย์และงานศิลป์ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ช่วงนั้นเกมเมอร์หลายคนหวั่นว่าเปลี่ยนจากภาคแรกซะเยอะขนาดนี้แล้วมันจะเวิร์คมั้ย ทว่าพอเกมออกมา กระแสความวิตกก็มลายหายไปทันตา (ขืนทำนานแล้วแย่ก็เสียชื่อ Valve หมดน่ะสิ)

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Team Fortress 2

————————————————————-

6. Final Fantasy XV

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: ปี 2006 (นับตั้งแต่ยังเป็นชื่อ Final Fantasy Versus XIII)
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 29 พฤศจิกายน 2016
แพลตฟอร์ม: PS4, Xbox One

เป็นที่ทราบกันดีว่า กว่าจะมาเป็นชื่อ Final Fantasy XV อย่างที่เราๆ ได้เล่นกันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เกมนี้เคยถูกใช้ชื่อว่า Final Fantasy Versus XIII ซึ่งเป็นภาค Spin-off ของ Final Fantasy XIII มาก่อน และผู้กำกับ ณ ตอนนั้นก็ยังเป็นคุณเท็ตสึยะ โนมุระ (Tetsuya Nomura) โดยพี่แกรับผิดชอบตำแหน่งออกแบบตัวละครและวางคอนเซ็ปต์เกมควบคู่ไปด้วย กระทั่งมาถึงปี 2012 เกมก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Final Fantasy XV แบบกะทันหัน ตลอดจนเปลี่ยนผู้กำกับมาเป็นคุณฮาจิเมะ ทาบาตะ (Hajime Tabata) แทน พร้อมกับขยายเนื้อหาของเกมด้วยการแตกไลน์เป็นสื่อบันเทิงชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น การ์ตูนอนิเมะ เกมบนสมาร์ทโฟน รวมถึงโหมดที่รองรับกับอุปกรณ์ VR ที่อาจจะออกตามมาในอนาคต

อย่างไรก็ตาม จนแล้วจนรอดหลังจากเจอมรสุมรุมเร้ารอบด้าน เกมก็ยังได้วางจำหน่ายตามที่กำหนดไว้ (แม้ระหว่างนั้นจะมีเลื่อนบ้างก็ตาม) แต่ด้วยความที่เกมโดนบีบให้รีบวางจำหน่าย ก็เลยทำให้มีบั๊กหรือข้อบกพร่องให้เห็นในช่วงแรกๆ เยอะมาก ก่อนที่ทาง Square Enix ต้องมาคอยออก Patch แก้บั๊กอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะเสียงวิจารณ์จากผู้เล่นที่แตกเป็นหลายทาง บ้างก็ชมที่เกมพยายามเข้าถึงกลุ่มคนที่ไม่ใช่แฟนซีรีส์นี้มากขึ้น บ้างก็ว่าเกมทำออกมาขาดๆ เกินๆ ไม่คุ้มกับที่รอนาน 10 ปี ถึงกระนั้นก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนแล้วครับ Vote with Your Money ล้วนๆ

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Final Fantasy XV

————————————————————-

7. Prey

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: สิงหาคม 2006
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 5 พฤษภาคม 2017
แพลตฟอร์ม: PS4, Xbox One, PC

จากความสำเร็จที่ Prey ภาคแรกได้สร้างเอาไว้เมื่อปี 2006 ทางทีมพัฒนาก็เลยเตรียมแผนทำ Prey 2 ต่อโดยไม่รอช้า ทว่าในปี 2009 สิทธิ์ของเกม Prey ก็ถูกโอนจาก 3D Realms ไปยัง ZeniMax Media (ซึ่งเป็นเจ้าของสตูดิโอ Bethesda Softworks อีกทีหนึ่ง) ต่อมาเกม Prey 2 จึงถูกประกาศอย่างเต็มตัวในปี 2011 และตั้งเป้าว่าจะวางจำหน่ายภายในปี 2012 แต่ก็เกิดปัญหาภายในขึ้น ทำให้ Human Head Studios ที่รับผิดชอบโปรเจ็กต์ตอนแรกต้องหยุดการพัฒนาไปในช่วงปลายปี 2011 เป็นเหตุให้เกมจำเป็นต้องเลื่อนการพัฒนาออกไป พร้อมกับข่าวลือที่แพร่สะพัดว่าทีม Human Head โดนปลดกลางอากาศ แล้วส่งโปรเจ็กต์ให้ Arkane Studios ดูแลแทน และเมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม 2014 ทาง Bethesda ก็ประกาศยกเลิกการพัฒนา Prey 2 ไปโดยปริยาย ท่ามกลางข่าวลือที่หลุดมาอีกว่า Arkane Studios ยังคงซุ่มพัฒนาเกมจากซีรีส์ Prey อยู่ กระทั่งความมาแตกเอาช่วงกลางปี 2016 ว่า Prey ได้ถูกนำมารีบูตใหม่โดย Arkane Studios และไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับ Prey เวอร์ชั่นดั้งเดิมเมื่อ 11 ปีก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Prey

————————————————————-

8. Owlboy

ประกาศเปิดตัวครั้งแรก: ปี 2007
กว่าจะได้วางจำหน่าย: 1 พฤศจิกายน 2016 (PC)
แพลตฟอร์ม: PC, Nintendo Switch (ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่าย)

Owlboy เป็นเกมแอ็กชั่นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย D-Pad Studio ค่ายเกมอินดี้ที่มีการเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2007 จากนั้นก็มีการเปิดตัวในปีถัดมา และแล้วปัญหาก็เริ่มอีรุงตุงนังเมื่อการพัฒนาเกมเริ่มใช้เวลานานโดยที่แฟนๆ ต่างไม่ทราบสาเหตุ พอเวลาผ่านไป ทีมพัฒนาก็เริ่มวิตกกังวลกับความคาดหวังของแฟนๆ ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึง Simon Andersen หัวหน้าทีมพัฒนาที่เกิดภาวะความเครียดอย่างหนักจนล้มป่วย ซึ่งเป็นโรคที่เขาเป็นมาตั้งแต่เด็ก จนต้องหันไปโฟกัสที่การพัฒนาเกมอื่นก่อน แล้วจึงค่อยมาสานต่อโปรเจ็กต์ Owlboy จนเสร็จและวางจำหน่ายบน PC เมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้

(ล่าง) คลิปตัวอย่างเกม Owlboy

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้