โดยปกติแล้ว Gaming Monitor จะมีการออกแบบให้เน้นในเรื่องของประสิทธิภาพให้ตอบสนองต่อความต้องการของเกมเมอร์ได้อย่างเต็มอารมณ์ เราก็ได้เห็นจอหลายตัวออกมาเป็นตัวเลือกมากมาย ทั้งจอแบบ 144Hz, ตอบสนองไว 1ms หรือแม้กระทั่งในเรื่องของสีสันหน้าจอ ซึ่งจะต้องมีค่าโปรไฟล์สีให้เหมาะกับเกมแต่ละประเภท ถึงจะได้ติดว่าเป็นมอนิเตอร์สำหรับคนคอเกมเต็มขั้น แต่สำหรับ Samsung CFG70 Series Curved Gaming Monitor มีอะไรที่แจ่มแมวมากกว่านั้นอีกครับ
Samsung CFG70 Series Curved Gaming Monitor เป็นจอมอนิเตอร์เกมแบบโค้งที่ยัดฟีเจอร์สำหรับเหล่าเกมเมอร์ทั้งหมดมาไว้ในตัวเอง ซึ่งทางผมเองก็ได้รับจอตัวนี้ซึ่งได้รับความใจดีจาก Samsung มาให้ได้ลองกัน จุดเด่นและดีไซน์ความแจ่มแจ๋วมีอะไร อย่างไหนบ้าง ก็ต้องชมกันตั้งแต่ต้นจนจบกันไปเลยครับ
สำหรับSamsung CFG70 Series Curved Gaming Monitorนับได้ว่าเป็นจอโค้งสำหรับเล่นเกมที่มีขนาด 24” และ 27” เป็นรุ่นแรกๆ เลยก็ว่าได้ครับ โดยปกติแล้วในเรื่องของสีสันตัวจอมอนิเตอร์เองไม่น้อยหน้าสมาร์ททีวี หรือหน้าจอสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว เพราะเป็นแบรนด์ที่ผลิตหน้าจอแนวหน้าของโลกเช่นกัน
ในหน้าจอทั้งสองขนาดที่มีความละเอียด 1920×1080 พิกเซล หรือในระดับ Full HD หน้าจอใช้เป็น VA Panel ด้วยความที่เป็นจอโค้ง จึงใช้เป็น Panel นี้ครับ โดยปกติแล้วมาตรฐานของจอ VA ให้การตอบสนอง (Respond Time) ได้ไวสุดเพียง 4ms เท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่จุดด้อยที่ของเจ้าตัวนี้ เพราะด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัวของ Samsung ทำให้จอมีการตอบสนองได้ไวถึง 1ms *MPRT (Motion Picture Response Time ) ทั้งที่เป็น VA Panel เหมือนกัน โดยในการปรับฟังก์ชั่นได้จากตัวจอ
สำหรับจอยังมีฟีเจอร์อีกตัวคือการรองรับ AMD FREESYNC โดยทำงานร่วมกับการ์ดจอของ AMD R7 260 ขึ้นไป จนถึง RX Series และ AMD APU ตั้งแต่รุ่น A6-7400K ขึ้นไปครับ เทคโนโลยีช่วยในการลดการฉีดขาดของตัวภาพขณะที่เล่นเกมอยู่ ในหลักการการทำงานอย่างเช่น จอมอนิเตอร์มี Refresh Rate ที่ 75Hz ดังนั้น GPU จะต้องทำการส่งภาพแสดงผลไปยังหน้าจอให้ทันตามการรีเฟรชของหน้าจอ หาก GPU ทำการส่งภาพไม่ทัน ภาพบางส่วนที่มีการส่งข้อมูลไปจะขึ้นไปก่อน แต่อีกส่วนจะยังคงใช้ภาพเดิม ทำให้ภาพเกิดการฉีกขาด (Tearing) หรือเกิดภาพนิ่งหรือกระตุก (Stuttering) เจ้าเทคโนโลยี FREESYNC ตัวนี้จะทำการปรับ Refresh Rate ให้ได้ภาพที่พร้อมกันและขจัดภาพฉีกขาดหรือกระตุกออกไปได้นั่นเองครับ
ทางด้านดีไซน์ ด้วยความที่มันโดดเด่นตั้งแต่แรกพบ (ไม่เหมือนรักแรกพบนะ) เริ่มจากดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะ “ขา” ของตัวมอนิเตอร์ซึ่งไม่ได้ทำมาให้โดดเด่นหรือโชว์สวยๆ แค่นั้น แต่ด้วยความที่ขามันไม่เหมือนกับแบบที่นิยมใช้กันเป็นแกนหลักแล้วยึดจอปรับขึ้นลง Samsung กับใช้เป็นขาตั้งลาดเอียงไปทางด้านหลังแล้วหักเป็นมุมกลับเข้ามาที่ตัวจอ สร้างการทรงตัวได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งในเรื่องของการปรับระดับความสูงของหน้าจอขึ้นลง ทำได้ง่ายแค่จับด้านข้างจอยกขึ้นลงโดยไม่ต้องออกแรงอะไรมากเหมือนกับแบรนด์หรือตัวอื่นที่มีแกนยึดตรงกลางที่ต้องค่อนข้างออกแรงมากกว่านิดนึง รวมถึงการปรับหน้าจอเป็นแนวตั้ง (Pivot) เองก็ทำได้ค่อนข้างง่าย
ขาส่วนด้านล่างไม่มีการเคลื่อนไหว ตัวที่ขยับคือตัวแกนยึดด้านบนเท่านั้น โดยแกนขยับได้ง่าย แต่ก็ไม่อ่อนไหว มีความแข็งแรงดีมากในระดับนึงเลยครับ
ตัวแกนที่ว่าตัวนี้ตรงตำแหน่งข้อต่อยังมีตัวเก็บสายเอาไว้เรียบร้อยกันรก รวมถึงเอาไว้แขวนหูฟังได้ในตัวได้ด้วยล่ะ
ด้านของการหันซ้ายขวา ของจอสามารถปรับมุมการใช้งานได้ในระดับที่ดีครับ สำหรับการปรับหน้าเงยขึ้นลงนั้นจะได้ไม่มาก ราว 20 องศา ซึ่งนั่นก็เพียงพอครับ เพราะตัวจอสามารถปรับระดับสูงต่ำได้อยู่แล้วนั่นเอง
มุมมองด้านบนจะได้เห็นความโค้งของจอตัวนี้ครับ ซึ่งค่าความโค้งของจอตัวนี้อยู่ 1800R แต่จะเห็นได้ว่าความโค้งของ Samsung CFG70 Series Curved Gaming Monitor มีมากกว่าจอโค้งตัวอื่นระดับนึงเลยล่ะครับ
ภายใต้ตัวจอมีไฟ LED สีฟ้าอ่อนสำหรับการเพิ่มความมันส์ในการเล่นเกมส์ โดยที่ไฟจะกระพริบตามจังหวะเสียงของเกมส์
พอร์ตการเชื่อมต่อมีให้ 3 พอร์ตหลักได้แก่ HDMI จำนวน 2 พอร์ตที่รองรับ Refresh Rate 120Hz และ Display Port อีกหนึ่งช่องโดยพอร์ตที่แนะนำให้ต่อคือพอร์ตนี้แหละครับ เพราะมันรองรับการทำงาน Refresh Rate 144Hz และ AMD FREESYNC ครับ หากใครต้องการใช้ทั้ง 2 ฟีเจอร์นี้ก็ต้องผ่านที่พอร์ตนี้ สำหรับช่อง 3.5 มม. มีช่องเสียบหูฟังและช่องสำหรับ Service มาให้
การเข้าถึงเมนูการตั้งค่าหน้าจอสามารถข้าถึงได้ด้วยปลายนิ้วเดียว เพราะปุ่มการใช้งานมาเป็นแบบ dial ซึ่งสามารถปรับขึ้น-ลง ซ้าย-ขวาเพื่อใช้คำสั่งต่างๆ รวมไปถึงการกดเพื่อตกลง ทำให้การใช้งานฟังก์ชั่นหรือเลือกเมนูต่างๆ ไม่ต้องมานั่งใช้หลายปุ่มให้วุ่นวาย ง่ายและสะดวก
ดูดีไซน์และรูปทรงเสร็จเรียบร้อยกันไปแล้ว คราวนี้เราก็มาดูฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ กันบ้างว่าภายในเมนูมีอะไรกันบ้าง
เมื่อเรากดปุ่ม dial ลงไปตรงกลาง ระบบจะแสดงตัวเลือกการใช้งานดังนี้ครับ เลื่อนขึ้นเพื่อเข้าสู่เมนูหลัก เลื่อนลงปิดหน้าจอ เลื่อนซ้ายเพื่อเลือก Source หรือแหล่งภาพ และขวาคือ Eye Saver เป็นการเปิดฟังก์ชั่นลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมดวงตา
กดเข้าสู่เมนูหลักหน้าจอแสดงการใช้งาน บอกในส่วนของฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ทำงานอยู่ ครับ ผมขอไล่ไปตามลำดับว่าแต่ละหมวดเลยละกัน ในหมวดแรกคือหมวดเกมครับ ในนี้จะเป็นหมวดที่รวมฟังก์ชั่นสำหรับเกมเมอร์เอาไว้อย่างครบถ้วนแค่เพียงเข้าในหมวดแรกก็ปรับแต่งได้เสร็จสรรพจากหมวดเดียว
โหมดหน้าจอสีมีให้เลือกมากถึง 8 โหมด โดยมีโหมดสีเกม 3 โหมด ได้แก่ FPS, RTS และ RPG ซึ่งมีให้ครบกับเกมหลักๆ ที่ทุกคนต้องการ ส่วนค่าสีที่เหลือเป็นโหมดดูหนัง (Cinema) หรือถ้าต้องทำงานที่ค่อนข้างเน้นเรื่องสีอย่าง Photoshop / Lightroom ก็สามารถใช้ sRGB ต่อด้วยโหมด AOS และ High-Brightness และท้ายสุดคือโหมดสีที่เราปรับเองนี่แหละครับ
Refresh Rate แน่นอนว่าได้สูงสุดที่ 144Hz แต่ใช้ผ่าน DVI Dual Link หรือ DisplayPort นะครับ ถ้าใช้ HDMI จะได้สูงสุดที่ 120Hz
โหมดนี้ยังงัยก็ต้องมี นั่นคือ Black Equalizer ซึ่งปรับระดับความดำของจุดมืดได้มากสุดที่ 20 ระดับ
Respond Time สามารถปรับได้ 3 ระดับครับ ซึ่งถ้าเป็นความเร็วปกติอยู่ที่ 4ms ตามสเปกของ VA Panel และไล่ไปที่ Fastest อยู่ที่ 1ms ครับ
AMD FREESYNC มีอยู่ในตัว Samsung CFG70 Series Curved Gaming Monitor โดยที่ตัวเครื่องให้สาย DisplayPort มาแล้ว ดังนั้นก็ใช้สายนั้นเลยครับ ทั้งนี้ FREESYNC ทำงานบน Refresh Rate 70-144Hz หากต่ำกว่านี้ก็ไม่ทำงานนะครับ
ฟังก์ชั่น Low Input Lag ปรับค่าเปิดปิดได้
Screen Size สามารถปรับขนาดของหน้าจอได้ตั้งแต่ 17” ไปจนถึงขนาด 23” สำหรับคนที่อยากย้อนไปเล่นเกมคลาสสิค หรือมีความถนัดที่ใช้จนในขนาดต่างๆ ก็มีมาให้ครบขนาด ใน 3 อัตราส่วนตั้งแต่ 4:3, 16:9 และ 16:10
เล่นนานๆ แล้วอยากถนอมดวงตาก็ใช้ Eye Saver Mode เพื่อลดแสงสีฟ้า
หมวดท้ายๆ อย่าง System เป็นการปรับแต่ง ไฟ LED ได้ตัวเครื่อง, ปรับแต่งเสียง, โหมดประหยัดไฟ และอื่นๆ เล็กน้อยที่เราไม่ค่อยได้ปรับกันอยู่ในจุดนี้หมดครับ
พบกับรีวิวทดสอบตัวเป็นๆ กับ Zatoshi ผม และ เซียนโอ๊ตโตะ ตามคลิปนี้จ้า
สรุปส่งท้าย โดนใจน่าซื้อมั้ย?
ต้องบอกเลยว่าSamsung CFG70 Series Curved Gaming Monitor ตัวนี้โดนใจผมไม่น้อยเลยครับ ถึงรูปลักษณ์ของมอนิเตอร์ตัวนี้ไม่ได้ออกแนวเกมมิ่งจ๋า ใส่สีโทนดำแดง แต่ก็ถูกออกแบบมาให้มีความเรียบง่ายและโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการออกแบบขาตั้งให้มีทรงที่โดดเด่นและรับน้ำหนักจอได้สบายๆ แถมแข็งแรงอีกต่างหาก
ถัดมาคือในเรื่องของสีสันของจอ ถึงแม้จะเป็นจอ VA Panel แต่ไม่ได้ถูกลดทอนความเป็นมอนิเตอร์สำหรับเกม เพราะ Samsung ใช้เทคโนโลยีเฉพาะตัวทำให้ปรับ Respond Time ได้ถึง 1ms รองรับ Refesh Rate 144Hz แถมยังรองรับ AMD FREESYNC ด้วย สเปกอัดแน่น แถมยังได้ความโดดเด่นของสีสันที่แสดง อย่าง sRGB ที่สามารถแสดงผลได้ 125% จากเทคโนโลยี Quantum Dot ทำให้สีสันที่แสดง สดใสและสมจริงมากกว่าจอทั่วไป รวมถึงการเป็นจอโค้งที่ใส่ AMD FREESYNC เข้าไปเสริมความลื่นไหลให้กับภาพในการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ดังนั้นในเรื่องของสเปกสามารถบอกได้ว่าไม่น้อยหน้ามอนิเตอร์เกมตัวอื่นๆ ได้
หน้าจอเมนูการใช้งานหรือ User Interface ที่มีผมชอบเลยครับ เพราะมันแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่องว่าตอนนี้วิ่งอยู่มี Refresh Rate กี่ Hz, Respond Time กี่ ms เปิดการทำงาน AMD FREESYNC เอาไว้หรือไม่ ซึ่งทำให้ดูง่าย และไม่ต้องวนเมนูไปมามากมาย รวมถึงในเรื่องของการปรับแต่งสำหรับคอเกมซึ่งจำเป็นต้องใช้รวมอยู่ในหมวดแรกๆ ทำให้การใช้งานนั้นง่ายดีครับ พร้อมทั้งค่าโปรไฟล์สีสำหรับเกมเมอร์ ก็มีให้ครบ สีสันที่ได้ทำได้ดีกว่าตัวอื่นในระดับนึงเพราะได้สีสันที่สดใส จากเทคโนโลยีของ Quantum Dot นี่แหละครับ
สำหรับท้ายสุดคือในเรื่องของราคาค่าตัวสำหรับ 24” อยู่ที่ 13,900 บาท และ 19,900 บาทสำหรับ 27” สามารถหาซื้อได้ทั้ง JIB, Advice, Banan IT, IT City รวมถึงร้านค้าชั้นนำมากมายใกล้บ้าน จะสั่ง Lazada ส่งถึงบ้านก็มี ราคานี้อาจจะบอกได้ว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่แพงสำหรับเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่ยัดมาเต็มจอแบบนี้ ดังนั้นขอมอบ 2 รางวัล ทั้ง Gamer’s Choice และ Good Performance ให้เลยครับ