ที่ผ่านมา Overwatch มักจะเล่าเนื้อเรื่องของตัวละครต่างๆ ผ่านหนังสั้นที่เรียกว่า Animated Short แต่การมาของฮีโร่ตัวใหม่อย่าง Orisa กลับไม่มีหนังสั้นแอนิเมชั่นเสียอย่างนั้น เอ๊ะ! หรือเขาจะเลิกทำหนังสั้น??? แล้วการเล่าเรื่องของ Overwatch ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันนะ มาหาคำตอบได้ที่นี่เลย
อย่างที่เพื่อนๆ รู้กันว่าเกม Overwatch ไม่ได้มีเนื้อเรื่องในเกมหรือแม้กระทั่งโหมดเนื้อเรื่องใช่ไหมคะ แต่ Overwatch นั้นมีการนำเสนอเนื้อเรื่องในอีกรูปแบบหนึ่งด้วยการเล่าเรื่องผ่านช่องทางอื่นๆ แทนนั่นเอง เช่น Lore หรือพื้นเพของตัวละครที่เล่าว่าตัวละครตัวนี้มีที่มาอย่างไร เป็นใคร มาจากไหน ทำไมจึงมีความสามารถแบบนี้ รวมถึงบทพูดของตัวละครทุกตัวที่สอดแทรกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ ทั้งยังมีการเล่าในรูปแบบการ์ตูนคอมิก เล่า Side Story หรือเหตุการณ์ที่น่าสนใจบางอย่างของตัวละครต่างๆ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Animated Short ที่เป็นเหมือนหนังสั้นคอยเล่าถึงที่มาที่ไป เท้าความเดิมของเรื่องราวต่างๆ ในโลก Overwatch ในรูปแบบ Animation ค่ะ
ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ตัวเกมเท่านั้นที่ทำให้ Overwatch ได้รับความสนใจจากเกมเมอร์ แต่หนังสั้นนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความว้าวให้กับเกมนี้แบบสุดๆ ซึ่งตัวแรกที่ปล่อยออกมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันก็คือ "Recall"
การเล่าเรื่องสุดซึ้งของเจ้ากอลิล่าตัวน้อยกับนักวิทยาศาสตร์ช่วยขยายทิศทางของเนื้อเรื่องในแบบฉบับ Overwatch ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และทำให้เรารู้ได้ว่าใครเป็นคนดีและใครเป็นตัวร้ายในเกมได้ในเวลาไม่กี่วินาที Jeff Chamberlain หัวหน้าฝ่าย Visual Effect ของเกมนี้บอกว่า "เราอยากจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กระชับและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างที่เราสร้างตัวละครแต่ละตัวขึ้นมา และเราก็คิดว่าการทำแค่ Cinematic Trailer ชิ้นเดียวมันไม่พอ และเราก็มาพูดคุยกันและได้ไอเดียการทำแอนิเมชั่นขึ้นมา"
Cinematic Trailer
บางครั้งการทำหนังสั้นก็ไม่ได้อยู่ในเส้นเรื่องหลักของ Overwatch เลย เพียงเพราะ Blizzard อยากเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง Jeff Chamberlain บอกอีกว่า "เอาจริงๆ เลยนะ บางทีมันก็แค่ 'เฮ้ย เอานินจาสองคนมาตีกันคงเท่น่าดู' เท่านั้นเองครับ"
และการที่ Overwatch เน้นเล่าเรื่องราวของตัวเองในรูปแบบเช่นนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลยค่ะที่จะให้ตัวละครทุกตัวมีหนังสั้นเป็นของตัวเองแม้ทีมพัฒนา Overwatch จะอยากทำให้มากๆ ก็ตาม Michael Chu หัวหน้าทีมนักเขียนกล่าวว่า "ถึงจะทำให้ทุกตัวไม่ได้ แต่เราก็อยากจะผลักดันการทำเนื้อเรื่องของเกมนี้ไปเรื่อยๆ นะครับ เพราะเกมๆ หนึ่งมันก็มีระยะเวลาจำกัดของตัวมันเอง" คือต้องรีบเล่าเรื่องทุกอย่างให้เร็วที่สุด ถ้าเล่าตอนเกมเสื่อมความนิยมแล้วก็จะไม่มีใครสนใจนั่นเองค่ะ
แต่ถ้าลองปรับให้ Overwatch มีโหมดเนื้อเรื่องในเกมจะดูแปลกไปหน่อยเพราะแนวเกมเป็นแบบ Multiplayer FPS ว่าไหมคะ?
แล้ว Overwatch ต้องทำอย่างไรกับการเล่าเนื้อเรื่องของตัวเอง?
"ถ้าลองดูฮีโร่แทบทุกตัวที่มีกับเนื้อเรื่องที่ปล่อยมาพร้อมกัน แต่ละตัวก็จะมีเรื่องที่ต่างกัน นั่นมาจากมุมมองของการเล่าที่เราคุยกันว่าจะเล่าอย่างไร แบบไหน และตราบใดที่เรามีเรื่องจะเล่า เราก็ต้องหาทางเล่ามันจนได้ล่ะครับ" Michael Chu กล่าว
อย่างไรก็ตามการทำหนังสั้นนั้นเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัสเลยทีเดียว โดยหนังสั้นหนึ่งเรื่องต้องใช้เวลาในการทำตั้งแต่ต้นจนจบประมาณ 6-8 เดือน และทีมทำ Cinematic ก็ต้องทำหลายๆ งานพร้อมกันด้วย และถ้าเรื่องที่จะเล่านั้นมีตัวละครหลายสิบตัวเกินกว่าที่จะทำเป็นหนังสั้นไหว ก็จะหันไปทำแบบการ์ตูนคอมิกอย่างที่เพื่อนๆ ได้อ่านกันอยู่บ่อยๆ แทน แต่ในอนาคตมันก็อาจจะกลายเป็นการ์ตูน 2D ที่มีเสียงพากย์ที่มาจากตัวละครตัวนั้นเอง ซึ่งใช้ทรัพยากรน้อยกว่าและทำให้นักเขียนเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครต่างๆ ได้ด้วย อย่างไรก็ตามหนังสั้นก็ยังเป็นสิ่งทีมเนื้อเรื่องต้องการเน้นเป็นหลักอยู่ดีค่ะ ด้วยรายละเอียด ความมีชีวิตชีวาของตัวละครที่อยู่ในนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Overwatch ได้เลยทีเดียว
ถือเป็นการเปิดอกคุยอย่างเจาะลึกกับการเล่าเนื้อเรื่องของเกม Overwatch เลยนะคะ จากที่ทีมผู้สร้างได้เล่ามา แสดงว่าในอนาคตยังจะมีการเล่าเรื่องแบบหนังสั้นแบบที่เราคุ้นเคยกันอยู่ แต่บางครั้งจะปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบ 2D บ้างนั่นเองค่ะ เพื่อนๆ ชอบอ่านหรือดูเนื้อเรื่องเกมนี้กันบ้างไหมคะ ชอบอันไหนกันบ้าง มาคอมเมนต์กันได้เลย!
ที่มา: sea.ign.com