[รีวิว] Berserk and the Band of the Hawk – พลิกสมรภูมินักรบแดนเถื่อน

แพลตฟอร์ม: PS4, PS3, PS Vita, PC (ทีมงานทำการรีวิวจากเวอร์ชั่น PS4)
ผู้พัฒนา: Omega Force
ผู้จัดจำหน่าย: Koei Tecmo
เรต: 17 ปีขึ้นไป
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นจนจบเกม: ประมาณ 12 ชั่วโมง
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นแบบเก็บทุกรายละเอียด: ประมาณ 20 ชั่วโมงขึ้นไป

ในรอบเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา Dynasty Warrior ถือเป็นซีรีส์ที่สามารถบุกเบิกวงการด้วยเกมแนวเฉพาะที่เรียกว่า “มุโซ” (Musou) หรือที่คนไทยชอบเรียกประมาณว่าเกมแอ็กชั่นคนเดียวฆ่า 1,000 ศพ ที่เปิดตัวด้วยการดึงเอาเนื้อหาจากบทประพันธ์เรื่องสามก๊กมาใช้หลายต่อหลายภาคจนแทบจะดึงเอาขุนพลดังๆ มาหมดประเทศจีนแล้ว ระยะหลังทาง Koei Tecmo ก็เลยแตกไลน์มาทำเกมมุโซที่อิงจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดังๆ บ้าง เช่น Gundam, One Piece, Fist of the North Star (ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ) ไม่เว้นแม้แต่ Berserk ที่ถูกนำมาทำเป็นแนวมุโซเหมือนกัน ตรงนี้คาดว่าคงเป็นเพราะ กัตส์ (Guts) พระเอกของเรื่องนี่ก็เป็นแนวฉายเดี่ยวในสนามรบ แถมเนื้อเรื่องยังมีเกี่ยวข้องกับปีศาจและเวทมนตร์คาถาอีกด้วย ฉะนั้นทาง Omega Force ผู้พัฒนาเกมนี้ก็เลยจัดให้ Berserk มารวมอยู่ในซีรีส์มุโซอีกเกมไปโดยปริยาย

เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็เป็นไปตามต้นฉบับการ์ตูนเลยครับ ตั้งแต่ยุคแรกจนถึงช่วงก่อนจะเริ่มภาคล่าสุด (ที่อาจารย์มิอุระแกเขียนค้างไว้นานแล้ว) แต่ก็จะขอเล่าย่อๆ แบบไม่สปอยล์สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักเรื่องนี้มาก่อน โดยตัวเอกของเรื่องคือ กัตส์ นักดาบฝีมือฉกาจ อดีตหัวหน้าทัพที่มีนามว่ากองพันเหยี่ยว มีอาวุธประจำกายคือ “ดาบดราก้อนสเลเยอร์” เล่มยักษ์และแขนเทียมโลหะที่ติดตั้งปืนใหญ่ไว้ ท่ามกลางยุคอัศวินที่เหล่าปีศาจเรืองอำนาจ กัตส์ก็ได้ออกเดินทางตามล้างแค้นผู้นำของเหล่าปีศาจทั้ง 5 ที่มีนามว่าก็อดแฮนด์ (Godhand) จากการผจญภัยอันยาวนานเขาก็ค่อยๆ ได้ผู้ร่วมทางที่มีฝีมือและและความสามารถพิเศษเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

แนวเกม Berserk จะเป็นสไตล์มุโซเช่นเดิม ซึ่งการโจมตีหลักๆ จะใช้แค่ 2 ปุ่มคือโจมตีเบาและแรง ส่วนท่าคอมโบพื้นฐานจะใช้การโจมตีเบาต่อเนื่องแล้วปิดด้วยโจมตีแรงเป็นหลัก เช่น โจมตีเบา 1 ครั้งแล้วตามด้วยโจมตีแรงจะเป็นท่าฟันเสยให้ศัตรูลอย แต่ถ้าโจมตีเบาสามครั้งแล้วโจมตีแรงก็จะเป็นท่าฟันวงกว้างรอบตัว ซึ่งท่าคอมโบจะเพิ่มรูปแบบขึ้นเรื่อยๆ ตามเลเวลของตัวละครด้วย ตลอดจนมีการใช้เกจพลังที่สะสมไว้เพื่อออกท่าไม้ตายโจมตี ซึ่งท่าที่ว่ามาก็เป็นพื้นฐานของเกมแนวมุโซทั้งหมดเลย

ส่วนระบบที่แตกต่างไปของเกมนี้จะคล้ายกับเกม One Piece มุโซ คือจะไม่มีการกระโดดแต่จะใช้เป็นปุ่มแดชแทน ซึ่งเราจะใช้ในการโจมตีแล้วแดชตามเข้าไปคอมโบต่อ หรือใช้ในการสเต็ปข้างหรือหลังเพื่อหลบการโจมตีของศัตรูก็ได้ ระบบเด่นอีกอย่างคือการมีอาวุธเสริมเฉพาะตัว (รวมถึงสกิลเฉพาะตัวละคร) เข้าไปด้วย เช่น กัตส์จะมีท่าปามีด ปืนหน้าไม้ และยิงปืนใหญ่ติดแขน ซึ่งเมื่อใช้ไปแล้วก็ต้องรอรีโหลดก่อนจึงจะใช้ซ้ำได้ หรือถ้าอาวุธที่ทรงพลังอย่างปืนใหญ่ก็จะใช้เวลารีโหลดนานกว่าอาวุธอื่น

สำหรับท่าไม้ตายของตัวละครก็จะต่างจากเกมมุโซอื่นๆ คือต้องสะสมเกจสองช่วง โดยช่วงแรกเราจะได้เกจ Frenzy มาจากการโจมตีทั่วไป ซึ่งเมื่อเต็มแล้วก็กดวงกลมเพื่อใช้งาน ตัวละครก็จะเข้าสู่โหมด Frenzy ที่จะเป็นอมตะชั่วครู่และมีพละกำลังมากขึ้น จากนั้นในช่วงนี้เราจึงจะสามารถสะสมเกจ Deathblow ได้ และพอสะสมจนเต็มก็จะสามารถใช้ท่าไม้ตายที่มีความรุนแรงสูง ซึ่งจะทำกี่รอบก็ได้จนกว่าโหมด Frenzy จะหมดลง และที่พิเศษอีกอย่างก็คือ มีตัวละครบางตัวสามารถใช้ เกจ Deathblow ในการแปลงร่างได้ด้วย โดยเมื่อเกจเต็มให้กดปุ่ม R2 แทนวงกลม ตัวละครก็จะแปลงเป็นอีกร่างที่ทรงพลังกว่าโหมด Frenzy มาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสะสมเกจ Deathblow ได้ก่อนที่จะคืนร่างก็จะมีท่าไม้ตายแบบแปลงร่างด้วย

โหมดเนื้อเรื่องของเกมนั้นจะย้อนความไปถึงช่วงที่กัตส์ยังเป็นทหารรับจ้างก่อนที่จะได้เข้าร่วมกองพันเหยี่ยว จากนั้นก็จะทำสงครามกับทหารของประเทศข้าศึกไปเกือบครึ่งหนึ่งของเกม ซึ่งช่วงนี้กัตส์ก็ยังใช้ดาบธรรมดาและไม่มีอาวุธเสริมอะไรมาก จากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงหลังที่จะเปลี่ยนเป็นการต่อสู้กับกองทัพปีศาจ และกัตส์ก็จะมีดาบฆ่ามังกรและจะได้ความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้น ส่วนบอสก็จะเป็นปีศาจขนาดใหญ่ที่เก่งกว่าพวกบอสที่เป็นอัศวินในช่วงต้นเกมมาก เรียกได้ว่ากว่าเกมจะเข้าช่วงสนุกจริงๆ ก็ปาเข้าครึ่งหลังไปแล้ว จุดที่ไม่ค่อยถูกใจอีกอย่างก็คือ เกมดันกำหนดให้ต้องผ่านด่านด้วยตัวตามเนื้อเรื่องก่อนจึงเปลี่ยนตัวได้ แถมตัวละครที่มีให้เลือกใช้แค่บางฉากนั้นก็ต้องเก็บเลเวลแยกต่างหาก และบางตัวก็มีให้ใช้แค่ฉากเดียวทั้งเกมด้วยซ้ำ จึงทำให้ไม่คุ้มที่จะเลือกมาเก็บเลเวลให้ ดังนั้นเลยเหมือนกับบังคับให้เราต้องใช้กัตส์อยู่คนเดียวจนจบโหมดเนื้อเรื่องก่อนนั่นเอง

ส่วนอีกโหมดที่เล่นได้ยาวๆ เหมือนกันก็คือ Endless Eclipse ที่จะไม่มีเนื้อเรื่องแบบต้นฉบับ แต่จะให้เราเลือกตัวละครได้อิสระ (หากปลดล็อคครบก็มีแค่ 8 ตัว) จากนั้นก็ทำการลุยดันเจี้ยน 100 ชั้น เพื่อรับรางวัลพิเศษของแต่ละตัวละคร เช่น เสื้อผ้าชุดพิเศษ การเล่นจะไม่มีขั้นตอนมาก แค่กำจัดศัตรูให้หมดแล้วปราบบอสประจำชั้นเพื่อไปยังชั้นต่อไป ทว่าระดับความยากของชั้นบนๆ นั้นก็สูงตาม โดยจะสูงกว่าโหมดเนื้อเรื่องมาก อีกทั้งเราจะสามารถเซฟและใช้ไอเทมฟื้นพลังได้ในทุกๆ 10 ชั้นเท่านั้น อุปกรณ์เสริมที่ดีจึงมีส่วนสำคัญมาก โหมดนี้จึงต้องใช้เวลาไปกับการอัพเกรดและตีบวกอุปกรณ์เป็นสำคัญ จึงแนะนำให้เล่นหลังจากที่เคลียร์โหมดเนื้อเรื่องก่อน เพราะแม้จะมีให้เลือกเล่นได้เลยตั้งแต่เริ่ม แต่ก็จะมีแค่กัตส์ตอนเด็กที่ไม่มีอาวุธเสริมหรือสกิลอะไรเลยให้เลือก และก็ยังไม่สามารถตีบวกอุปกรณ์เสริมได้ ถึงฝืนเล่นต่อไปก็จบ 100 ชั้นได้ยากอยู่ดี

สำหรับการเซ็ตอัพตัวละครของเกมนี้จะไม่มีอาวุธให้เลือกแบบซีรีส์สามก๊ก แต่จะใช้การสวมใส่ไอเทมและอุปกรณ์เสริมแทน โดยไอเทมจะเป็นของที่ใช้ได้จำกัดครั้ง เช่น ยาเพิ่มพลังหรือเพิ่มความสามารถชั่วคราว ผู้เล่นจะสามารถเลือกใส่ได้ครั้งละ 4 ชิ้น ส่วนอุปกรณ์เสริมจะเป็นพวกแหวนหรือสร้อยที่ใส่เพื่อเพิ่มความสามารถให้ตัวละคร ซึ่งแต่ละชิ้นจะมีสกิลติดมาด้วย เช่นฟื้น HP เอง หรือเร่งเกจไม้ตายให้เร็วขึ้น เมื่อเราเล่นเกมไปได้ช่วงหนึ่งก็จะสามารถอัพเกรดสกิลหรือนำอุปกรณ์มาผสมกันเพื่อให้ได้สกิลที่ต้องการหลายอย่างในชิ้นเดียวด้วย และเนื่องจากโหมด Endless Eclipse นั้นมีระดับความยากสูง จึงจำเป็นต้องทำอุปกรณ์ที่มีสกิลช่วยเหลือในระดับสูงด้วยถึงจะสามารถเล่นจบได้ ทั้งนี้ เกจไม้ตายของเกมนี้สามารถใช้แปลงร่างและยิงท่าไม้ตายอลังการได้หลายอย่าง แต่การจะทำได้นั้นก็ต้องอาศัยอุปกรณ์ที่มีสกิลช่วยเหลือในด้านอบิลิตี้สร้างเกจ เพราะถ้าเล่นแบบตัวเปล่าไม่มีสกิลอะไรเลย เกจจะขึ้นช้ามาก (โดยเฉพาะเกจ Deathblow) แต่ถ้าเรามีอุปกรณ์ที่ติดตั้งสกิลไว้ละก็ จะสามารถใช้ Deathblow ได้หลายรอบในการเปิดโหมด Frenzy เพียงครั้งเดียวเลย ส่วนตัวละครที่แปลงร่างได้ก็ยังสามารถทำให้แปลงร่างได้นานขึ้นด้วย

จุดเด่น

1. บอสปีศาจขนาดใหญ่เป็นจุดเด่นของเกม เมื่อเทียบกับเกมมุโซอื่นๆ บอสของเกมนี้จะดูเป็นเรื่องเป็นราวกว่า มีท่าโจมตีพิเศษสมกับเป็นบอส ถึงแม้เล่นที่ความยากนอมัลก็มีโอกาสพลาดท่าได้
2. มีระบบอาวุธเสริมเข้ามาใช้ ทำให้ตัวละครแต่ละตัวแตกต่างกันมากขึ้นเมื่อเทียบกับเกมมุโซอื่นๆ
3. มีทั้ง CG คัทซีนและฉากแอนิเมชั่นมากมาย ช่วยเล่าเรื่องให้ได้อารมณ์มากขึ้น

จุดด้อย

1. ตัวละครมีให้ใช้น้อยมาก ต่อให้ปลดล็อคจนหมดก็มีเพียงแค่ 8 ตัวเท่านั้น ซึ่งตัวละครหลายตัวที่น่าจะใช้ได้ก็เป็นแค่ NPC อย่างน่าเสียดาย
2. แม้ว่ามีตัวละครน้อย แต่ก็รู้สึกว่าความเก่งของตัวละครยังไม่สมดุลอยู่ดี ตัวละครที่แปลงร่างได้มีแค่ 4 ตัว ซึ่งก็เก่งกันเหลือเกินมาก ในขณะที่บางตัวนอกจากแปลงร่างไม่ได้แล้วยังรู้สึกว่าท่าธรรมดาก็แย่มาก 
3. นอกจากฉากสู้บอสขนาดใหญ่แล้ว ตัวเกมยังค่อนข้างมีความซ้ำซากเกินไป กอปรกับฉากที่มีลูกเล่นเงื่อนไขให้ทำค่อนข้างน้อย นอกนั้นส่วนมากก็มีแต่การฆ่าลูกสมุนให้หมด

สรุป

Berserk เลือกที่จะเดินมาในแนวมุโซที่เน้นเล่นเอามันเป็นหลัก ถึงจะมีบอสขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามา แต่ทางผู้เล่นก็ยังมีระบบที่ได้เปรียบอย่างโหมด Frenzy ที่ทำให้เป็นอมตะแล้วก็เอาชนะไปด้วยการแลกดาบกันได้ ดังนั้นก็เหมาะกับแฟนของการ์ตูน Berserk และก็ผู้เล่นที่ชอบแนวลุยฟันเพลินๆ อัพเกรดตัวละครให้เก่งๆ แล้วก็ลุยไปตรงๆ มากกว่า ส่วนผู้เล่นที่ชอบความท้าทายเต็มขั้นนั้นคิดว่าคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่

คะแนน 6 / 10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้