14 การทดลองสุดแปลกของนักวิทยาศาสตร์สุดเพี้ยน!

     คงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือ เทคโนโลยีด้านการแพทย์ในปัจจุบันนั้นเกิดจากการลองผิดลองถูกของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งในการทดลองสิ่งต่างๆ นั้นมันมีทั้งที่ประสบความสำเร็จจนได้รับการยกย่องเชิดชูกันไป แต่มันมีนักวิทยาศาสตร์บางคนที่มีความคิดแหวกแนวทำการทดลองสิ่งแปลกๆ เพี้ยนๆ โดยส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จและถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก และในวันนี้เราจะมีดูกันว่ามีการทดลองสุดแปลกอะไรกันบ้างจากนักวิทยาศาสตร์สุดเพี้ยน

1. Britches 

     Britches นั้นเป็นลิงที่ถูกพรากมาจากแม่ของมันตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อนำไปทดลองในโครงการอุปกรณ์โซนาร์เพื่อคนตาบอดของมหาวิทยาลัย California ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติดีแต่มันเกิดปัญหาเดียวนั้นก็คือเจ้าลิงน้อยมันไม่ได้ตาบอดนี่สิ นักวิทยาศาสตร์จึงแก้ปัญหา โดยการเย็บตาลิงน้อยเพื่อให้มันมองไม่เห็น (แบบนี้ก็ได้หรอ) และหลังจากทำการทดลองเสร็จสิ้นแล้วเจ้าลิงน้อยได้ถูกนำไปเลี้ยงในองค์กรช่วยเหลือสัตว์  Animal Liberation Front ในปี 1985


2. Project MKUltra

     ในปี 1950 นักวิทยาศาสตร์ในสังกัดของ CIA ต้องการที่จะทำการทดลองการควบคุมจิตใจเพื่อใช้ในสงครามเย็นที่เริ่มจะก่อตัวขึ้น โดยการใช้ยา LSD, การช็อตไฟฟ้า, และการใช้เสียงกรอกหูแบบซ้ำๆ แต่ผลการทดลองส่วนมากโดนทำลายไปในช่วงเหตุการณ์ Watergate ทั้งนี้ยังพบหลักฐานว่าทางรัฐบาลบังคับให้ผู้ต้องสงสัยเสพยาเสพติดเพื่อทำการสอบสวนอีกด้วย


3. Criminal Testicle Transplants 

     Leo Stanley เป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์แห่งเรือนจำ  San Quentin เขาเชื่อว่าผู้ชายมักจะก่ออาชญากรรมเพราะว่ามีฮอร์โมนเพศชายน้อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงพิสูจน์ทฤษฎีของเขา โดยติดอัณฑะเพิ่มเข้าให้กับนักโทษชายมันซะเลยเพื่อเป็นการเพิ่มฮอร์โมน แถมในบางครั้ง อัณฑะของมนุษย์มีไม่เพียงพอ เขาก็จะใช้อัณฑะของสัตว์แทน คิดได้ไงเนี่ย


4. Skin Hardening 

     Skin Hardening เป็นหนึ่งในโครงการทดลองทางทหาร โดยความพยายามที่จะทำให้ผิวหนังแข็งแกร่งขึ้น นักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ Alber Kligman จึงรับอาสาทำการทดลองนี้กับนักโทษโดยการฉีดสารเคมีอันตรายลงไปในตัวนักโทษ แต่โชคร้าย เขาไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ ซึ่งนักโทษที่โดนฉีดสารเคมีเข้าไปนั้นเกิดแผลพุพองแล้วยังมีแผลเป็นทั่วร่างกาย และเสียชีวิตในที่สุด สงสัยจะได้ไอเดียมาจาก Fantastic Four แน่นอน


5. The Stanford Prison Experiment

     เป็นการทดลองเพื่อศึกษาทางจิตวิทยาของนักโทษและผู้คุม โดยผู้ทดลองจะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มเแรกคือ พวกที่รับบทเป็น ผู้คุม และอีกพวกหนึ่งรับบทเป็น นักโทษ โดยเหล่าผู้คุมจะถูกสั่งให้ทำการทารุณนักโทษอย่างซาดิส และไร้กฎเกณฑ์ อย่างเช่น บังคับให้นักโทษแก้ผ้าเต้น และนอนบนพื้นคอนกรีตร้อนๆ เมื่อนักโทษโดนทารุณมากๆ จนเกิดภาวะความเจ็บป่วยทางอารมณ์และจิตใจ ก็จะถูกนำออกจากโปรแกรม


 6. The Milgram Obedience Experiment

     เป็นการทดลองทางจิตวิทยารูปแบบหนึ่ง โดยผู้เข้าร่วมการทดลองจะต้องกดปุ่ม ซึ่งส่งกระแสไฟฟ้าไปช็อตคนที่อยู่อีกห้องหนึ่ง แต่ความจริงแล้วคนที่อยู่อีกห้องไม่ได้ถูกช็อตไฟฟ้าจริงๆ เขาแค่แกล้งร้องไปอย่างงั้นเอง แน่นอนผู้เข้าร่วมการทดลองไม่รู้ ผู้ทดลองจะถูกบอกว่า ต้องช็อตไปเรื่อยๆ ซึ่งปริมาณไฟฟ้าก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย จนกระทั่งอีกฝ่ายหมดสติไป สิ่งที่น่าตกใจคือ 65% ของผู้เข้าร่วมการทดลองยังคงกดปุ่มไปเรื่อยๆ แม้ว่าอีกห้องจะกรีดร้องอย่างทรมานก็ตาม


7. Harlow’s Experiments In Isolation

     Harlow เป็นโครงการทดลองเพื่อหาผลกระทบในพัฒนาการของเด็ก โดยจับลิงมาทำการทดลอง (ลิงอีกแล้วหรอ) โดยพวกมันจะถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ และทิ้งไว้เพียงขวดน้ำหนึ่งขวดเท่านั้น โดยเป้าหมายของการทดลองครั้งนี้คือศึกษาผลกระทบของ ความโดดเดี่ยวที่มีต่อความความเครียดและพัฒนาการของเด็ก ผลที่ออกมาคือ เจ้าลิงเหล่านี้ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด และมีปัญหาทางด้านสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด เช่น การขับถ่าย การย่อยอาหารเป็นต้น


8. Tuskegee Syphilis Experiment

     เป็นการทดลององค์กรสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา โดยทำการทดลองฉีดเชื้อซิฟิลิสเข้าไปในตัวของเกษตรกรผิวสีเพื่อศึกษาผลกระทบของมัน ผลที่ได้คือ ทุกคนจะมีอาการเนื้อเปื่อยของผิวหนัง แล้วก็ตายไปในที่สุด และดูเหมือนว่ารัฐบาลสหรัฐจะละเลยในการดูแลพวกเกษตรกรผิวสีหลังจากที่ทำการทดลอง โดยโครงการนี้ทำการทดลองมายาวนาน 40 ปีเลยทีเดียว


9. Project 4.1

     เป็นการทดลองการศึกษาทางการแพทย์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยนำผู้ถูกทดลองไปปล่อยบนเกาะมาร์แชล ซึ่งเกาะที่ถูกสารกัมมันตภาพรังสีจากเหตุการณ์ แคสเซิลบราโว คือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในปี 1954 เกิดผิดพลาดเพราะการระเบิดแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเกาะนี้ยังเต็มไปด้วยสารกัมมันตภาพรังสี ผู้ถูกทดลองจะได้รับสารกัมมันตภาพรังสีอย่างต่อเนื่อง โดยในเวลาต่อมาผู้ถูกทดลองได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตภาพรังสี ทั้งแท้งลูก มะเร็งต่อมไทรอยด์ และยังส่งผลไปถึงลูกที่เกิดมาผิดปกติอีกด้วย


10. The Aversion Project

     การทดลองของหน่วยงานในแอฟริกาใต้ โดยการบังคับทหารผิวขาวที่เป็นรักร่วมเพศ ทั้งเกย์และเลสเบี้ยน มาเปลี่ยนเพศกันซะเลย ซึ่งจะใช้สารเคมีที่ทำให้หมดอารมณ์ทางเพศและเป็นหมัน การใช้ไฟฟ้าช็อต เปลี่ยนฮอร์โมน และอีกสารพัดวิธี ในภายหลังคนที่ถูกทดลองกลายเป็นคนมีอาการทางจิต ติดยา และเกลียดแม้กระทั่งอาการเบี่ยงเบนทางเพศของตัวเอง


11. North Korean Experimentation

     คือการทดลองสุดโหดในค่ายกักกันของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความใกล้เคียงกับการทดลองของนาซีและญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้มีนักโทษของเกาหลีที่หลบหนีออกมาได้ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้หญิงที่สุขภาพดีจะถูกคัดเลือกออกมา และบังคับให้กินกะหล่ำปลีที่ปนเปื้อนสารพิษ หลังจากนั้นพวกเขาจะส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและอาเจียนเป็นเลือดทั้งทางปากและทวารหนัก และเสียชีวิตลงไปในที่สุด นอกจากนั้นยังมีการทดลองฉีดสารพิษเข้าไปในห้องรมก๊าซ และดูผลการทดลองผ่านกระจก แต่ประเทศเกาหลีก็ออกมาปฎิเสธตามระเบียบ


12.  Poison laboratory of the Soviets

     การทดลองวิจัยสารพิษของหน่วยตำรวจลับในยุคโซเวียต พวกเขาได้ทำการทดลองทางเคมีกับนักโทษชาย ด้วยการบังคับให้สูดดมสารพิษและกินเข้าไป ซึ่งสารพิษที่นำมาทดลองนั้นมีหลากหลายชนิดมาก คนที่โดนเข้าไปจะมีร่างกายที่เปลี่ยนไป และจะเสียชีวิตภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น โดยเป้าหมายสูงสุดของการทดลองชิ้นนี้ ก็เพื่อที่จะหาสารพิษที่ไม่มีรส ไม่มีมีสี ไม่มีกลิ่น โดยจะนำไปใช้กับศัตรูของโซเวียตนั้นเอง


13. Unit 731

     การทดลองสุดสยองที่โด่งดังไปทั่วโลกหลังจากการเปิดเผยข้อมูลจากกองทัพสหรัฐอเมริกา โดยหน่วยปฏิบัติการ 731 ถูกส่งมาทำภารกิจที่ประเทศจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเลือกเมืองฮาร์บินเป็นสถานที่ในการทดลอง และได้จับชาวจีนหรือรัสเซียมาเป็นเหยื่อทดลอง ซึ่งมีสารพัดวิธี ทั้งผ่ามนุษย์โดยไม่ใช้ยาสลบ, ใส่สารพิษที่คิดค้นมาใหม่ลงในอาหารและน้ำ, บังคับให้ผู้หญิงร่วมเพศกับผู้ชายที่เป็นโรคซิฟิลิส เพื่อศึกษาเชื้อซิฟิลิสที่รุนแรงที่สุด, จับเหยื่อเข้าไปในห้องทดลอง แล้วอัดความดันหรือดูดอากาศออกจนร่างกายระเบิด, จับเปลือยร่างแช่ในน้ำอุณหภูมิติดลบ, ตัดอวัยวะออก เช่น กระเพาะ แล้วนำลำไส้ต่อตรงมาที่หลอดอาหาร เพื่อดูว่าถ้าไม่มีกระเพาะคนจะอยู่ได้หรือเปล่า ส่วนซากศพของผู้ถูกทดลองจะถูกเก็บกวาดด้วยการโยนเข้าเตาเผาด้านหลังของหน่วยปฏิบัติการ


14. NaziExperiments

     การทดลองทางการแพทย์สุดเหี้ยมโหดของเยอรมนีในค่ายกักกัน โดยเฉพาะค่ายเอาชวิตซ์ และดาเชา เพื่อคิดค้นยาโรคต่างๆ ซึ่งเหยื่อเป็นนักโทษชาวยิวและชาวรัสเซีย โดยแพทย์ผู้ทำการทดลองไม่ได้ถูกข่มขู่แต่ทำไปเพราะอยากรู้ผลลัพธ์ในการทดลองเท่านั้น โครงการนี้ได้ทำการทดลองหลายอย่าง เช่น สร้างสภาวะความกดดันอากาศลดต่ำโดยฉับพลัน ที่เกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินถูกยิง โดยนักโทษผู้ถูกทดลอง จะถูกนำตัวไปยังห้องที่มีความกดอากาศต่ำและเฝ้าสังเกตการณ์, การนำเหยื่อที่ใส่ชุดนักบินไปแช่ในอ่างน้ำเย็นให้หนาวจนแข็ง แล้วให้ความอบอุ่นด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อศึกษาการทำให้นักบินอบอุ่นกรณีเครื่องบินตกกลางทะเล, การผ่าสมองออกเป็น 2 ซีก ในขณะที่เหยื่อยังมีชีวิตอยู่ เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของประสาท, การตัดอวัยวะเพศโดยไม่ใช้ยาสลบ นอกจากนั้นยังมีการทดลองการรักษาบาดแผลที่เกิดในสนามรบ โดยทำให้นักโทษเกิดบาดแผล แล้วโรยเศษดิน หญ้า เหล็ก กระจก ซึ่งเป็นวัตถุที่อาจเจอสนามรบให้แผลอักเสบอย่างรุนแรง และทำการรักษาด้วยวิธีต่างๆ 


     เป็นอย่างไรกันบางครับกับการทดลองสุดแปลกและน่ากลัว ซึ่งคนที่สติดีๆ เขาน่าจะไม่ทำกันนะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าการทดลองของนักวิทยาศาสตร์นั้นทำให้เรามีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น มีการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้านการแพทย์พัฒนาไปได้ไกลมากขึ้น ในอีกด้านหนึ่งมันก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของมนุษย์และสัตว์ต่างๆ มากมายที่ต้องสละชีวิตในการทดลอง และนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับหากเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรสามารถคอมเม้นต์กันได้นะครับ


เรียบเรียงจาก
http://www.viralnova.com/bad-science/
http://www.agreenroadjournal.com/2013/05/project-41-human-radiation-experiments.html
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Aversion_Project
https://en.wikipedia.org/wiki/Human_experimentation_in_North_Korea
https://en.wikipedia.org/wiki/Poison_laboratory_of_the_Soviet_secret_services
https://en.wikipedia.org/wiki/Unit_731
https://en.wikipedia.org/wiki/Nazi_human_experimentation

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้