หลายๆ คนอาจเคยตั้งคำถามว่าสงครามให้อะไรกับเราบ้าง นอกจากความรุนแรง ความสูญเสีย การกดขี่ข่มเหง ถ้าเรามองในมุมประวัติศาสตร์ก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่ามันคือความจริง แต่หากเรามองให้ลึกลงไป สงครามนั้นเป็นตัวเร่งให้เกิดสิ่งประดิษฐ์หรือเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย และมันได้ทิ้งคุณประโยชน์ไว้ให้กับคนรุ่นหลัง จนส่งผลมาถึงในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งมันทำให้การใช้ชีวิตง่ายและสบายมากยิ่งขึ้น ในวันนี้เราจะมีดูกันว่ามีสิ่งประดิษฐ์จากสงครามอะไรกันบ้างที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
1. ไมโครเวฟ
ไมโครเวฟเครื่องใช้ไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ในการอุ่นอาหารก็ได้หรือจะใช้ทำอาหารก็ได้เช่นกัน ซึ่งสะดวกสบายไม่ยุ่งยากเหมือนในสมัยก่อน ซึ่งกว่าจะมีเครื่องไมโครเวฟให้เราได้ใช้กันอย่างแพร่หลายนั้นต้องย้อนไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีต้นกำเนิดมาจากการคิดค้นเรดาร์ทางทหาร ในปี ค.ศ.1940 ของสองนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ คือ จอห์น แรนดอลล์ และเอช เอ บู๊ตได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่เรียกกันว่า "แม็กนีตรอน" ใช้ผลิตพลังงานไมโครเวฟ ซึ่งเป็นการแผ่รังสีคลื่นสั้นรูปแบบหนึ่ง โดยจุดประสงค์ครั้งแรกคือ ใช้ในการปรับปรุงระบบเรดาร์ที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเอง
2. อินเตอร์เน็ต
ระบบอินเตอร์เน็ตที่เพื่อนๆ ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการพัฒนาการสื่อสารในกองทัพของสหัฐอเมริกาในช่วงยุคสงครามเย็น ซึ่งมีประเทศโซเวียตเป็นคู่กรณี สหรัฐได้เล็งเห็นภัยของอาวุธนิวเคลียร์ถ้าหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาระบบการสื่อสารของกองทัพสหรัฐจะถูกตัดขาดทันนี้ ทางกองทัพจึงได้ก่อตั้งโครงการรวิจัยขั้นสูง Advanced Research Projects Agency หรือเรียกชื่อย่อว่า ARPA ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา Department of Defense โดยมีจุดประสงค์ของโครงการ ARPA เพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่คงความสามารถในการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ แม้ว่าจะมีบางส่วนของเครือข่ายไม่สามารถทำงานได้ก็ตาม
3. จีพีเอส
หมดยุคของการกางแผนที่ในการเดินทางไปแล้ว ด้วยการมาของระบบจีพีเอส การเดินทางจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปเพราะเพียงแค่กดปุ่มใส่ชื่อสถานที่เพียงเท่านี้เราก็จะไปถึงที่หมายได้ไม่ยาก และในปัจจุบันนั้นมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขี้นและราคาถูกลงกว่าเมื่อก่อนมาก โดยการเกิดขึ้นของระบบจีพีเอสนั้นเริ่มตั้งแต่ในช่วงยุคของการแข่งขันทางอวกาศระหว่างสหรัฐกับโซเวียต ซึ่งมันเกิดจากความบังเอิญของนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกาที่แอบติดตามการทำงานของดาวเทียมสปุตนิก ของโซเวียตตั้งแต่เมื่อปี 1957 แล้วพบการสะท้อนกลับของคลื่นไมโครเวฟ ระหว่างดาวเทียมและพื้นผิวโลก สหรัฐจึงนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดจึงได้พัฒนาต่อมาเป็นระบบนำทางในชื่อ จีพีเอส โดยให้กองทัพเรืออเมริกานำไปใช้ทดลองนำทางเรือรบของตัวเองเป็นครั้งแรก แล้วจึงพัฒนามาสู่การใช้งานแบบสาธารณะจนมาถึงปัจจุบัน
4. พลาสติก
จะสังเกตได้ว่ารอบๆ ตัวเรามีพลาสติกเป็นส่วนประกอบแทบจะทุกอย่าง ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นการค้นพบพลาสติกมีมานานตั้งแต่ ปลายของศตวรรษที่ 18 แล้ว แต่เพิ่งจะมีการคิดค้นและผลิตพลาสติกกันอย่างจริงจังในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง เนื่องจากความขาดแคลนวัสดุต่างๆ เป็นจำนวนมากเพราะส่วนใหญ่ถูกทำลายไปในสงครามแล้ว ซึ่งสารเคมีที่นำมาทำเป็นพลาสติกในช่วงนั้นคือ เบเคอไลต์ ซึ่งถูกนำมาผลิตเป็นโทรศัพท์ แว่นตาสำหรับนักบิน และด้ามอาวุธต่าง ๆ จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพลาสติกพัฒนาไปได้ไกลมาขึ้นและได้รับความนิยมอย่างมากเพราะมีราคาที่ถูกลง
5. อาหารกระป๋อง
เชื่อว่าหลายๆ บ้านนั้นจะต้องมีเจ้าสิ่งนี้ติดครัวกันอย่างแน่นอนเพราะมันกินง่ายเก็บไว้ได้นานและมันจะกลายเป็นสิ่งมีค่าขึ้นมาในทันทีเมื่อเกิดภัยพิบัตินั้นก็คืออาหารกระป๋องนั้นเอง โดยอาหารกระป๋องที่เรากินกันทุกวันนี้มีต้นกำเนิดมาจากกองทัพฝรั่งเศส ตอนที่กองทัพนโปเลียนเดินทางข้ามทวีปยุโรปเพื่อขยายอำนาจในยุคสงครามนโปเลีย หน่วยสนับสนุนต่างพยายามหาทางที่จะส่งอาหารไปให้ทหารแนวหน้าได้โดยที่อาหารไม่เน่าเสีย และต้องสามารถส่งได้เป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ดังนั้นในปี 1809 รัฐบาลฝรั่งเศสจึงจัดประกวดสิ่งประดิษฐ์ที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ โดยมีเงินรางวัลให้ผู้ชนะมากถึง 12,000 ฟรัง และผู้ชนะการแข่งขันนี้คือ Nicholas Appert ผู้ออกแบบโหลแก้วแบบมีฝาปิด ที่สามารถผลิตในโรงงานทีละมากๆ ในเวลาเดียวกัน Nicholas Appert เองได้ใช้เงินรางวัลนั้นสร้างโรงงานเพื่อผลิตโหลแบบนี้ขึ้นด้วย ส่วนกระป๋องโลหะแบบในปัจุบันนั้นถูกพัฒนาต่อในภายหลังโดย Philippe de Girard ชาวฝรั่งเศสอีกคนที่ใช้แนวคิดเดิมมาต่อยอด
6. คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกนั้นเกิดขึ้นจากความต้องการเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ของกองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางกองทัพจึงได้ให้ทุนในการวิจัยและพัฒนากับ John W. Mauchly และ J. Prespern Eckert ในการสร้างเครื่องคำนวณ ENIAC เมื่อปี 1946 เพื่อคิดค้นเครื่องช่วยคำนวณ โดยใช้คำนวณหาทิศทางและระยะทางในการส่งขีปนาวุธ ซึ่งถ้าใช้เครื่องคำนวณที่มี อยู่ในสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมงในการคำนวณ การยิง 1 ครั้ง ซึ่งในปัจจับันนั้นคอมพิวเตอร์แทบจะเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ไปแล้ว
7. M&M's
M&M เป็นช็อคโกแลตที่เคยดังในประเทศไทยมาก่อน โดยใช้สโลแกนว่า ละลายในปากไม่ละลายในมือและผู้เขียนเองก็เคยติดมันด้วย ซึ่งต้นเกิดเนิดเจ้าขนมชนิดนี้เกิดขึ้นจาก Forrest Mars Sr. ลูกชายเจ้าของบริษัทช็อคโกแลต Mars โดยในช่วงสงครามสเปนเขาบังเอิญไปเห็นทหารกำลังกินช็อคโกแลตเคลือบน้ำตาลเปลือกแข็ง ซึ่งมันละลายยากมาก เขาจึงรีบนำความคิดนี้ไปบอก Bruce Murrie เพื่อนที่อเมริกาผู้เป็นลูกชายของหนึ่งในผู้บริหารบริษัทช็อคโกแลต Hersey's จึงเกิดเป็น M&M's โดยตัวเอ็มแต่ละตัวมาจากอักษรตัวแรกในนามสกุลของทั้งคู่ ตอนแรกขนมชนิดนี้ผลิตออกมาเพื่อขายกองทัพสหรัฐโดยเฉพาะเพราะ เพื่อที่ทหารจะได้พกไปกินกลางสนามรบได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าช็อคโกแลตจะละลายไปก่อน หลังสงครามจบทหารส่วนใหญ่ติดใจขนมมาก ทำให้ต้องผลิตขายทั่วไปเป็นจำนวนมหาศาล
8. นาฬิกาข้อมือ
นาฬิกาข้อมือนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว แต่สมัยก่อนจะมีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่ใส่นาฬิกาข้อมือ ส่วนผู้ชายจะใช้นาฬิกาแบบห้อยไว้กับเสื้อ แต่เมื่อเกิดสงครามทหารจำเป็นต้องมีเวลาที่ตรงกันหมดเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการรบ ว่าใครจะบุกตรงไหนเมื่อไหร่ ซึ่งหากถือปืนไปถือนาฬิกาไปคงจะไม่สะดวก ทำให้ต้องใส่นาฬิกาข้อมือตั้งแต่นั้นมา เมื่อบริษัทผู้ผลิตเห็นว่าทหารนิยมใส่นาฬิกาข้อมือเพื่อประโยชน์ในการรบ เลยผลิตนาฬิกาข้อมือรุ่นสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะออกมามากมาย หลังสงครามจบผู้ชายหลายคนก็ยังติดใจความสะดวกของนาฬิกาข้อมือที่ไม่ต้องควักออกมาจากเสื้อให้ยุ่งยาก ทำให้นิยมใส่นาฬิกาข้อมือกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
9. เทปกาว
เทปกาวหนาๆ ที่เราใช้กันในปัจจุบันนั้น มีที่มาจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย Vesta Stoudt ที่รับราชการเป็นทหารเรืออยู่สังเกตว่าทหารแทบทุกคนมักมีปัญหาในการเปิดกล่องเก็บกระสุน เพราะที่ฝากล่องจะมีกระดาษติดกาวแผ่นเล็กๆ แปะเอาไว้เพื่อไม่ให้ฝากล่องหลุด แต่กระดาษนี้ก็เล็กและขาดง่ายมาก เขาจึงทดลองอะไรหลายๆ อย่างจนประดิษฐ์เทปผ้าแบบนี้ได้สำเร็จ หลังจากนั้นเขาก็เขียนจดหมายไปถึงประธานาธิบดีเพื่อเล่าถึงสิ่งประดิษฐ์นี้ให้ฟัง และในเวลาไม่นานเหล่านายพลก็ติดต่อบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันให้ผลิตของชิ้นนี้ตามที่ Vesta ได้เล่าให้ฟัง เพื่อแจกจ่ายไปยังค่ายทหารทุกแห่ง และในที่สุดเทปกาวนี้ก็กลายมาเป็นของใช้สามัญที่แทบทุกบ้านต้องมีติดไว้เพื่อติดปะซ่อมแซมทุกอย่างแบบสะดวกรวดเร็ว
10. ผ้าอนามัย
บริษัท Kimberly-Clark นั้นเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า Cellucotton มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่ง Cellucotton นี้ก็คือผ้าที่สามารถซึมซับได้ดีกว่าผ้าทั่วๆ ไป และใช้เป็นผ้าพันแผลให้กับทหารในสงครามไม่นานนักพยาบาลทหารก็ได้นำผ้านี้มาประยุกต์เป็นผ้าสำหรับรองรับประจำเดือน และเมื่อสงครามจบลงความต้องการใช้ Cellucotton ในโรงพยาบาลก็ลดลงไปเยอะ แต่สำหรับพยาบาลบอกว่ายังต้องการอยู่ ทางบริษัทจึงปล่อยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาแทนโดยใช้ชื่อว่า Kotex และนั่นก็เป็นจุดกำเนิดของผ้าอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งที่วางขายโดยแพร่หลายในปัจจุบันนั้นเอง
11. กระดาษเช็ดหน้า
กระดาษเช็ดหน้าที่เราใช้กันเป็นประจำนั้นมีที่มาจาก Cellucotton นั้นแหละ ถึงแม้ว่า Kotex จะแพร่หลายและทำกำไรให้ Kimberly-Clark ได้พอตัว แต่ทางบริษัทก็เล็งเห็นว่าประโยชน์ของเจ้า Cellucotton ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ พวกเขาจึงพยายามหาทางประยุกต์ใช้อยู่เรื่อยๆ และไม่นาน Bert Fourness ก็พบว่าถ้าเอา Cellucotton ไปรีด มันจะกลายเป็นทิชชู่เหนียวนุ่มเนื้อเนียนน่าใช้มากกว่าเดิม เหมาะเป็นกระดาษเช็ดปากเช็ดหน้าตามร้านอาหารด้วย จนในที่สุดก็เกิดเป็น Kleenex กระดาษเช็ดหน้าที่ทุกคนรู้จักกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากสงคราม ซึ่งเราไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่าสงครามเป็นตัวทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ และมันทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งนี้มันยังสามารถเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ ตัวอย่างเช่น การสื่อสารต่างๆ ในปัจจุบันเราติดต่อกับคนทั่วโลกได้เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น และนี้เป็นบางส่วนของสิ่งประดิษฐ์จากสงครามเท่านั้นนะครับเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรสามารถคอมเม้นต์กันได้นะครับ
เรียบเรียงจาก
http://all-that-is-interesting.com/war-inventions
http://www.mms.com/
https://www.warhistoryonline.com/war-articles/top-10-inventions-discovered-wwii.html
http://www.mio.com/technology-history-of-gps.htm
https://en.wikipedia.org/wiki/Computer
https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_the_Internet