[รีวิว] Torment: Tides of Numenera สุดยอดเกม RPG ที่เกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ไม่ควรพลาด

แชร์เรื่องนี้:
[รีวิว] Torment: Tides of Numenera สุดยอดเกม RPG ที่เกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ไม่ควรพลาด

แพลตฟอร์ม: PS4, Xbox One, PC (ทีมงานทำการรีวิวจากเวอร์ชั่น PC)
ผู้พัฒนา: InXile Entertainment 
ผู้จัดจำหน่าย: บริษัท นิวอีร่า เอนเตอร์เทนเม้นท์, Steam
เรต: 17 ปีขึ้นไป

Planescape: Torment คือชื่อของเกม RPG จากยุค 90’ ที่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล มันส่งผลต่อเนื่องและเป็นแรงบันดาลใจให้เกม RPG รุ่นหลังเดินตามรอยมาอีกมากมายหลายเกม เป็นเวลายาวนานเกือบ 20 ปีที่ Planescape: Torment ไร้ผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการ แต่แล้วการรอคอยของแฟนเกม RPG ยุคเก่าทั้งหลายก็เดินทางมาถึงที่สิ้นสุดเมื่อทีมงาน Inxile หยิบเอา Torment มาสานต่อกับผลงานที่มีชื่อว่า Torment: Tides of Numenera และเรียกได้ว่าผลงานชิ้นนี้ก็สามารถเก็บเอาเสน่ห์สำคัญทุกอย่างของ Planescape: Torment เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน

Torment: Tides of Numenera มีรูปแบบการเล่นหลักเป็นเกม RPG แบบดั้งเดิม สิ่งที่ทำให้ Torment: Tides of Numenera แตกต่างจากเกม RPG เกมอื่นๆ ก็คือการเน้นหนักไปที่ด้านของเนื้อหา ดังนั้นหากคุณต้องการเกม RPG ที่มีระบบการต่อสู้ที่สนุกหรือต้องการฉากที่ตื่นตาตื่นใจผมก็คงต้องแนะนำให้ไปมองหาจากเกมอื่น เพราะสิ่งที่คุณจะได้ทำส่วนใหญ่ภายในเกม Torment: Tides of Numenera ก็คือการอ่าน อ่าน แล้วก็อ่านซ้ำไปเรื่อยๆ การนั่งเล่น Torment: Tides of Numenera ก็เหมือนกับการนั่งอ่านหนังสือนิยายเล่มโตดีๆ นั่นเอง แม้ตัวเกมจะมีระบบการต่อสู้ที่คุณก็สามารถจบเกมนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงสังหารศัตรูเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สำหรับเนื้อเรื่องใน Torment: Tides of Numenera นั้นไม่ได้ต่อเนื่องมาจาก Planescape: Torment เรียกได้ว่าต่อให้คุณไม่เคยเล่น Planescape ก็สามารถสนุกกับเกมภาคนี้ได้ทันที เนื้อหาใน Torment: Tides of Numenera  นั้นเกิดขึ้นในโลกที่เรียกว่า The Ninth World ซึ่งก็คือโลกในอีกหนึ่งพันล้านปีข้างหน้า เทคโนโลยีบนโลกนั้นก้าวล้ำไปจนถึงขั้นที่ไม่สามารถแยกกันได้ออกกับเวทมนต์ โลกเบื้องหลังของ Torment: Tides of Numenera จะฉีกกฎทุกอย่างที่คุณคุ้นเคยในเกม RPG ทั่วๆ ไป ที่นี่มีทั้งเรื่องของการข้ามกาลเวลา โลกต่างมิติ จักรวาลคู่ขนาน เครื่องจักรมีชีวิต มิติจิตใจ และอีกสารพัดแนวคิดสุดหลุดโลก ผลที่ตามมาก็คือหลายคนอาจจะเข้าไม่ถึงเนื้อหาอันซับซ้อนและช่วงแรกของเกมก็หมดเวลาไปกับการอธิบายศัพท์เฉพาะหลายชั่วโมง

เนื้อเรื่องถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Torment: Tides of Numenera เนื้อหาของเกมจะพูดถึง The Changing God มนุษย์ผู้ไปถึงกุญแจชีวิตอมตะได้สำเร็จด้วยความสามารถในการย้ายจิตสำนึกไปยังร่างใหม่ได้ไม่สิ้นสุด The Changing God สร้างร่างใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันเมื่อ The Changing God ย้ายไปยังร่างใหม่ก็เกิดจิตใต้สำนึกใหม่ขึ้นมาในร่างเก่าที่ถูกทิ้ง ร่างที่ถูกทิ้งเหล่านี้มีชื่อเรียกว่าเหล่า The Castoff และผู้เล่นจะได้รับบทเป็น The Castoff ร่างล่าสุดที่พบว่าตนเองกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าและจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

เนื้อเรื่องหลักของ Torment: Tides of Numenera แตกต่างจากเกม RPG อื่นๆ ตรงที่พระเอกไม่ใช่ผู้กล้าที่ต้องออกไปกู้โลก เป้าหมายในการเดินทางของตัวเอกคือการเอาชีวิตรอดและหาคำตอบให้กับตัวเอง ใครที่ชื่นชอบเนื้อหาที่ลุ่มลึกจะต้องถูกใจกับเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องรองภายในเกมนี้ เพราะทุกภารกิจ ทุกประโยคนั้นถูกเขียนขึ้นมาอย่างดี ภารกิจในเกมนั้นถูกเขียนให้เชื่อมโยงถึงกันและมีความหลากหลายตั้งแต่ตัวเลือกระหว่างภารกิจไปจนถึงขั้นที่ว่าคุณอาจค้นพบภารกิจใหม่ได้จากหลากหลายวิธีการ จุดเด่นอีกอย่างของเกมนี้คือตัวเลือกของผู้เล่นนั้นส่งผลกระทบภายในเกมอย่างแท้จริง ตัวเลือกทุกอย่างใน Torment: Tides of Numenera ล้วนแต่น่าสนใจบางครั้งการทำภารกิจพลาดหรือเลือกคำตอบผิดกลับสามารถส่งผลลัพธ์ที่น่าสนใจให้เราเห็นแทน

ด้านของระบบการต่อสู้และ Skill ความสามารถนั้นถือได้ว่าเรียบง่าย ตัวเกมเรียกช่วงการต่อสู้ว่าระบบ Crisis โดยตัวเกมจะเป็นการต่อสู้แบบสลับตากันเดิน ที่น่าสนใจคือเราไม่จำเป็นต้องเอาชนะศัตรูด้วยการต่อสู้ซึ่งๆ หน้าผู้เล่นสามารถเลือกคุยกับศัตรู เลือกซ่อนตัว หรือใช้ของที่มีอยู่ในฉากให้เกิดประโยชน์ Skill ในเกมก็มีทั้งที่ช่วยเพิ่ม Bonus สำหรับการต่อสู้ไปจนถึง Skill เสริมอื่นๆ (มีกระทั่ง Skill ที่ช่วยให้คุณสามารถอ่านความคิดของคนอื่นได้และแน่นอนว่าการมีความสามารถนี้ก็มีทั้งผลดีและผลเสียกับคุณ)

แต่การต่อสู้ก็ไม่ใช่เสน่ห์และใจความหลักของ Tides of Numenera ตัวเกมไม่ได้มีความหลากหลายในเรื่องของ Item แผนการรบหรือ Skill เท่ๆ แต่อย่างใด ย้ำกันอีกครั้งว่าใครคาดหวังจะเน้นการต่อสู้ก็น่าจะต้องไปมองหาเกมอย่าง Pillar of Eternity แทน

ระบบ Skill ในเกมนั้นเชื่อมโยงทั้งระหว่างการต่อสู้และการใช้ความสามารถเพื่อช่วยในการทำภารกิจควบรวมไปจนถึงการพูดคุยเกลี่ยกล่อม NPC โดยใช้ระบบค่าพลังหลักทั้ง 3 อย่าง Strength, Speed และ Intelligent คุณสามารถเลือกใช้ค่า Intelligent เพื่อร่ายเวทย์ให้แรงขึ้นหรือใช้แต้มเพื่อเกลี่ยกล่อมให้ NPC ยอมเปิดเผยข้อมูลสำคัญ โดยทุกครั้งที่คุณใช้แต้มค่า Stat หลักเพื่อช่วยในการเล่นค่า Stat จะลดลงและเพิ่มกลับมาเต็มก็ต่อเมื่อคุณนอนหลับพักผ่อนภายในเกม

ในส่วนของตัวละครทั้งเหล่า NPC และเพื่อนร่วมทีมของเรานั้นถูกเขียนบทมาอย่างดี แม้ว่าเมืองในเกมจะไม่ได้มีขนาดใหญ่และไม่ได้มี NPC จำนวนมหาศาลแต่คุณจะพบกับ NPC ที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากมายหลายตัว ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้รับภารกิจจาก NPC เหล่านี้ทั้งหมดแต่การพูดคุยเพื่อสอบถามเรื่องราวชีวิตของพวกเขาก็เป็นความสนุกอีกอย่างของเกม ฝั่งเพื่อนร่วมทีมของเราก็มีความน่าสนใจทุกคน คุณจะได้เจอกับจอมอาคมผู้ถูกติดตามโดยร่างเงาของตนเองจากมิติคู่ขนาน นักรบผู้มีรอยสักที่มีชีวิต หนูน้อยผู้มีเทพเจ้าอยู่กระเป๋า หรือไอ้หนุ่มผู้กล้าคลั่งการผจญภัยที่ดูจะมีอะไรแอบซ่อนเอาไว้อยู่

กราฟิกดูจะไม่ใช่จุดชูโรงหลักของเกม อนิเมชั่นการเคลื่อนไหว ภาพฉากหลังในเกมนั้นเรียบง่าย เพราะตัวเกมอาศัยจินตนาการของผู้เล่นจากการบรรยายหน้าตาตัวละครและฉากแบบจัดเต็ม ในส่วนของเสียงพากย์นั้นตัวละครเพื่อนร่วมทีมและ NPC สำคัญๆ จะมีการให้เสียงพากย์ในบทพูดบางจุด ส่วนตัวเอกของเรานั้นจะไม่มีเสียงพูดใดๆ ทั้งสิ้นยกเว้นเวลา Level Up หรือถูกสั่งการโดยผู้เล่น

สภาพแวดล้อมในเกมถึงแม้จะดูหลากหลายและสวยงามแปลกตาแต่ก็มีบางฉากที่ดูคุณภาพน้อยกว่าฉากอื่นสวนทางกับคุณภาพของของบทที่สามารถควบคุมได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของตัวละครก็มีจำกัด (เรียกได้ว่านอกจากการเดินไปมาและการออกท่าระหว่างต่อสู้แล้วคุณจะไม่ได้เห็นตัวละครในเกมทำอย่างอื่นเลย) ทุกอย่างต้องอาศัยการอ่านเอาเท่านั้น

ปัญหาอื่นๆ ที่ผมพบก็มีในเรื่องของการที่เพื่อนร่วมทีมเดินไปติดฉากและไม่เดินไปยังจุดที่ผมต้องการในระหว่างการต่อสู้ ผมเจอ Bug เก็บไอเทมจากศพของศัตรูไม่ได้สองสามครั้ง และเหมือนตัวเกมจะมีปัญหาอาการ “ค้าง” ชั่วขณะนึงในระหว่างการเลือกตอบคำถามในบางจุด แต่โดยรวมแล้วบน PC ตัวเกมถือได้ว่ามีปัญหาทางด้านเทคนิคเพียงเล็กน้อย แต่ทางฝั่ง Console อาจจะโชคร้ายมากกว่าเพราะผมไปตรวจสอบในหน้าบอร์ดต่างประเทศและพบว่าตัวเกมบน Console มีปัญหาอาการกระตุกและปัญหาเยอะกว่าบน PC 

สำหรับความยาวของเนื้อหาในเกมนั้นผมใช้เวลาราวๆ 32 ชั่วโมงในการจบเกมโดยทำภารกิจรองเกือบทั้งหมด แต่ตัวเกมก็สามารถกลับมาเล่นซ้ำได้อีกหลายครั้งหากคุณอยากเห็นผลของตัวเลือกต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมายตลอดทั้งเกม

 จุดเด่น

- เนื้อหาลุ่มลึกสุดยอดทั้งเนื้อเรื่องหลัก เนื้อเรื่องรอง ตัวละครมีน่าสนใจ และโลกฉากหลัง The Ninth World ก็แปลกแตกต่างจากฉากหลังในเกมอื่นๆ อย่างชัดเจน

- ผู้เล่นมีอิสระในทางเลือกทั้งการทำภารกิจและการต่อสู้ ตัวเลือกต่างๆในเกมหลากหลายและส่งผลอย่างชัดเจน

- ภารกิจต่างๆถูกออกแบบมาอย่างดีเชื่อมโยงถึงกัน คุณสามารถเลือกทำภารกิจไหนก่อนก็ได้ตามต้องการ

จุดด้อย

- ระบบการต่อสู้ที่เรียบง่ายจนอาจเรียกได้ว่าขาดความน่าสนใจ

- เนื้อหาในเกมเข้าถึงได้ยากโดยเฉพาะสำหรับผู้เล่นที่ไม่ชอบการอ่าน

- เนื้อหาดูถูกเร่งให้จบในช่วงท้ายเกม

- มีบางช่วงที่บทขาดความต่อเนื่องจนดึงให้ผู้เล่นเสียอารมณ์ได้

สรุป: Torment: Tides of Numenera คือสุดยอดเกม RPG แบบ Classic ที่เกมเมอร์สาย Hardcore ไม่ควรพลาดโดยเฉพาะหากคุณเป็นแฟนเกม Planescape: Torment ด้วยเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ โลกอันน่าสนใจชวนให้ออกสำรวจค้นหาและตัวเลือกอีกมากมาย แม้ระบบการต่อสู้จะไม่ยอดเยี่ยมและตัวเกมก็ไม่สมบูรณ์แบบในทุกส่วน แต่ Torment: Tides of Numenera คือเกมผู้สืบทอดที่ทั้งสมศักดิ์ศรี Planescape: Torment และเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมด้วยตัวของมันเองหากคุณชื่นชอบการอ่านและต้องการจมดิ่งสู่เรื่องราวที่แปลกแหวกแนวน่าสนใจ Tides of Numenera จะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่ลืมเลือน

คะแนน 90/100

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ