แพลตฟอร์ม: PS4
ผู้พัฒนา: Guerrilla Games
ผู้จัดจำหน่าย: Sony Interactive Entertainment
เรต: 13 ปีขึ้นไป
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นจนจบเกม: ประมาณ 40 ชั่วโมง
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นแบบเก็บทุกรายละเอียด: ประมาณ 50-60 ชั่วโมงขึ้นไป
ลองนึกภาพตามนะครับ ว่าคุณต้องเดินทางผ่านทุ่งกว้างเพื่อไปยังจุดหมายซึ่งอยู่หลังหุบเขาที่ตั้งเป็นกำแพงสูงใหญ่อยู่ไกลลิบ ระหว่างนั้นคุณมองเห็นสัตว์จักรกลดุร้าย เคลื่อนตัวไปมา ปรากฏกายให้เห็นเป็นระยะ ในมือคุณมีธนูกับอาวุธอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เมื่อสำรวจฉากเสร็จแล้วคุณก็เริ่มออกเดินทาง ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งเสียงขู่คำรามผสานสำเนียงแบบดิจิตอลเบื้องหน้า
บรรยากาศเกมเหนือจินตนาการของ Horizon Zero Dawn สามารถสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเล่น ด้วยเรื่องราวในโลกอนาคตอีกหลายร้อยปีข้างหน้า ที่อารยธรรมมนุษย์เหมือนถูกรีเซ็ต กลับไปเริ่มวิวัฒน์อีกครั้งในภาพของยุคกลาง มีคนบ้านป่าเมืองเถื่อน มีคนเมืองหลวง มีระบบราชวงศ์และกองทัพทหารติดอาวุธนานาชนิด
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น "เอลอย" (Aloy) หญิงสาววัยรุ่น ผู้ที่ชาติกำเนิดยังเป็นปริศนา เพราะเกิดมาโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่ ส่งผลให้สถานะทางสังคมในชุมชนแบบชาวเผ่า ช่างต่ำตมเสียจนไม่มีใครคบค้าสมาคม ปมชีวิตดังกล่าวถีบให้เธอมีความมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือจนโดดเด่นกว่าชนเผ่ารุ่นเดียวกัน
ทีมงานขอเกริ่นต้นเรื่องไว้เพียงแค่นี้ ที่เหลือจะขอแนะนำให้ไปค้นพบกันด้วยตัวเองเวลาเล่นเกมเต็มจริงๆ ส่วนต่อจากนี้คือรีวิวจากประสบการณ์ที่ได้รับเมื่อได้เล่นเกม Horizon Zero Dawn ครับ
ก่อนอื่นขอเล่าถึงประเด็นสำคัญเป็นอันดับแรกว่า อย่าให้ภาพจากตัวเกมที่โปรโมทกันช่วงก่อนหน้านี้มาทำให้คุณนึกถึงเกมอย่าง Far Cry Primal เพราะถึงแม้ภาพฉากใช้ธนูล่าสัตว์ในทุ่งราบกับการวิ่งรับเควสต์จะมีให้เล่นใน Horizon Zero Dawn แต่มันก็เป็นแค่ช่วงต้นเกมเท่านั้นจริงๆ เพราะจริงๆ แล้วถ้ามองลึกไปถึงความละเอียดซับซ้อนของโครงสร้างเกมนั้นช่างต่างกันลิบลับเลย
ถ้างั้นโลกเกมของ Horizon Zero Dawn เป็นอย่างไรกันแน่?
The Witcher 3 คือภาพใกล้เคียงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโลกเกมขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งชุมชนใหญ่น้อยในแผนที่ ไปจนถึงมหานคร (ในเกมนี้ชื่อว่า เมอริเดียน) อันวิจิตรตระการตา ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คน รวมทั้งมีกิจกรรมเชิงธุรกิจและสันทนาการ ดุจดังคนในชีวิตจริง ที่สำคัญคือคนเหล่านี้ยังพร้อมหยิบยื่น “เควสต์ย่อย” มาให้คุณแบบไม่หยุดหย่อน
เมื่อพูดถึงภารกิจ ขอขยายความให้ชัดเจนว่าเกมนี้มีภารกิจ 9 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ภารกิจหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนเนื้อเรื่อง, ภารกิจรองที่บอกรับจากตัวละคร NPC, ภารกิจ Errands ที่เป็นพวกธุระปะปัง ส่วนใหญ่คือหาไอเทมหายากมาให้พ่อค้า, ภารกิจ Bandit Camps ที่เป็นการเล่นเข้าตีฐานโจร จะเน้นลอบเร้นหรือบู๊โฉ่งฉ่างก็ได้ (คล้าย Far Cry), ภารกิจ Tallnecks คือการหาทางขึ้นไปบนหัวของไดโนเสาร์จักรกลคอยาว หลักๆ มันคือการเปิดแผนที่และเผยจุดน่าสนใจต่างๆ (คล้าย Far Cry หรือ Mad Max), ภารกิจ Hunting Grounds ที่เป็นการออกล่าตามใบสั่ง, ภารกิจ Cauldrons ที่เป็นการสำรวจโบราณสถานใต้ดิน ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาและกลไกลี้ลับ เวลาเล่นจะคล้ายกับเกมอย่าง Tomb Raider ปนๆ กับ Mass Effect, ภารกิจ Corrupted Zones ซึ่งเป็นการเคลียร์พื้นที่ติดเชื้อให้กลับสู่ปกติ และสุดท้ายคือ Tutorials ...ใช่แล้วครับ โหมดฝึกหัดของเกมที่มาพร้อมค่าประสบการณ์และตารางการฝึกไม่ต่างจากการได้รับเควสต์เลยทีเดียว
แล้วการมีเควสต์ให้เล่นหลายแบบมันดียังไง?
ภารกิจทั้งหมดทั้งมวล มันก่อให้เกิดพลวัตรของกิจกรรมที่ไม่ซ้ำซากจำเจครับ ซึ่งมักเป็นจุดอ่อนสำคัญของเกมโลกอิสระทั้งหลาย ทั้งนี้ เมื่อผู้เล่นค้นพบโซนใหม่ๆ ตามเนื้อเรื่อง สิ่งที่ตามมาก็คือเควสต์พวกนี้แหละ และด้วยความที่มันมีหลายแบบ แถมยังร้อยเรียงเรื่องราวให้สอดคล้องกันอีก มันเลยกลายเป็นความเพลิดเพลินที่เล่นแล้วรู้สึกได้เลยว่ามัน “ลุ่มลึก” ไม่ใช่การจับยัดหน้าที่อะไรก็ไม่รู้มาให้ทำ
พูดถึงฉากก็ขอชมความสวยงามและความหลากหลายของภูมิประเทศในเกม ถึงแม้เราจะเข้าใจกันดีว่า เรื่องสวยๆ งามๆ มักอิงกับรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน แต่สำหรับเกมนี้ทำออกมาได้สวยจริงๆ ครับ สวยกว่า Killzone ภาคล่าสุดของทีมพัฒนาเดียวกันนี้ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ตัวเกมยังพาผู้เล่นไปพบกับพื้นที่แทบทุกประเภท ทั้งภูเขาหิมะ, ป่าดงดิบ, พื้นที่แห้งแล้งกึ่งทะเลทราย หรือที่ราบต่ำเป็นบึงและหนองน้ำ (มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการชี้ว่า Horizon Zero Dawn นั้นสร้างขึ้นโดยใช้ภูมิประเทศของรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นต้นแบบด้วย)
เท่านั้นยังไม่พอ ฉากในโลกเกมยังมี “มิติ” อย่างหนึ่งที่เกมโอเพ่นเวิลด์ส่วนใหญ่ไม่มี นั่นก็คือ บรรดาฉากป่าๆ ที่เราเห็นนั้น แท้จริงแต่เดิมมันคือเมืองในโลกปัจจุบันของเรานี่แหละ ดังนั้น ความเพลิดเพลินที่ผู้เล่นได้รับแน่ๆ ก็คือการค้นพบร้านค้า ปั๊มน้ำมัน สนามกีฬา ฯลฯ ที่กลายสภาพเป็นซ่องโจร รังของสัตว์ประหลาด หรือกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาไปเสียแล้ว
พูดถึงความละม้ายคล้ายเกมต่างๆ ไปข้างต้นแล้ว ก็ขอบอกกันเสียหน่อยว่า ทีมพัฒนาในปัจจุบัน มีอยู่หลายคนที่รับเข้ามาจากอดีตทีมงานของซีรีส์ The Witcher และ Fallout ทว่าถ้าให้วิเคราะห์จากการเล่นเกมนี้มาแล้ว ทางทีมงานก็ขอใช้คำว่า Horizon Zero Dawn คือมวลรวมของเกมแอ็กชั่น RPG แบบโอเพ่นเวิลด์ทั้งหลาย...แต่เป็นการเอามาแต่ข้อดีทั้งสิ้นครับ
บางคนอาจเห็นแย้ง แต่ถึงกระนั้นก็คงต้องขอถามกลับว่าการเอาข้อดีมาปรับใช้มันไม่ดียังไง...เพราะนี่คือการนำมาใช้ให้เข้ากับตัวเกมจนทุกระบบที่ปรากฏ แทบจะเป็นที่สุดของเกมแนวนี้แล้ว
สมมติลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น ภารกิจรองจำพวกการสืบคดี ตัวเกมทำออกมาได้คล้ายกับ The Witcher หรือ Batman เป็นอย่างมาก โดยเริ่มจากการสแกนพื้นที่จนพบเบาะแส จากนั้นก็ตามล่องลอยไปจนพบต้นตอ ก่อนจะจบลงด้วยการเจรจาหรือการต่อสู้ก็ว่ากันไป ขณะที่กระเป๋าบรรจุไอเทมตอนแรกก็จะมาแบบใบเล็ก จุได้น้อย ซึ่งเราอัพเกรดได้ด้วยการล่าสัตว์เอาหนังมาทำการขยายขนาด เหมือนใน Far Cry หรือ Assassin Creed เลย
อย่างไรก็ดี ยังมีอยู่อีกอย่างที่เกมนี้แตกต่างจากเกมที่ว่ามาทั้งหมด นั่นคือระบบต่อสู้ เพราะทีมพัฒนาตัดสินใจไม่ใช้ระบบล็อกเป้าศัตรูเป็นตัวๆ และนี่อาจเป็นจุดที่ไม่ชอบใจสำหรับผู้เล่นบางคน ส่วนท่าทางการตีรันฟันแทงต้องบอกเลยว่าน้อยไปหน่อย มีแค่ตีธรรมดากับตีแรง แล้วก็พุ่งหลบ ตรงนี้อาจเป็นเพราะการต่อสู้ส่วนใหญ่จะต้องใช้ร่วมกับการยิงธนู (และอาวุธยิงประเภทอื่นๆ) จึงทำออกมาแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเกมก็มีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ อีกอย่างที่พบเห็นในเกมแล้วอดยิ้มไม่ได้ ก็คือเกมนี้เราสามารถเซฟหรือเดินทางแบบ Fast Travel ได้ด้วยการใช้ “Bonfire” ครับ (นึกถึง Dark Souls เลยทีเดียว)
ทางด้านเอลอย นางเอกของเกม เธอมาพร้อมกับสกิล 3 ชนิดให้อัพเพิ่มความสามารถได้ตามสไตล์ RPG ทั่วไป คือ Prowler เป็นสายย่องเงียบ เน้นการเคลื่อนที่ของเอลอยเป็นหลัก, Brave สกิลปะทะ ใช้เพิ่มพลังท่าต่อสู้ต่างๆ สุดท้ายคือ Forager สกิลเสริม เกี่ยวกับพวกไอเทม แต่จะมีอันหนึ่งที่น่าสนใจ คือใช้เพิ่มระยะเวลาการ Override หมายถึงการแฮคระบบเอาสัตว์จักรกลมาเป็นพวก ทั้ง 3 สายสกิลถือว่าเพียงพอและทำหน้าที่ได้ดี มันให้ทั้งความสมดุลและทางเลือกแก่ผู้เล่นที่มีสไตล์แตกต่างกันไป
ด้านการต่อสู้ เกมใช้ระบบ “โฟกัส” หรือการสแกนหาจุดอ่อนในตัวหุ่นยักษ์ แล้วดูตำแหน่งกับข้อมูลจุดอ่อนต่างๆ ดูว่าจุดเหล่านั้นแพ้ทางอาวุธประเภทใดบ้าง หากศัตรูเป็นคนด้วยกันระบบโฟกัสก็จะใช้มาร์คเพื่อบอกตำแหน่งพวกมันได้ ซึ่งเมื่อลองเล่นไปแล้วจะรับรู้ได้ว่า มันถูกขัดเกลามาอย่างดี การปะทะทุกครั้งตื่นเต้นเร้าใจ ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ ส่วนอาวุธนอกจากธนูแล้วยังมีเครื่องยิงเชือกกับดัก, เครื่องยิงเชือกใช้ตรึงหุ่นสัตว์ตัวใหญ่ แถมด้วยกับดักชนิดวางอีกหลายแบบ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้เมื่อนำมาใช้ด้วยกันก็ก่อให้เกิดการเล่นที่ท้าทาย
อีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนในตัวเอลอยก็คือ บทบาทของเธอค่อนข้างโดดเด่น มีเสน่ห์น่าประทับใจ ชนิดที่ว่า Sony สามารถหยิบเธอไปเป็นไอคอนคนใหม่ได้เลยทันที ทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งบทสนทนา เขียนกันออกมาเพื่อขับดันตัวละครนี้อย่างโจ่งแจ้ง ใครไม่เชื่อลองติดตามกันดูได้
เขียนมาถึงตรงนี้ ทีมงานอยากเน้นย้ำว่า Horizon Zero Dawn ได้สร้างที่ทางให้ตัวเองผงาดขึ้นมาเป็นเกม AAA ได้เรียบร้อยแล้วครับ มันมีศักดิ์ศรีพอที่จะกลายเป็นแฟรนไชส์ระยะยาว สร้างภาคต่อออกมาอีกสัก 2-3 ภาคได้อย่างไม่เคอะเขิน มันเล่นสนุกจริง ภาพสวยจริง เล่นได้นานจริง เนื้อเรื่องดีจริง (โดยเฉพาะเหล่าเควสท์ย่อย) ถ้าใครถามว่าซื้อเกมนี้เล่นดีมั้ย ก็คงสามารถแนะนำให้เพื่อนคนนั้นได้โดยไม่ต้องกลัวผิดหวัง ส่วนในอนาคตก็น่าสนใจครับว่าเกมแนวนี้เดินทางมาถึงปลายสุดหรือยัง มันยังเหลือการตีความหรือนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรให้ได้บุกเบิกกันอีกมั้ย ในเมื่อ Horizon Zero Dawn ได้สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมาแล้ว
จุดเด่น
- เกมมีความสมบูรณ์แทบทุกๆ ด้าน นี่คือตัวอย่างที่ดีของ "เกมที่ตกผลึกแล้ว" ซึ่งมีคุณภาพแตะถึงเพดานของเกมโอเพ่นเวิลด์ RPG จากการใช้ลักษณะเด่นของเกมแนวเดียวกันหลายๆ เกมมาปรับใช้ได้อย่างลงตัว
- รูปแบบเควสต์มีความหลากหลาย มีมากถึง 9 ประเภท แถมวางกระจายบนแผนที่อย่างฉลาด คนเล่นจะมีอะไรให้ทำมากมาย โดยเควสต์ทั้งหมดมีเนื้อเรื่องรองรับ มีฉากคัทซีนสวยๆ ให้ดูตลอด
- กราฟิกสวยสุดยอด บวกกับการออกแบบเชิงศิลป์ที่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างในปัจจุบัน ที่กลายเป็นโบราณสถานในเกมนั้น น่าสนุกทุกครั้งที่ได้เจอและพบเห็น
- เพลงประกอบฉากเร้าใจ ส่วนเพลงแนว "เวิลด์มิวสิค" (ฉากท่องโลก) ก็ทำได้ดี ไพเราะเข้ากับธีมเกม
- การต่อกรกับสัตว์จักรกลตัวใหญ่ๆ หรือการรับภารกิจล่าหุ่นไดโนเสาร์ยักษ์เหล่านี้ ให้ความรู้สึกเหมือนแยกเป็นอีกเกมได้เลย อารมณ์คล้าย Monster Hunter ผสมกับ Shadow of the Colossus ยังไงยังงั้น
จุดด้อย
- มันแทบไร้ที่ติเลยครับสำหรับเกมนี้ ขนาดทีมงานพยายามมองหาข้อติติงแล้วก็ยังไม่พบข้อเสียแบบเด่นชัด ส่วนในประเด็นของความคล้ายคลึงกับเกมอื่นในบางแง่มุม มันกลับเป็นสิ่งดีด้วยซ้ำ เพราะตัวเกมเอามาแต่ข้อดีทั้งนั้น ก่อนจะมาปรับใช้ให้เป็นของตัวเอง ขณะที่ระบบการต่อสู้ที่ไม่มีการล็อคเป้าศัตรูก็พอเข้าใจได้เพราะฟังก์ชั่นหลักในเกมนั้นเลือกใช้ภาพสโลว์ขณะเล็งยิงนั่นเอง
สรุป
หลังจากใช้เวลาไปหลายสิบชั่วโมงในโลก Horizon Zero Dawn สิ่งหนึ่งที่ปรากฏออกมาเด่นชัดก็คือ มันให้ความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือนิยายสไตล์แฟนตาซีดีๆ ซักเล่ม หรือคล้ายการดูซีรีส์ไซไฟระดับ 5 ดาว หรือพวกหนังสเกลใหญ่แบบ Avatar ตัวเกมสามารถผสานระบบเกมการเล่นให้กลืนเป็นเนื้อเดียวกับเนื้อเรื่องและโลกเกม จนคุณรู้สึกได้ว่านี่คือดินแดนที่น่าเชื่อถือ น่าติดตามจนไม่อยากละทิ้งมันออกมา อยากใช้เวลากับมันมากขึ้นอีกนิด และนี่เองคือก้าวย่างที่สำคัญของวงการเกม ถึงเวลานี้ Horizon Zero Dawn ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเกมแล้ว มันได้กลายเป็น 1 ในเกมโอเพ่นเวิลด์ RPG ที่สมบูรณ์ที่สุด หากแต่นี้ต่อไป ใครจะทำเกมใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ควรก้าวข้ามเกมนี้ให้จงได้ (ในที่นี้รวมถึงภาคต่อของตัวมันเองด้วยนะครับ ไม่มีข้อยกเว้น)
คะแนน 10 / 10