***หมายเหตุ ผู้เขียนเล่นเกมเวอร์ชั่น PC
แม้จะเป็นเพียงช่วงต้นปี 2017 ทว่าวงการเกมคอนโซลและ PC ก็กำลังคึกคักได้ที่ทีเดียวครับ เนื่องด้วยมีเกมฟอร์มยักษ์หลายๆ เกมกำลังค่อยๆ ทยอยวางตลาดในช่วงนี้ให้เกมเมอร์แข่งกันกระเป๋าแหกไปตามๆ กัน ครับ และหนึ่งในนั้นคือ For Honor เกม IP ใหม่ระดับ AAA ตัวความหวังประจำปีของ Ubisoft นั่นเอง
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเกมนี้ได้รับความสนใจตั้งแต่ประกาศเปิดตัวเลยทีเดียว ด้วยรูปแบบเกมเพลย์แนวใหม่ไม่เหมือนใครในระดับที่แค่อธิบายคงไม่ค่อยเห็นภาพนัก จำเป็นต้องเห็นด้วยตาจริงๆ ถึงจะพอรับรู้ได้ว่ามันเป็นเกมแนวไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธีมหลักของเกมซึ่งกล่าวถึงการฟาดฟันของนักรบเดนตาย 3 เผ่าพันธุ์ อันได้แก่ ไวกิ้ง, อัศวิน และซามูไร ซึ่งในโลกจริงแทบเป็นไปไม่ได้ทีพวกเขาจะมีโอกาสมาประดาบวัดฝีมือกัน แต่ก็เพราะความแปลกแหวกทะลุโลกของมันนี่แหละครับ ที่ส่งให้เกมนี้ถูกกล่าวขวัญถึงและเป็นที่สนใจในวงกว้าง
และ Ubisoft ดูจะทุ่มเทและให้ความมุ่นใจกับเกมนี้อย่างมากเลยทีเดียว ถ้าถามว่าขนาดไหน? ก็ขนาดที่พวกเขาเคยบอกว่า Assassin's Creed ภาคใหม่ไม่จะเป็นต้องเข็นให้ทันปีนี้ก็ได้ เพราะพวกเขามี For Honor และ Ghost Recon Wildland เป็นเกมแม่เหล็กชูโรงในปี 2017 นี้อยู่แล้ว
บ๊ะ! ขนาดนั้นเลยทีเดียวนะฮะคุณผู้ชม
เอาเถอะครับ เรื่อง Hype เกมก่อนขายจริงของทาง Ubisoft นั้นไม่เป็น 2 รองใครอยู่แล้ว เรียกว่าถ้าจะมีอะไรที่พวกเขาดีเสมอต้นเสมอปลาย ก็คงเป็นเรื่องการทำโปรโมตเกมจากค่ายตัวเองนี่แหละ เด็ดดวงแทบทุกงานจนเกมเมอร์หลง Day 1 กันไปหลายเกมเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามเรื่องผลงานเกมในอดีตจะมีดีมีร้ายสลับกันไปก็ยังเป็นทีพอเข้าใจได้ เพราะฉะนั้นเรามาโฟกัสกับเกมที่ผมจะทำการรีวิวกันในวันนี้ดีกว่า For Honor นั่นเองจ้า! (เขียนมาตั้งยาวเข้าเรื่องซะที เย้!)
สำหรับ For Honor นั้นถูกพัฒนาโดยสตูดิโอย่อยของ Ubisoft หลายสตูดิโอด้วยกัน แต่จะมี Ubisoft Montreal เป็นหัวหอกหลัก ซึ่งสตูดิโอที่ Montreal เนี่ยคือทีมที่พัฒนาเกม Assassin's Creed มาหลายต่อหลายภาค ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้กลายๆ ว่าสตูดิโอนี้คือมือวางอันดับหนึ่งของทาง Ubisoft นั่นเองครับ และแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเน้นหนักกับเกมนี้จริงๆ
แต่สิบปากว่าก็ยังไม่เท่าลงมือลองครับ อันที่จริงก็ทดสอบเกมไปสักหน่อยแล้วในช่วงเบต้า เบื้องต้นก็รู้สึกว่ามันเป็นเกมที่มีศักยภาพ แต่อาจจะเข้าถึงยากไปสักนิด และต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ในเกมเพลย์สักหน่อย ตอนนั้นก็เลยรู้สึกว่ามันก็น่าซื้อนะ แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยคุ้ม ผมจึงค่อนข้างคาดหวังกับตัวเต็มไว้พอสมควร ซึ่งพอถึงเวลาวางตลาดของมันก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ลองเล่น เพราะแม้คอนเท้นท์เต็มๆ อาจจะไม่ว้าวขนาดพลิกวงการ แต่ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่านี่คือหนึ่งในชิ้นงานที่ยอดเยี่ยม มีศักยภาพ และสร้างที่ทางในแบบฉบับของตัวเองไว้ได้อย่างสวยงาม
รูปแบบเกมเพลย์ของเกมแม้จะอุทิศตัวอุทิศใจให้ตัวเกมไปหลายชั่วโมงแล้ว ผมก็ยังจำกัดความมันไม่ค่อยถูกนัก เอาเป็นยังไงดีล่ะ? อาจเพราะมันมีให้เลือกเล่นหลายโหมดทำให้พูดถึงเกมเพลย์รวมๆ ยากไปนิด แต่ทั้งหมดนั้นจะมีจุดร่วมเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือต้องโค่นศัตรูตรงหน้าให้ได้ ไว่าพวกมันจะมีกี่คนก็ตาม ดังนั้นผมขอจำกัดความเกมนี้แบบกว้างๆ ว่าเป็นแนว Arena Battle ก็แล้วกันครับ
เมื่อเข้ามาครั้งแรกตัวเกมจะบังคับเราให้เลือกฝ่ายที่จะสังกัดครับ จะอัศวิน, ไวกิ้ง หรือซามูไร ก็เลือกกันให้ดี เลือกกันให้เหมาะครับ เพราะมันคือ Faction ที่คุณจะเข้าร่วมใน Event หลักระยะยาวของเกมอย่าง Faction War ครับ ซึ่งจะเป็นอย่างไรเดี๋ยวค่อยมาว่ากันจากนั้นตัวเกมจะให้เราทำ Emblem ประจำตัวขึ้นมาครับ ซึ่งลักษณะจะต่างกันไปทั้ง 3 ฝ่าย ไวกิ้งเป็นทรงกลม, อัศวินเป็นทรง 3 เหลี่ยม และซามูไรจะเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้าครับ ซึ่งไอ้เจ้าสิ่งนี้จะเป็นประหนึ่งสัญลักษณ์แทนตัวตนของคุณ ดั้งนั้นก็จัดการลายที่ขอบตามสะดวก ผมเองที่ชอบทำอะไรแบบนี้บอกเลยว่าเพลิน แถมมันเป็นระบบที่ไม่ใช่ใส่เข้ามาลวกๆ นะครับ ปรับแต่งได้หลากหลายมาก ย่อ, ขยาย, หมุนวน, พลิกกลับ, สลับเลเยอร์ เรียกว่าผมหมดเวลาไปกับมันเยอะมากครับ กว่าจะเข้าถึง Tutorial ของเกมได้ก็เสียเวลาไปเกือบๆ ชั่วโมง เพื่อจะให้ได้ Emblem สุดรกมาหนึ่งอัน...
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการปรับแต่ง (Customize) ของเกมนี้ถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่ง นอกจาก Emblem ที่พูดถึงไปก่อนหน้า พวกตัวละครทั้ง 12 คลาสต่างก็สามารถปรับแต่งรูปลักษณ์ได้หลายส่วนจากลวดลายชุดสีที่เกมมีมาให้ ไม่ว่าแขน ขา อาวุธ ชุดเกราะ กางเกง ฯลฯ หลายๆ คลาสก็สามารถปรับเพศได้ นอกจากนี้ก็มีเอฟเฟกพิเศษไว้เพิ่มความอลังอีกต่างหากเช่น กดท่า Execution แล้วมีแสงออกหรือไฟลุกเป็นต้น ตรงนี้ผมว่ามันทำให้เราเล่นเกมแล้วมีความสุขกับอิ่มใจขึ้นนะครับ เล่นเกมด้วยตัวละครสุดเท่จากการปรับแต่งสไตล์เราเนี่ย
เอาล่ะแม้เกมจะเน้นโหมดผู้เล่นหลายคนเป้นหลัก แต่ Ubisoft ก็ยังใส่โหมดเนื้อเรื่องเล่นเดี่ยวมาให้เช่นกันครับ ก็คุณภาพโดยรวมของมันก็ไม่ได้แย่แหละ ไม่ใช่งานที่ทำแบบขอไปทีแน่นอน อย่างไรก็ตามผมมองว่าตัวโหมดนี้ของมันไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกับเกมอย่าง Titanfall 2 ที่หากถามว่าซื้อมาเพื่อแค่เล่นโหมดเนื้อเรื่องจะคุ้มมั๊ย? ก็จะตอบว่าคุ้มได้อยู่ เพราะมันมีลูกเล่นและโมเมนท์ซึ่งควรค่าแก่การจดจำเยอะมาก ขณะที่โหมดเนื้อเรื่อง For Honor มันเหมือนกับการอุ่นเครื่องผู้เล่นชุดใหญ่เพื่อให้เข้าสู่สมรภูมิมัลติเพลเยอร์ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงเสียมากกว่า
เริ่มจากเนื้อเรื่อง ที่ไล่วนเป็นงูกินหางกัน 3 ฝ่าย ซึ่งจะพูดถึง 12 ปีก่อนหน้าเหตุการณ์รบพุ่งเป็น 3 ก๊กในปัจจุบันว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยคุณจะได้สลับเล่น 8 จาก 12 คลาสที่มีทั้งหมดในเกม พร้อมรับรู้เรื่องราวทั้งหลักและยิบย่อยในจักรวาล For Honor และค่อยๆ ซึมซับรูปแบบการเล่นเบื้องต้นของทั้ง 8 คลาสซึ่งสามารถไปต่อยอดตัวที่คุณชอบเพิ่มเติมได้ในมัลติเพลเยอร์ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็ไม่ได้เน้นชั้นเชิงการนำเสนอในโหมดนี้สักเท่าไหร่ เหมือนพยายามให้มันย่อยง่ายๆ ไว้ก่อน ส่วนการสู้กับบอสของแต่ละเผ่าบอกตรงๆ ว่าเหมือนเอาตัวที่มีอยู่แล้วมาเพิ่มสกิลเล็กน้อยเข้าไป พร้อมอัดเลือด 2-3 เท่า ให้มันตายยากขึ้นก็เท่านั้นครับ ก็ไม่ใช่ว่าแย่นะ แก่นหลักของเกมมันสนุกอยู่แล้ว แค่มันไม่มีอะไรให้น่าจดจำเท่านั้นเอง
กระนั้นก็อย่างที่บอกครับว่าถึงยังไงโหมดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำแบบขอไปทีหรือทำเพราะว่าต้องมี เพราะหากเหตุผลเพียงแค่นั้นเราคงไม่ได้เห็นงานออกแบบฉากเจ๋งๆ หรืองานดีไซน์สิ่งปลูกสร้างแจ่มๆ เป็นแน่ ถึงแม้มันจะดูเหมือนเอาหลายๆ ฉากจากโหมดมัลติเพลเยอร์มารียูส แต่ผมว่ามันก็ถูกปรับแต่งมาสู่โหมดเนื้อเรื่องได้ไม่เลว สำคัญที่สุดเลยคือการนำเอาแก่นเกมเพลย์หลักของเกมที่ถูกออกแบบสำหรับเล่นในโหมดมัลติเพลเยอร์มาใส่ในโหมดเนื้อเรื่องนั้นมันเป็นอะไรที่มองเผินๆ แล้วบ้อบอมาก เพราะผมรู้สึกว่ามันยากที่จะหาความลงตัวในสูตรเคมีนี้ ทว่าถึงไม่ได้ดีเลิศแต่ก็ไม่ติดขัดอะไร และ Ubisoft ทำได้ดีในระดับหนึ่ง กอปรกับการเล่าเรื่องที่ย่อยง่ายแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับมันไม่น้อย ก็พลอยทำให้ผู้เล่นซึมวับความเป็นไปของ For Honor ได้ไม่ยาก ตามความเห็นของผม หากมองมันในฐานะโหมดเทรนนิ่งที่มีเนื้อเรื่องเพื่อช่วยปูพื้นฐานแทบทุกอย่างของเกมให้ผู้เล่นไปลุยต่อในโหมดมัลติเพลเยอร์แล้ว ผมคิดว่ามันทำหน้าที่ได้ลุล่วงนะ ซึ่งผมก็ค่อนข้างเชียร์ให้ทุกคนที่ซื้อเกมมาโดยเฉพาะมือใหม่ผู้ไม่เคยเล่นช่วงทดสอบเบต้ามาก่อนเข้าเล่นโหมดนี้จนจบเป็นอย่างแรกครับ
มาถึงโหมดมัลติเพลเยอร์กันสักที คงไม่ผิดเกินไปถ้าจะบอกว่านี่คือส่วนที่ดีที่สุดซึ่งมีส่วนที่แย่ที่สุดของเกมเป็นส่วนประกอบอยู่ครับ เพราะงั้นมาพูดถึงอันที่แย่กันก่อนดีกว่า มันก็คือปัญหาด้านการเชื่อมต่อนั่นเองครับ เพราะดูเหมือนตัวเกมจะไม่ได้ใช้ระบบ Dedicate Server แต่ใช้เป็น Peer to Peer ดังนั้นมันจึงไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงในบางครั้งโดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในประเทศซึ่งระบบอินเตอร์เน็ทยังไม่ค่อยเสถียร ดังนั้นหากคุณเกิดจับพลัดจับผลู Match making ไปเจอ Host ที่อินเตอร์เน็ตไม่เข้าท่าละก็ขอให้รอเจ๊งได้เลยครับ เพราะคุณอาจจะหลุด หรือเกมอาจจะค้าง ที่แน่ๆ คือเล่นไม่ได้แน่นอน กระนั้นข้อดีของการเชื่อมต่อแบบนี้คือทางบริษัทประหยัดต้นทุนและผู้เล่นไม่ต้องกังวลว่าจะเจอเซิร์ฟปิด เซิร์ฟเน่าหรือเซิร์ฟร้างครับ และทีสำคัญคือพอนานๆ ไป ถึงคนจะซาลง แต่คุณก็จะยังเจอคนเล่นอยู่ดีนั่นเอง เอาจริงๆ ผมก็เข้าใจ Ubisoft อยู่หน่อยๆ เรื่องต้นทุนนะครับ แล้วเวลาเล่นไม่มีปัญหาก็ลื่นๆ เลย แต่ถ้าเจอก็ GG จนหัวเสียไปหลายครั้งเหมือนกัน
ส่วนสิ่งที่ผมชอบที่สุดในเกมคงเป็นเมคานิคเกมเพลย์ของมันนี่แหละครับ ผมให้เครดิต Ubisoft ตรงนี้เลยที่กล้าปั้น IP ใหม่ซึ่งมาพร้อมๆ กับระบบเกมเพลย์อันแปลกใหม่และแตกต่างในยุคที่ค่ายเกมส่วนใหญ่เลือกจะสร้างและขายงานที่ "เซฟ" ไว้ก่อน โดยเฉพาะระบบต่อสู้แบบ 3ทิศทาง ที่เอื้อต่อการดวลกันสุดๆ เรียกว่าอดรีนาลีนเดือดพล่านกันเลยดีกว่า เน้นจังหวะจะโคนกันอย่างถึงพริกถึงขิง ใครพลาดแม้เพียงสักครั้งก็มีสิทธ์ล่องจุ๊นได้เลย
ซึ่งพอพูดถึงจังหวะ ทั้ง 12 คลาสก็มีจังหวะและรูปแบบการเล่นที่แทบจะต่างต่างกันโดยส้นเชิงแม้บางตัวจะเป็น Type เดียวกันก็ตาม ทำให้คุณต้องใช้เวลาศึกษา Movement, ระยะ และจังหวะในการเล่นสักพักหนึ่ง คล้ายๆ กับเกมแนว Fighting เลยครับ ทำให้มันค่อนข้างจะไม่เป็นมิตรกับชาวแคชชวลที่เดินผ่านมาเพื่อเล่น แต่หากสามารถลงลึกกับจนถึงขั้นใช้ท่าได้คล่องในระดับหนึ่ง คุณก็จะเริ่มติดพันกับมันได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามนั่นคือเรื่องของการเล่นตัวละคร 1 คลาส หากอย่างลองคลาสใหม่ก็ต้องเริ่มศึกษาใหม่กันแต่ต้น เก็บเลเวลใหม่ทั้งหมดและคุณจะกลับไปอยู่ใน Learning curve ที่ต้องใช้เวลาเช่นเดิมอีกระยะหนึ่ง ซึ่งหากคุณไม่มีปัญหากับระบบคล้ายๆ เกม Fighting แบบนี้ ผมบอกเลยว่าคุณจะบันเทิงกับ For Honor มากๆ ครับ
ตัวเกมยังมีระบบการขึ้นเลเวลและดรอปไอเทมอาวุธที่มีสเตตัสต่างๆ ซึ่งมันจะไม่มีผลใดๆ ในโหมดดวล 1v1, 2v2 หรือ 4v4 ครับ แต่หากเป็นในโหมด Dominion ซึ่งมีเรื่องของการยึดพื้นที่หรือดันลูกกระจ็อกเข้าโซนนี่ก็จะเป็นอีกเรื่องครับ เพราะสเตตัสอาวุธและสกิลประเภท Active ตามเลเวลจะถูกปลดล็อคทั้งหมด ดังนั้นในหมดนี้การดวล 1-1 ด้วยเกียรติอาจไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอีกต่อไป คุณอาจจะโดนรุมหรือถูกแย่งจุดทำแต้มได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการเลือกตัวและชุดสกิลตอนเริ่มแมทช์จึงสำคัญเป็นอย่างมาก พอๆ กับแทดติดการเล่นระหว่างเกมงานนี้การฆ่าแม้จะสำคัญแต่หาใช่ที่สุดอีกต่อไปครับ เพราะโหมดนี้ใครทำแต้มได้ถึง 1,000 เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งมีสิทธิ์กำชัยมากขึ้นเท่านั้น
For Honor ยังมีคอนเท้นท์ระยะยาวซึ่งน่าจะช่วยดึงผู้เล่นไว้กับได้นานพอสมควรกับระบบ Faction War ซึ่งใครอยู่ฝั่งไหนก็เลือกกันไปในทีแรกนั่นแหละครับ โดยการเข้าเล่นโหมดต่างๆ ในมัลติเพลเยอร์เมื่อจบแล้วเราสามารถทำการ Deploy War Assets ในพื้นที่โหมดนั้นๆ เพื่อส่งกำลังช่วยฝ่ายเราในสงครามที่สามารถบอกได้เลยว่ารบกันทั้งโลกครับ โดยหากพื้นที่ไหนโดนฝ่ายใดครอบครองอยู่ในเวลานั้น หากผู้เล่นสังเกตดีๆ เวลาเข้าฉาก สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ รวมถึงภูมิประเทศก็จะเปลี่ยนไปเป็นธีมของฉากนั้นๆ เช่นไวกิ้งเป็นเขตพื้นที่หนาวเหน็บ ขณะที่ซามูไรก็จะมีป่าขึ้น เป็นต้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นกิมมิคที่ดีน่าสนใจและดูเป็นพลวัตรไม่เบา นอกจากนี้ Faction War จะนับเป็น Season ฝ่ายใดชนะใครสังกัดฝ่ายนั้นก็จะได้รับไอเท็มไปครอบครองครับ ฟังดูแล้วก็น่าสนใจ ทั้งยังเพิ่มเป้าหมายในการเล่นอีกต่างหาก
สุดท้ายขอพูดถึงอีกหนึงจุดด่างพร้อยของเกมสักหน่อยนั่นก็คือระบบ Microtransanction หรือขายของยิบย่อยในเกมนั่นเอง ไล่ไปตั้งแต่เครื่องแต่งกายชุดพิเศษ Emote, ท่า Execution ลามไปถึงกล่องสุ่ม Scavenger Gear จริงอยู่ว่าของแทบทั้งหมดในเกมนั้นสามารถซื้อหาได้ด้วยทองในเกม ทว่าราคาที่ถูกตั้งมานี่ต้องบอกว่าปาดเหงื่อกันหลายตลบ ดูอออกเลยว่าบังคับให้ใช้เงินจริงเปย์เพื่อซื้อกลายๆ ครับ เพื่อคุณเล่นจบแมทช์หนึ่งก็ได้เงินมาไม่กี่ร้อย แต่ของหลายๆ ชิ้นกลับมาราคาระดับ 5,000 ทองขึ้นไปจนถึงเกือบๆ 40,000 ทอง แบบว่าบ้าไปแล้ว คือจริงอยู่ที่บางเกมก็มีระบบคล้ายๆ กันแต่ผมก็คิดว่ามันไม่ได้กึ่งบังคับกันขนาดนี้ครับ อันนี้่พูดตรงๆ เลยว่าน่าเกลียดไปสักหน่อย
อย่างไรก็ตามเมื่อมองดีๆ ก็แล้วมีสเน่ห์เหลือเกิน~ (เพลงมา) นะครับสำหรับ For Honor มันเป็นเกมที่สนุกอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับผู้ชื่อชอบเกมแอคชั่นหลายๆ ท่าน เพราะขนาดมันมีปัญหาใหญ่ที่ดูไปแล้วอาจจะไม่มีทางแก้ที่หายขาด ผมก็ยังรู้สึกบันเทิงกับมันถึงขนาดนี้เลยล่ะนอกจากนี้ยังมีงานดีไซน์ฉากและคอสตูมอันยอดเยี่ยมเด็ดขาดจนสามารถสรรเสริญได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใดๆ ทำให้สำหรับผมแล้ว นี่คือ 1 ในเกมที่ดีที่สุดช่วงต้นปีเลยครับ แม้ราคาอาจแรงไปหน่อยสำหรับบางคน แต่ถ้าหากชอบเกมแอคชั่น-มัลติเพลเยอร์ล่ะก็ For Honor น่าจะตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน